Part 1 ถึงย่างกุ้ง
http://ppantip.com/topic/35106177
Part 3 มัณฑะเลย์
http://ppantip.com/topic/35206121
วันที่ 2 หงสาวดี
ตื่นตี 5 อาบน้ำแต่งตัว เพื่อเดินไปสถานีรถไฟค่ะ ฝากกระเป๋าไว้ที่พักก่อน และฝากน้องที่ Guesthouse ซื้อตั๋วเพื่อไปมัณฑะเลย์ให้ เพราะน้องเค้าจะไปที่ซื้อตั๋วพอดี แต่ถ้าเราแนะนำ ควรไปซื้อด้วยตัวเองนะคะ หรือจองโดยขอเบอร์จากที่ Guesthouse ก็ได้ค่ะ เพราะเราไม่รู้ว่าจะโดนหลอกมั้ย
ระหว่างทางไปสถานีรถไฟจะเจออาคารสวยๆ หลายที่
และจะเจอสถานีรถไฟเก่าๆ ซึ่งเราหลงเข้าไป น่าจะเป็นสถานีรถไฟที่เดินทางใกล้ๆ หรือสถานีรถไฟท้องถิ่น
สถานีรถไฟที่ไปหงสาวดีจะต้องเดินเลยไปอีก คือถ้าหันหน้าเข้าสถานีรถไฟเก่านี้ เดินไปทางขวามือ จะเจอสะพานสีขาว ขึ้นสะพานสีขาวไปและเลี้ยวซ้ายข้ามไปอีกฝั่งนึง จะเจอสถานีรถไฟที่ใหญ่กว่า ลงไปซื้อตั๋วได้เลย พอดีเราเจอน้องแม่ชีเลยเข้าไปถาม น้องแม่ชีกับคุณป้าคงสงสารเลยพาเดินไปที่สถานีเลยค่ะ
บรรยากาศบนสะพานที่ต้องเดินไปสถานีรถไฟค่ะ
ถึงแล้วค่ะสถานีรถไฟ พนักงานขายตั๋วใส่เสื้อกล้าม 555 ชิวสุดๆไปเลย
ตั๋ว Upper Class ราคา 1,150 จ๊าด
ออกจากสถานีเวลา 7.15 น.
น้องแม่ชีและคุณป้าที่ช่วยพาเดินไปที่สถานี และพามาซื้อตั๋วค่ะ มีน้ำใจมากๆเลย
7.15 น. รถไฟก็ออกจากสถานีค่ะ ตรงเวลาเป๊ะ ^^
บรรยากาศรถไฟชั้น Upper Class ค่ะ คล้ายๆชั้น 2 บ้านเรา จริงๆ ถ้าชินกับการนั่งรถไฟชั้น 3 เมืองไทย ก็ไม่ต้องจอง Upper Class ก็ได้ค่ะ ตอนแรกคิดไปเองว่า Ordinary Class จะน่ากลัวสำหรับผู้หญิงเลยจอง Upper Class ไป
ระหว่างทางได้เดินไปเล่นกับเด็กๆ บนรถไฟชั้น ordinary class เหมือนกับรถไฟชั้น 3 บ้านเราค่ะ
บรรยากาศสถานีอื่นระหว่างทาง
9.00 น. ถึงสถานีรถไฟที่หงสาวดีแล้วค่ะ ที่นี่จะเรียกเมืองหงสาวดีว่า Bago
ออกมาจากสถานีรถไฟ เราจะได้เจอกับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่จะเข้ามาเสนอราคากับเราเพียบเลยค่ะ
ต่อราคากันจนเหนื่อยเลย เราจะไปเที่ยวแค่ 3 ที่ เพราะมีเวลาแค่ครึ่งวัน คือ
1. เจดีย์ชเวมอดอร์ (พระธาตุมุเตา)
2. พระราชวังกัมโพชธานี (พระราชวังบุเรงนอง)
3. วัดจ๊ะไคท์วายน์จอง
ตอนแรกมอเตอร์ไซค์จะเอา 10,000 จ๊าด ต่อไปต่อมา เหลือ 5,000 จ๊าดค่ะ คือไรค้าาา คือถ้าใครไม่เตรียมตัวมาให้ดี อาจโดนฟันค่ารถแบบโหดมากๆ
ต่อราคาได้จนพอใจละ ก็ไปแว้นกันเลยค่าาา
ถนนบางช่วงจะเป็นลูกรังแบบนี้ค่ะ ฝุ่นเยอะ หัวเหนียวเลย
เริ่มเข้าเมืองแล้ว
ถึงที่แรก...เจดีย์ชเวมอดอร์ (พระธาตุมุเตา)
เสียค่าเข้า 10,000 จ๊าด
ค่าถ่ายรูป 300 จ๊าด
ทางเดินเข้าเจดีย์
พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ หรือพระธาตุมุเตา แปลว่า "จมูกร้อน" กล่าวกันว่าพระมหาธาตุองค์นี้สูงมาก (สูงสุดในพม่า) จนต้องแหงนหน้ามองต้องกับแสงแดด
พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ ใช้เป็นที่ทำพระราชพิธีเจาะพระกรรณของพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้เมื่อครั้งพระองค์ขึ้นครองราชย์ใหม่ ๆ ภายใต้วงล้อมของทหารมอญหลายหมื่นนายที่เป็นศัตรู แต่ก็ไม่อาจทำอะไรพระองค์ได้ เมื่อพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้สามารถยึดพะโคเป็นราชธานีแห่งใหม่ได้สำเร็จ ในรัชกาลต่อมา คือ พระเจ้าบุเรงนองได้มีการสร้างฉัตรถวายเพิ่มเติมอีกหลายชั้น จนพระมหาธาตุสูงขึ้นอีกหลายเท่า และทรงถอดมณีที่ประดับยอดมงกุฎของพระองค์ถวายเป็นพุทธบูชาสูงสุด อีกทั้งกล่าวกันว่าก่อนที่พระองค์จะออกทำศึกคราใด จะทรงมานมัสการพระมหาธาตุนี้ก่อนทุกครั้ง ซึ่งในปัจจุบันจุดที่เชื่อว่าพระองค์ทำการสักการะก็ยังปรากฏอยู่ และสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเมื่อครั้งยกทัพมาตีพะโคก็ได้เสด็จมานมัสการด้วย
ที่มา :
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%8A%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%AD
ไปตอนกลางวันจะร้อนเท้ามาก ต้องถอดรองเท้าและถุงเท้า เราต้องวิ่งเขย่งๆ ตลอดทาง 55
รอบๆ เจดีย์จะมีเทพเจ้าหลายองค์
ก่อนออกก็เอาขวดน้ำไปกรอกน้ำฟรีไว้กินระหว่างทาง น้ำดื่มมีบริการฟรีรอบๆเจดีย์ค่ะ
ไปต่อกันเลยค่ะ พระราชวังกัมโพชธานี หรือ พระราชวังบุเรงนอง
พระราชวังกัมโพชธานี หรือ พระราชวังแห่งเมืองหงสาวดี (พะโค) ของพระเจ้าบุเรงนอง ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของพระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ (พระธาตุมุเตา) สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2109 ซึ่งเป็นปีที่ 15 ของการครองราชย์ของพระองค์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พระองค์เรืองอำนาจสูงสุด พระองค์ตัดสินพระทัยเผาพระราชวังเก่าไปเนื่องจากมีการกบฏ พระราชวังกัมโพชธานีสร้างขึ้นโดยใช้แรงงานจากประเทศราชต่าง ๆ และพระองค์โปรดให้ใช้ชื่อประตูต่าง ๆ ทั้งหมด 20 ประตู ตามชื่อของแรงงานประเทศราชที่สร้าง เช่น ประตูทางตอนเหนือปรากฏชื่อ ประตูโยเดีย (อยุธยา) ประตูตอนใต้ชื่อ ประตูเชียงใหม่ อีกทั้งยังมีพระตำหนักของพระสุพรรณกัลยา องค์ประกันที่ตกเป็นเชลยและกลายเป็นมเหสีองค์หนึ่งของพระองค์ด้วย
พระราชวังกัมโพชธานีถูกเผาจนเหลือแต่เพียงซาก หลังจากการสวรรคตของพระเจ้าบุเรงนอง ด้วยกบฏยะไข่ พร้อม ๆ กับอาณาจักรตองอูที่เคยเรืองอำนาจเสื่อมลง
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2533 รัฐบาลพม่าได้ขุดค้นพบซากของพระราชวังที่เหลือเพียงแค่ตอไม้ที่โผล่พ้นดินออกมาเท่านั้น และได้มีการเร่งสร้างพระราชวังจำลององค์ใหม่ขึ้นมา ฉาบด้วยสีทองทั้งหลัง ทั้งที่พื้นดินบริเวณโดยรอบได้ขุดพบโบราณวัตถุต่าง ๆ มากมาย ซึ่งเชื่อว่ายังมีอยู่อีกจำนวนมากที่ยังไม่ถูกขุดขึ้นมา แต่ได้ถูกทางการสร้างพระราชวังทับลงไปแล้ว แต่ซากไม้ที่ใช้สร้างพระราชวังแต่ครั้งอดีตที่ยังหลงเหลืออยู่ได้ถูกจัดแสดง ซึ่งไม้แต่ละท่อนมีตัวอักษรจารึกอยู่ว่าเป็นผลงานของเมืองใด ภายในพระราชวัง มีพระราชบัลลังก์ที่มีชื่อว่า "บัลลังก์ภุมรินทร์" หรือ "บัลลังก์ผึ้ง" ซึ่งสร้างขึ้นมาจากคติเรื่องจักรวาลตามความเชื่อของศาสนาฮินดู
ที่มา :
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B5
เสาพระราชวังเดิม ตั้งคู่กับเสาที่สร้างจำลองขึ้นมา
เสาพระราชวังของจริงค่ะ
บรรยากาศภายในจะคล้ายพิพิธพัณฑ์ค่ะ
ไปต่อกันที่ต่อไปค่ะ วัดจ๊ะไคท์วายน์จอง
ไปถึงสิ่งที่จะเจอตรงทางเข้าคือ มีคนมาขายโปสการ์ด ขายของที่ระลึก ข้าวโพด ฯลฯ หรือจะมีเด็กๆมาขอตังค์ค่ะ บางคนพูดภาษาไทยได้ด้วย
เราพกลูกอมมาจากเมืองไทยเยอะ เลยแบ่งให้เด็กๆก็จะเลิกขอค่ะ
วัดจ๊ะไคท์วายน์จอง เป็นโรงเรียนสงฆ์ซึ่งมีพระและเณรจำพรรษาหลายร้อยรูป ในช่วงเช้าระหว่าง 10-11 โมง จะมีการตั้งแถวฉันเพล พระจะเดินแถวมาเป็นระเบียบเพื่อมารับอาหารเพลที่ชาวบ้านนำมาถวาย หากใครที่อยากจะใส่บาตร ก็สามารถร่วมใส่บาตรได้ค่ะ
ก่อนฉันเพลก็จะมีการสวดมนต์ค่ะ เสียงกังวาลขนลุกเลย
หลังจากเดินรอบๆวัด ก็ได้เวลากลับย่างกุ้งแล้วค่ะ ต้องกะเวลาเผื่อเยอะหน่อย เพราะไม่รู้ว่ารถเมล์จากหงสาวดี ไปย่างกุ้งจะใช้เวลานานแค่ไหน
พี่มอเตอร์ไซค์พามาซื้อตั๋วรถเมล์ในตลาด ราคา 3,000 จ๊าด ก็จะได้ตั๋วหน้าตาแบบนี้
รถเมล์ระหว่างหงสาวดี – ย่างกุ้ง ส่วนใหญ่จะเป็นรถที่มาจากเมืองอื่น ผ่านหงสาวดีเข้าย่างกุ้ง ชาวบ้านบอกว่าต้องโบกเอาไม่ได้จอดที่สถานี แต่น้ำตาลโชคดีหน่อย พี่มอเตอร์ไซค์พามาส่งถึงที่และคุยให้
12.00 น. รถเมล์ก็มาแล้ว
บรรยากาศภายในรถเมล์ก็จะเป็นแบบในรูป
มีเบาะเสริมด้วยค่ะ (เก้าอี้สีฟ้า) และถ้าคนเยอะๆ จะมีเก้าอี้เสริมตรงกลางที่สามารถพับลงมาได้ คือถ้าคนที่นั่งอยู่หลังสุดจะออก คนที่นั่งแถวกลางก็ต้องลงกันหมด 555
13.00 น. ก็มาถึงตลาด 10 ไมล์สต๊อปค่ะ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วก็ต่อรถเมล์กลับไปที่พักที่เจดีย์สุเลย์พญา (รถเมล์สาย 132, 135, 131, 139 ไปเจดีย์สุเลพญา)
14.00 น. ถึงที่พักค่ะ (ใช้เวลา 1 ชั่วโมงจากตลาด 10 ไมล์สต๊อป) เพื่อมาเอากระเป๋าที่ฝากไว้และมาเอาตั๋วไปมัณฑะเลย์ที่ฝากพนักงานที่เกสต์เฮาส์ซื้อ และขอทางที่พักอาบน้ำ อาบเสร็จปรากฏว่าไฟดับทั้งบ่ายเลย TT เลยออกไปเดินเล่นหาไรกิน เพราะรถที่จองไว้เป็นรอบ 20.00 น. มีเวลาเหลือเฟือเลย
ตอนเย็นเลยชวนเพื่อนๆ ที่เกสต์เฮาส์ไปกินข้าวเย็นด้วยกัน จัดเต็มค่ะ คนละ 4,000 จ๊าด
18.30 น. นั่งแท็กซี่ไปสถานีขนส่งอองมิงกาลา 8,500 จ๊าด หาร 4 คน ถ้าต่อดีๆ อาจได้ 7,000 จ๊าด
เวลาไปสถานีขนส่งอองมิงกาลา เช็คตั๋วดีๆว่าบริษัทรถทัวร์ที่เราจองท่ารถอยู่ที่ไหน เพราะสถานีมี 2 ซอยติดกัน จะได้ไม่หลง ถ้าไปไม่ถูกถามคนแถวนั้นดูก็ได้
M Express บริษัทรถทัวร์ที่น้ำตาลจองเพื่อเดินทางไปมัณฑะเลย์ค่ะ
20.00 น. รถก็ออกค่า
22.45 น. รถทัวร์แวะจุดพักรถ ให้ผู้โดยสารเข้าห้องน้ำ และกินข้าว คล้ายๆ บ้านเรา มีข้าว ขนมและของฝากให้ซื้อ
แวะประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ออกเดินทางต่อ หลับยาวไปเลย
เจอกันพรุ่งนี้ที่มัณฑะเลย์ค่ะ
Part 1 ถึงย่างกุ้ง
http://ppantip.com/topic/35106177
Part 3 มัณฑะเลย์
http://ppantip.com/topic/35206121
สาวเปลี่ยวเที่ยวพม่า ผจญภัยในดินแดนแห่งศรัทธา (ย่างกุ้ง - หงสาวดี - มัณฑะเลย์ - พุกาม) Part 2 หงสาวดี
Part 3 มัณฑะเลย์ http://ppantip.com/topic/35206121
วันที่ 2 หงสาวดี
ตื่นตี 5 อาบน้ำแต่งตัว เพื่อเดินไปสถานีรถไฟค่ะ ฝากกระเป๋าไว้ที่พักก่อน และฝากน้องที่ Guesthouse ซื้อตั๋วเพื่อไปมัณฑะเลย์ให้ เพราะน้องเค้าจะไปที่ซื้อตั๋วพอดี แต่ถ้าเราแนะนำ ควรไปซื้อด้วยตัวเองนะคะ หรือจองโดยขอเบอร์จากที่ Guesthouse ก็ได้ค่ะ เพราะเราไม่รู้ว่าจะโดนหลอกมั้ย
ระหว่างทางไปสถานีรถไฟจะเจออาคารสวยๆ หลายที่
และจะเจอสถานีรถไฟเก่าๆ ซึ่งเราหลงเข้าไป น่าจะเป็นสถานีรถไฟที่เดินทางใกล้ๆ หรือสถานีรถไฟท้องถิ่น
สถานีรถไฟที่ไปหงสาวดีจะต้องเดินเลยไปอีก คือถ้าหันหน้าเข้าสถานีรถไฟเก่านี้ เดินไปทางขวามือ จะเจอสะพานสีขาว ขึ้นสะพานสีขาวไปและเลี้ยวซ้ายข้ามไปอีกฝั่งนึง จะเจอสถานีรถไฟที่ใหญ่กว่า ลงไปซื้อตั๋วได้เลย พอดีเราเจอน้องแม่ชีเลยเข้าไปถาม น้องแม่ชีกับคุณป้าคงสงสารเลยพาเดินไปที่สถานีเลยค่ะ
บรรยากาศบนสะพานที่ต้องเดินไปสถานีรถไฟค่ะ
ถึงแล้วค่ะสถานีรถไฟ พนักงานขายตั๋วใส่เสื้อกล้าม 555 ชิวสุดๆไปเลย
ตั๋ว Upper Class ราคา 1,150 จ๊าด
ออกจากสถานีเวลา 7.15 น.
น้องแม่ชีและคุณป้าที่ช่วยพาเดินไปที่สถานี และพามาซื้อตั๋วค่ะ มีน้ำใจมากๆเลย
7.15 น. รถไฟก็ออกจากสถานีค่ะ ตรงเวลาเป๊ะ ^^
บรรยากาศรถไฟชั้น Upper Class ค่ะ คล้ายๆชั้น 2 บ้านเรา จริงๆ ถ้าชินกับการนั่งรถไฟชั้น 3 เมืองไทย ก็ไม่ต้องจอง Upper Class ก็ได้ค่ะ ตอนแรกคิดไปเองว่า Ordinary Class จะน่ากลัวสำหรับผู้หญิงเลยจอง Upper Class ไป
ระหว่างทางได้เดินไปเล่นกับเด็กๆ บนรถไฟชั้น ordinary class เหมือนกับรถไฟชั้น 3 บ้านเราค่ะ
บรรยากาศสถานีอื่นระหว่างทาง
9.00 น. ถึงสถานีรถไฟที่หงสาวดีแล้วค่ะ ที่นี่จะเรียกเมืองหงสาวดีว่า Bago
ออกมาจากสถานีรถไฟ เราจะได้เจอกับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่จะเข้ามาเสนอราคากับเราเพียบเลยค่ะ
ต่อราคากันจนเหนื่อยเลย เราจะไปเที่ยวแค่ 3 ที่ เพราะมีเวลาแค่ครึ่งวัน คือ
1. เจดีย์ชเวมอดอร์ (พระธาตุมุเตา)
2. พระราชวังกัมโพชธานี (พระราชวังบุเรงนอง)
3. วัดจ๊ะไคท์วายน์จอง
ตอนแรกมอเตอร์ไซค์จะเอา 10,000 จ๊าด ต่อไปต่อมา เหลือ 5,000 จ๊าดค่ะ คือไรค้าาา คือถ้าใครไม่เตรียมตัวมาให้ดี อาจโดนฟันค่ารถแบบโหดมากๆ
ต่อราคาได้จนพอใจละ ก็ไปแว้นกันเลยค่าาา
ถนนบางช่วงจะเป็นลูกรังแบบนี้ค่ะ ฝุ่นเยอะ หัวเหนียวเลย
เริ่มเข้าเมืองแล้ว
ถึงที่แรก...เจดีย์ชเวมอดอร์ (พระธาตุมุเตา)
เสียค่าเข้า 10,000 จ๊าด
ค่าถ่ายรูป 300 จ๊าด
ทางเดินเข้าเจดีย์
พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ หรือพระธาตุมุเตา แปลว่า "จมูกร้อน" กล่าวกันว่าพระมหาธาตุองค์นี้สูงมาก (สูงสุดในพม่า) จนต้องแหงนหน้ามองต้องกับแสงแดด
พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ ใช้เป็นที่ทำพระราชพิธีเจาะพระกรรณของพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้เมื่อครั้งพระองค์ขึ้นครองราชย์ใหม่ ๆ ภายใต้วงล้อมของทหารมอญหลายหมื่นนายที่เป็นศัตรู แต่ก็ไม่อาจทำอะไรพระองค์ได้ เมื่อพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้สามารถยึดพะโคเป็นราชธานีแห่งใหม่ได้สำเร็จ ในรัชกาลต่อมา คือ พระเจ้าบุเรงนองได้มีการสร้างฉัตรถวายเพิ่มเติมอีกหลายชั้น จนพระมหาธาตุสูงขึ้นอีกหลายเท่า และทรงถอดมณีที่ประดับยอดมงกุฎของพระองค์ถวายเป็นพุทธบูชาสูงสุด อีกทั้งกล่าวกันว่าก่อนที่พระองค์จะออกทำศึกคราใด จะทรงมานมัสการพระมหาธาตุนี้ก่อนทุกครั้ง ซึ่งในปัจจุบันจุดที่เชื่อว่าพระองค์ทำการสักการะก็ยังปรากฏอยู่ และสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเมื่อครั้งยกทัพมาตีพะโคก็ได้เสด็จมานมัสการด้วย
ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%8A%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%AD
ไปตอนกลางวันจะร้อนเท้ามาก ต้องถอดรองเท้าและถุงเท้า เราต้องวิ่งเขย่งๆ ตลอดทาง 55
รอบๆ เจดีย์จะมีเทพเจ้าหลายองค์
ก่อนออกก็เอาขวดน้ำไปกรอกน้ำฟรีไว้กินระหว่างทาง น้ำดื่มมีบริการฟรีรอบๆเจดีย์ค่ะ
ไปต่อกันเลยค่ะ พระราชวังกัมโพชธานี หรือ พระราชวังบุเรงนอง
พระราชวังกัมโพชธานี หรือ พระราชวังแห่งเมืองหงสาวดี (พะโค) ของพระเจ้าบุเรงนอง ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของพระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ (พระธาตุมุเตา) สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2109 ซึ่งเป็นปีที่ 15 ของการครองราชย์ของพระองค์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พระองค์เรืองอำนาจสูงสุด พระองค์ตัดสินพระทัยเผาพระราชวังเก่าไปเนื่องจากมีการกบฏ พระราชวังกัมโพชธานีสร้างขึ้นโดยใช้แรงงานจากประเทศราชต่าง ๆ และพระองค์โปรดให้ใช้ชื่อประตูต่าง ๆ ทั้งหมด 20 ประตู ตามชื่อของแรงงานประเทศราชที่สร้าง เช่น ประตูทางตอนเหนือปรากฏชื่อ ประตูโยเดีย (อยุธยา) ประตูตอนใต้ชื่อ ประตูเชียงใหม่ อีกทั้งยังมีพระตำหนักของพระสุพรรณกัลยา องค์ประกันที่ตกเป็นเชลยและกลายเป็นมเหสีองค์หนึ่งของพระองค์ด้วย
พระราชวังกัมโพชธานีถูกเผาจนเหลือแต่เพียงซาก หลังจากการสวรรคตของพระเจ้าบุเรงนอง ด้วยกบฏยะไข่ พร้อม ๆ กับอาณาจักรตองอูที่เคยเรืองอำนาจเสื่อมลง
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2533 รัฐบาลพม่าได้ขุดค้นพบซากของพระราชวังที่เหลือเพียงแค่ตอไม้ที่โผล่พ้นดินออกมาเท่านั้น และได้มีการเร่งสร้างพระราชวังจำลององค์ใหม่ขึ้นมา ฉาบด้วยสีทองทั้งหลัง ทั้งที่พื้นดินบริเวณโดยรอบได้ขุดพบโบราณวัตถุต่าง ๆ มากมาย ซึ่งเชื่อว่ายังมีอยู่อีกจำนวนมากที่ยังไม่ถูกขุดขึ้นมา แต่ได้ถูกทางการสร้างพระราชวังทับลงไปแล้ว แต่ซากไม้ที่ใช้สร้างพระราชวังแต่ครั้งอดีตที่ยังหลงเหลืออยู่ได้ถูกจัดแสดง ซึ่งไม้แต่ละท่อนมีตัวอักษรจารึกอยู่ว่าเป็นผลงานของเมืองใด ภายในพระราชวัง มีพระราชบัลลังก์ที่มีชื่อว่า "บัลลังก์ภุมรินทร์" หรือ "บัลลังก์ผึ้ง" ซึ่งสร้างขึ้นมาจากคติเรื่องจักรวาลตามความเชื่อของศาสนาฮินดู
ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B5
เสาพระราชวังเดิม ตั้งคู่กับเสาที่สร้างจำลองขึ้นมา
เสาพระราชวังของจริงค่ะ
บรรยากาศภายในจะคล้ายพิพิธพัณฑ์ค่ะ
ไปต่อกันที่ต่อไปค่ะ วัดจ๊ะไคท์วายน์จอง
ไปถึงสิ่งที่จะเจอตรงทางเข้าคือ มีคนมาขายโปสการ์ด ขายของที่ระลึก ข้าวโพด ฯลฯ หรือจะมีเด็กๆมาขอตังค์ค่ะ บางคนพูดภาษาไทยได้ด้วย
เราพกลูกอมมาจากเมืองไทยเยอะ เลยแบ่งให้เด็กๆก็จะเลิกขอค่ะ
วัดจ๊ะไคท์วายน์จอง เป็นโรงเรียนสงฆ์ซึ่งมีพระและเณรจำพรรษาหลายร้อยรูป ในช่วงเช้าระหว่าง 10-11 โมง จะมีการตั้งแถวฉันเพล พระจะเดินแถวมาเป็นระเบียบเพื่อมารับอาหารเพลที่ชาวบ้านนำมาถวาย หากใครที่อยากจะใส่บาตร ก็สามารถร่วมใส่บาตรได้ค่ะ
ก่อนฉันเพลก็จะมีการสวดมนต์ค่ะ เสียงกังวาลขนลุกเลย
หลังจากเดินรอบๆวัด ก็ได้เวลากลับย่างกุ้งแล้วค่ะ ต้องกะเวลาเผื่อเยอะหน่อย เพราะไม่รู้ว่ารถเมล์จากหงสาวดี ไปย่างกุ้งจะใช้เวลานานแค่ไหน
พี่มอเตอร์ไซค์พามาซื้อตั๋วรถเมล์ในตลาด ราคา 3,000 จ๊าด ก็จะได้ตั๋วหน้าตาแบบนี้
รถเมล์ระหว่างหงสาวดี – ย่างกุ้ง ส่วนใหญ่จะเป็นรถที่มาจากเมืองอื่น ผ่านหงสาวดีเข้าย่างกุ้ง ชาวบ้านบอกว่าต้องโบกเอาไม่ได้จอดที่สถานี แต่น้ำตาลโชคดีหน่อย พี่มอเตอร์ไซค์พามาส่งถึงที่และคุยให้
12.00 น. รถเมล์ก็มาแล้ว
บรรยากาศภายในรถเมล์ก็จะเป็นแบบในรูป
มีเบาะเสริมด้วยค่ะ (เก้าอี้สีฟ้า) และถ้าคนเยอะๆ จะมีเก้าอี้เสริมตรงกลางที่สามารถพับลงมาได้ คือถ้าคนที่นั่งอยู่หลังสุดจะออก คนที่นั่งแถวกลางก็ต้องลงกันหมด 555
13.00 น. ก็มาถึงตลาด 10 ไมล์สต๊อปค่ะ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วก็ต่อรถเมล์กลับไปที่พักที่เจดีย์สุเลย์พญา (รถเมล์สาย 132, 135, 131, 139 ไปเจดีย์สุเลพญา)
14.00 น. ถึงที่พักค่ะ (ใช้เวลา 1 ชั่วโมงจากตลาด 10 ไมล์สต๊อป) เพื่อมาเอากระเป๋าที่ฝากไว้และมาเอาตั๋วไปมัณฑะเลย์ที่ฝากพนักงานที่เกสต์เฮาส์ซื้อ และขอทางที่พักอาบน้ำ อาบเสร็จปรากฏว่าไฟดับทั้งบ่ายเลย TT เลยออกไปเดินเล่นหาไรกิน เพราะรถที่จองไว้เป็นรอบ 20.00 น. มีเวลาเหลือเฟือเลย
ตอนเย็นเลยชวนเพื่อนๆ ที่เกสต์เฮาส์ไปกินข้าวเย็นด้วยกัน จัดเต็มค่ะ คนละ 4,000 จ๊าด
18.30 น. นั่งแท็กซี่ไปสถานีขนส่งอองมิงกาลา 8,500 จ๊าด หาร 4 คน ถ้าต่อดีๆ อาจได้ 7,000 จ๊าด
เวลาไปสถานีขนส่งอองมิงกาลา เช็คตั๋วดีๆว่าบริษัทรถทัวร์ที่เราจองท่ารถอยู่ที่ไหน เพราะสถานีมี 2 ซอยติดกัน จะได้ไม่หลง ถ้าไปไม่ถูกถามคนแถวนั้นดูก็ได้
M Express บริษัทรถทัวร์ที่น้ำตาลจองเพื่อเดินทางไปมัณฑะเลย์ค่ะ
20.00 น. รถก็ออกค่า
22.45 น. รถทัวร์แวะจุดพักรถ ให้ผู้โดยสารเข้าห้องน้ำ และกินข้าว คล้ายๆ บ้านเรา มีข้าว ขนมและของฝากให้ซื้อ
แวะประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ออกเดินทางต่อ หลับยาวไปเลย
เจอกันพรุ่งนี้ที่มัณฑะเลย์ค่ะ
Part 1 ถึงย่างกุ้ง http://ppantip.com/topic/35106177
Part 3 มัณฑะเลย์ http://ppantip.com/topic/35206121