จากเมื่อวาน รถคว่ำยับ ประกันหมด ติดไฟแนนอยู่

เมื่อวานน้องเมียผมเอารถซึ่งประกันพึ่งหมดไปไม่กี่วันไปคว่ำ ลากไปศูนย์ค่าซ่อม3-4แสน ผมจึงตัดสินใจว่าจะโทรให้ไฟแนนมาลากรถไป(ก้มหน้ายอมรับ) รถผมราคาถ้าจำไม่ผิด 642000 ผมดาวน์ไปแสนสองหมื่นผ่อนไปแล้ว1ปีกว่าเดือนละ9694 รวมๆแล้วน่าจะ แสนสอง รวมเงินดาวน์2แสนสี่ รวมรถที่ให้ยึดไปด้วยซึ่งสภาพรถเครื่องไม่เป็นไร แต่รอบคันช้ำจริงๆ ช่วงล่างก็ไม่เป็นไร เรื่องขึ้นศาลเข้าใจว่าต้องขึ้นแน่ๆ อยากรู้ว่าคดีแบบนี้จะถึงกับติดคุกไหมครับ ตอนนี่มืดแปดด้านจริงๆ จะเอาผิดกับน้องเมียก้อน่าจะมีปัญหากับทางบ้านเค้า ตอนนี่มองหน้ากันแทบจะไม่ติดแล้วทั้งๆที่ผมไม่ได้เป็นคนผิด เมียกับแม่เค้าก็ทะเลาะกันผมไม่อยากให้มีปัญหากันคุยกับน้องเมียแล้วว่าถ้าศาลว่าไงให้ผ่อนส่วนต่างเท่าไหร่มันก็ต้องรับผิดชอบให้ จะให้ผมไปรับคนเดียวก้อไม่ไหวเพราะรถผมก็ต้องไปหาซื้อมือสองมาวิ่งงานขายของ(ซึ่งจำเป็นมากกับการทำมาหากิน) คิดง่ายๆคือตอนนี่ผมเป็นหนี้เค้า4แสน (ยังไม่รวมค่ารถที่จะให้ไฟแนนมาลากไป) ใครเคยเจอเหตุการณ์แบบนี่บ้างครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 25
สิ่งที่เกิดไปแล้ว ..ย้อนคืนไม่ได้  ... เท่าที่อ่านดู คงต้องแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าไปก่อนตามปัญหาที่จะเข้ามา ...คิดถึงภรรยาคุณให้มากๆ ที่เธอเป็นคนกลางต้องลำบากใจอย่างมากต่อเหตุการณ์นี้  หากเป็นผมก็คงถือว่าเป็นเคราะห์กรรมไป ..ดูแลคนใกล้ชิดในครอบครัวไปครับ อย่าสร้างความลำบากใจให้เพิ่มมากขึ้น เพราะถึงจะโทษใครก็ไม่ทำให้เหตุการณ์ต่างๆดีขึ้นมา ...คุณจะให้น้องเมียจ่ายคุณก็ทราบดีว่ายังไงเขาก็ยังไม่มีเงินจ่ายคุณในช่วงนี้แน่นอน การไปกดดันยิ่งทำให้เรื่องเลวร้ายมากขึ้น โดยไม่ช่วยอะไรขึ้นมาเลย ...

   เรื่องมาถึงขั้นนี้ คงต้องรับสภาพหนี้ และช่วยกันทุกฝ่าย คุยกันให้เข้าใจ ซึ่งคุณกับภรรยา คงรู้สภาพตัวเอง และภรรยาคุณคงเข้าใจในเคราะหืกรรมที่เกิดขึ้นครั้งนี้ และคงช่วยกันสู้มากขึ้น  ส่วนน้องเมียและครอบครัวของเธอก็รู้ถึงความเสียหายและยอมรับผิด เพียงแต่ไม่สามารถรับผิดชอบเพราะมันเกินฐานะหรือหาเงินมาชำระในช่วงนี้ได้ คงอยู่ในสภาพจำยอมแบบเดียวกับไฟแนนซ์จะมาทำอะไรกับคุณได้ นอกจากฟ้องร้องต่อศาลเท่านั้น

   การพยายามโทษคนอื่นจากสิ่งร้ายร้ายๆที่เกิดขึ้น มันอาจจะทำให้ปลอบใจเราว่า ไม่ใช่ความผิดของเรา ...แต่มันไม่ช่วยในการแก้ไขปัญหาให้ดีขึ้นได้เลย  ...ปัญหาคือ ความเสียหายที่เกิดขึ้นมาแล้ว จะหาทางชดใช้หรือแก้ไขเรื่องนี้ได้ยังไงมากกว่า ....ทำในสิ่งที่ทำได้และบริสุทธิ์ใจ หากยังไม่สามารถชำระค่าเสียหายให้แก่ไฟแนนซ์ได้ ก็ต้องประนอมหนี้ จ่ายเท่าที่จ่ายได้ไป หรือ ยอมให้ฟ้องเสียเครดิตไประยะหนึ่ง ( คงต้องยอมเสียหายบางส่วนบ้าง )  เชื่อว่า ทางไฟแนนซ์คงต้องการเงินคืนมากกว่าการฟ้องร้อง และเมื่อคุณแสดงเจตนาว่าไม่ได้ต้องการหนีหนี้ แต่ไม่สามารถชำระมูลหนี้มากขณะนั้นได้ จากความเสียหายครั้งนี้  .. ซึ่งหากไฟแนนซ์ไม่ยินยอม จะบังคับให้คุณชำระมากกว่าที่คุณจ่ายได้แต่ละงวด ก็คงต้องยอมให้ไฟแนนซ์ไปฟ้องร้องและตกลงกันในศาลแทนนะครับ ....

    ส่วนครอบครัวภรรยาคุณ น่าจะเห็นใจและให้ความร่วมมือกับคุณมากขึ้น ในการช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆในอนาคต...  คุณไปขอลูกสาวเขามา เขายกให้คุณ คุณก็เสมือนสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวเขา แม้เหตุการณ์นี้น้องเมียคุณผิด แต่ก็ต้องถือว่า คุณมีส่วนประมาทเลินเล่อด้วยที่ไม่ต่อประกันรถยนต์  ซึ่งหากเป็นตัวคุณหรือภรรยาขับรถนั้นแทน  ความเสียหายก็คงไม่แตกต่างกันเช่นกันเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือคุณมั่นใจว่า คุณจะไม่มีโอกาสขับรถเกิดอุบัติเหตุขึ้นเลย ?

    พยายามมองจากความเสียหายที่เกิดขึ้นไปแล้ว แล้วค่อยๆพิจารณาแก้ไข ไปทีละประเด็น ไปเรื่อยๆ... อย่าไปกดดันหรือโทษคนใดคนหนึ่ง เพราะมันไม่ช่วยอะไรเลย มีแต่จะทำให้สมาชิกในครอบครัวมองหน้ากันไม่ติด และไม่ร่วมมือกันช่วยแก้ไขปัญหาวิกฤติครั้งนี้ ...น่าเห็นใจภรรยาคุณที่เธอไม่ได้มีส่วนผิดอะไร แต่ต้องมารับความกดดันจากการเป็นคนกลาง คุณน่าจะเห็นใจเธอให้มากๆนะครับ  ยิ่งเธอกำลังมีลูกน้อย ต้องมารับสภาพปัญหาทางการเงินในครอบครัว แล้วยังต้องมาถูกกดดันจากสามีและฝ่ายครอบครัวของเธอ ...ช่วยเข้าใจเธอบ้างนะครับ..

    ทุกเรื่องแก้ไขได้  บางเรื่องอาจใช้เวลานานหลายปี  แต่เหตุการณ์ต่างๆเหล่านั้นจะสอนให้เราหาทางแก้ไขปัญหาที่เคยเจอมา และป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องเลวร้ายแบบนั้นอีก ...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่