พูดถึงปากประ ทุกคนก็นึกถึงยอยักษ์ฮะ ที่ที่ยังคงไว้ซึ่งวิถีชาวประมง และวัฒนธรรมพื้นบ้าน ร เราไปถึงที่ ปากประสายไปหน่อยเลยไม่ได้เก็บแสงเช้าวันแรก ที่สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ก็เลยได้แต่จอดรถชมวิวกัน อากาศกำลังดีเพลินๆดีเหมือนกัน
       หลังจากนั้นเราก็เดินทางเข้าที่พัก ซึ่งที่พักของเราในครั้งนี้คือ ศรีปากประ ผมชอบเลยนะ ที่พักดีมาก หลังจากพักผ่อนกันตามอัธยาศัย ก็ออกมารอเก็บแสงเย็นกันซึ่งต้องบอกเลยว่า แห้ว เพราะฝนตกกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์มาก ก็ได้แต่เก็บภาพกันไปตามเรื่อง
จากนั้นจุดมุ่งหมายหลักอีกอย่างของเราคือล่าช้างเผือก งานนได้ดูแอฟ ดูเวลาถึงเวลาก็ออกลุยกัน ลงทะเลน้อยตอนดึกดื่นเที่ยงคืนบอกเลย เสียววาบบ นึกถึงหนังสยองขวัญเลยที่มีสะพานยื่นไปในทะเลสาบแล้วมีตัวอะไรโผล่ออกมาจากใต้น้ำ หลังจากเก็บช้างน้อยๆที่ปากประกันได้พอประมาณก็แยกย้ายกันพักผ่อน เพราะเช้าอีกวันได้มีการนัดกับลุงเจ้าของพื้นที่เพื่อมาหวานแห่ ตอนช่วงเช้ากัน
      ช่วงเช้านี้ผมชอบมากเลยได้ลงน้ำถ่ายภาพการทอดแห่ ได้ลงเล่นน้ำในทะเลน้อยยามเช้ามันช่างฟิน ยังไงบอกไม่ถูก
หลังจากการเก็บแสงเช้าเราก็เข้าที่พักอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปล่องเรือชมทะเลบัวแดง และควายน้ำ ผมนี้อยากเห็นควายน้ำมากเลยแต่พอไปถึง ช่วงที่เราไปเป็นช่วงที่ควายน้ำเข้าไปกินบนฝั่งผมเลยอดที่จะเห็นแต่ ก็ไม่เสียใจเลยเมื่อได้ล่องเรือชมทัศนียภาพริมสองฝั่งทะเลน้อยชมวีถีชาวประมงริมฝั่ง จนไปถึงทุ่งบัวแดงถึงบัวช่วงที่ไปจะไม่เยอะแต่ก็ยังหลงเหลือความสวยงามเอาไว้ให้คณะเราได้ชื่นชม

ป.ลิง คณะเราได้เยี่ยมชมและได้รับอนุญาติให้ถ่ายภาพช่างสานกระจูดซึ่งที่นี้ยังอนุรักษ์ไว้ อันนี้ถือว่าดีงามมากฮะ
หลังจากเก็บภาพท่องเที่ยวกันตามที่ตั้งใจไว้แล้วก็ถึงเวลาที่ผมจะกลับไปสู่โลกแห่งความจริง ซะที่บ้ายบายปากประ ทริปนี้ถือว่าเป็นทริป ลุย อีกทริปที่สนุกมากมาย ถึงจะมีกินแห้วบ้างอะไรบ้างแต่ก็ถือว่าประสบความสำเร็จในการเดินทางฮะ

ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกท่านที่แวะมาชมภาพด้วยนะฮะ