[CR] ...ด้วยความคิดถึง....(Japan 12 วัน ...ฉันกับเธอ...และน้องสาวของฉัน ><" )

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของผมที่ไปประเทศญี่ปุ่น แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ไปประเทศญี่ปุ่น..ด้วยความคิดถึงหลายอย่างมาก
...คิดถึงบรรยากาศ...คิดถึงฟูจิซัง...คิดถึงอาหารญี่ปุ่น...และ ที่สำคัญ....คิดถึงสาวญี่ปุ่น !!


จุดเริ่มต้น เกิดขึ้นจากการที่เราต้องการไปเยี่ยมแฟนเราที่ญี่ปุ่น และถ้าเราไปอยู่บ้านเค้าเฉยๆ ก็คงเบื่อตายใช่ม่ะ ตั้ง 12 วัน ทำยังไงดีละ !
ก็หาเรื่องเที่ยวสิคร้าบ...ก็เลยเกิดทริปนี้ขึ้นมา โดยเราแพลนเอาไว้ว่า จะเที่ยวโตเกียว และรอบๆโตเกียวด้วย โดยที่ๆเราอยากไปก็มี
Nikko มรดกโลก , Kinugawa ออนเซน , ไหว้พระใหญ่ที่ Kamakura , เยี่ยมเพื่อนเราที่ Shizuoka , ไปเยี่ยมฟูจิซังที่ Kawaguchiko และก็กลับมาเที่ยวในโตเกียว และค่อยบินกลับภูมิลำเนา  ......

และเพราะการที่เรามีการเดินทางออกนอกโตเกียวและบวกกับ แพลนที่โคตรจะไม่แน่นอน แฟนเราเลยบอกว่า" งั้นเราเช่ารถขับกันไหม? "
พอเราได้ยินแบบนั้น...ความมันส์ก็เริ่มจะเกิด...เราเลยตอบกลับไปแบบไม่คิดเลยว่า " เอาสิ ! "และเราก็เริ่มหาเหตุผลล้านแปดมาสนับสนุน
ความคิดนี้ของแฟน " ดีเหมือนกัน อยากไปไหนก็ไปกันเนอะ "...ไม่ต้องเหนื่อยแบกกระเป๋าขึ้นรถไฟ...อยากจอดไหน แวะไหนก็แวะได้ "
บลา บลา บลา .... และเราก็บอกประโยคตัดสินใจแทนออกไป ว่าา " เทอจองรถให้เราด้วยนะ เราพูดญี่ปุ่นไม่เป็น "
..และทุกอย่างก็เรียบร้อยย... อมยิ้ม16

และด้วยความดีใจ บวกตื่นเต้น และ น้องเรายังไม่เคยไปญี่ปุ่นฝั่งโตเกียวช่วงซากุระ เราเลยไปบอกน้องสาวของเราเรื่องทริปนี้
เพื่อยั่วให้น้องอิจฉา !  
" เดี๋ยวไปญี่ปุ่นนะ ช่วงปลายมีนา ถึงต้นเมษา ได้เห็นซากุระด้วยนะเว้ยย ..ไปดูฟูจิด้วยนะ...และก็เดี๋ยวเช่ารถขับด้วย "
" ไปกี่วันอ่ะ" เอ่ออ ประมาณ ...12 วัน อ่ะ...
" โหไปตั้งหลายวัน .. ขอไปด้วยคนนะ ..นะ..นะ.. "  

... และภาพนั้นก็ตัดไป ... อมยิ้ม20


และก่อนจะไปเที่ยวกัน เราออกตัวก่อนนะ ว่าเราเป็นพวกเก็บข้อมูลไม่ค่อยเก่ง รายละเอียดไม่ต้องพูดถึง .... ไม่ค่อยมีหนะ
เลยขออนุญาตขอเรียกว่าเป็น บันทึกการเดินทางดีกว่าเนอะๆ  และถ้ามีข้อมูลอะไรดีๆ ที่เราพอจำได้ เราจะแทรกๆไปนะ
แต่ถ้าใครอยากได้ ข้อมูลแน่นๆ ไปไม่หลง  ขึ้นลงรถไฟสบาย  อะไรยังไง อาจจะต้องดูข้อมูลจากพี่ๆ กระทู้อื่นนะครับ
แต่ถ้าอยากได้ แบบเที่ยวเองอารมณ์ Local  แพลนไม่แน่นอน แต่ร้อนแรง ... ก็ตามมาเลยยยย .... อมยิ้ม36

เนื่องจากเป็นกระทู้แรกหากมีอะไรขาดตกบกพล่องไป ต้องขออภัย มา ณ ที่นี่ด้วยครับ อมยิ้ม17

-------------------------------------



ภาพตัดมาอีกทีวันที่ 27 มีนาคม 2559 เราสองคนพี่น้องก็มาอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อมาขึ้นเครื่องบิน Flight กลางคืน
เพื่อจะไปถึงนาริตะตอนเช้า และเราจะได้ท่องเที่ยวในโตเกียวกันเลย...
เดี๋ยวๆก่อนๆเราลืมบอกไป ทริปเราเดินทางช่วง 27 มีนาคม - 8 เมษายน 2559 ที่ผ่านมานี่เอง สดๆร้อนๆเลยย

ว่าแต่..เราเริ่มง่วงแล้วอะ....แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราค่อยไปนอนหลับกันบนเครื่องก็ได้... พาพันง่วง



บินลัดฟ้ายาวๆประมาณ 6 ชั่วโมง...เราก็มาถึง นาริตะ ตอนประมาณ 8 โมงกว่าๆ กว่าจะผ่านตรวจคนเข้าเมือง
ผ่านอะไรต่อมิอะไร... ก็ปาเข้าไป 9 โมง และด้วยสภาพที่บอกตามตรงว่า เมื่อคืน บนเครื่องบิน 6 ชั่วโมง
ได้นอนจริงๆ ไม่ถึง 2 ชั่วโมง...หน้าไม่ได้ล้าง...ฟันไม่ได้แปรง...อิดโรยสุดๆ..แต่ด้วย สปิริตชายไทย ที่ตั้งใจมาหาแฟนแล้ว
ความใจสู้ต้องมา ... เดี๋ยวเราค่อยไปล้างหน้ากัน ที่สถานี Ueno ก็ได้.... ป่ะๆ ป่ะๆ เข้าเมืองกัน !!



เรากับน้องเดินทางเข้าเมืองด้วยรถไฟความเร็วสูง สีน้ำเงิน ที่ชื่อว่า Sky Liner ใช้เวลาประมาณ 41 นาที
จากสนามบินนาริตะ ไปที่สถานี Ueno โดยเราซื้อบัตรแบบ one way + Tokyo subway 3 Days จาก Agent ที่เมืองไทย
โดยจะได้เป็นบัตร Voucher และเราจะต้องมาแลกบัตรจริงพร้อมกับเลือกรอบรถไฟที่ Counter ของ Sky liner จะเป็น Counter สีน้ำเงิน
อยู่ตรงทางเข้าชานชาลา และถ้าใครอยากเล่น Wifi บนรถไฟเราก็สามารถจัดได้ ... โดยต้องขอจากพนักงานเค้า พร้อมกับยื่น Passport
ให้เค้าและเค้าจะให้ใบ User , Password มาครับ ....

โดยบัตรมีหลายประเภทครับ เที่ยวเดียว , ไปกลับ + Subway 1-3 วัน ส่วนตัวผมรู้สึกว่าค่อนข้างสะดวกนะครับ
และก็เร็วใช้ได้เลย  ตอนซื้อเราก็เลือกเอาตามที่เราสะดวกเลยครับ และก็ตอนที่ผมไปเค้าเปลี่ยนจากระบบวัน
มาใช้เป็นแบบ นับชั่วโมงแล้วครับ ของผมก็เลยได้แบบ 72 ชม มาก็คือเราเปิดใช้ตอนกี่โมง บัตรก็จะหมดอายุเวลานั้น
อีกสามวันถัดไป ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้




ผมเลือกรถไฟเข้าเมือง รอบ 09:24 ครับและจะถึง Ueno ประมาณ 10 โมงกว่าๆ
ส่วนหน้าตาของบัตรก็จะแยกเป็น Sky Liner 1 ใบ และก็ Tokyo subway อีก 1 ใบ แยกกันมา
เราจะใช้เวลาไหน ก็เลือกใช้ได้ตามใจ แต่อย่าลืมนะครับว่า มันต้องใช้ติดต่อกัน ไม่งั้นขาดทุนแย่เลย

  
จากรูปด้านบน ใครที่เข้าเมืองด้วย NEX (Narita Express)[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ชานชาลาจะอยู่ตรงข้ามกันกับ Sky Liner นะ และก็ถ้าใครไม่ได้เตรียมตัวอะไรมา เดินหลงๆมา ถ้าอยากขึ้น Sky liner ก็สามารถซื้อได้
ที่ตู้ซื้อ มันจะตั้งอยู่ใกล้ๆกันกับชานชาลาเลย.....รถไฟมาแล้ว ป่ะๆ



ภายในจะเป็นแบบนี้โดยเบาะจะเป็นคู่ๆ มีที่เก็บกระเป๋าใหญ่ด้านหลัง และก็กระเป๋าเล็กบนศรีษะ หรือใครจะไว้บนตักก็ได้ ตามจายย
ด้านล่างจะมีปลั๊กให้เสียบชาร์ทโทรศัพท์ได้ด้วย



และก็ถ้าใครมาเป็นแก๊ง มาเป็นครอบครัว ก็สามารถปรับเบาะให้หันหน้าเข้าหากันได้ด้วยนะ  



ผ่านไปสักพัก..ฟังเพลงเพลินๆ..ก็เริ่มเข้าเขตเมือง...
จะว่าไปการนั่งรถไฟ ฟังเพลงที่เราชอบ...มองออกไปนอกหน้าต่าง
เห็นภาพบ้านเมือง ท้องฟ้า แม่น้ำ วิวต่างๆค่อยๆผ่านไป
... ก็ทำให้เรา รู้สึกดีเหมือนกันนะ ...



นั้นไง โตเกียว สกายทรี !!! ถ้าเริ่มมองเห็นโตเกียว สกายทรี แสดงว่าเราใกล้จะถึงที่หมายแล้ว เตรียมตัวลงกันได้แล้ว อมยิ้ม04



และเราก็มาถึงสถานี Ueno กันแล้ว ตามแพลนเดิมของเราคือเราจะต้องฝากกระเป๋ากันไว้ที่ Locker ของสถานี
และไปหา มิกิ (แฟนเราเอง) ที่สถานี Shinjuku ตอนบ่ายโมงตรง แต่มิกิเพิ่งบอกว่า เทอขอเลื่อนเพราะว่าทานข้าวกับเพื่อนยังไม่เสร็จ
และ บวกด้วยความหนักของกระเป๋าและสภาพหนังหน้าที่โคตรจะไม่สดชื่น เราจึงตัดสินใจเปลี่ยนแผนกะทันหัน...
โดยเราสองคนพี่น้องจะไปบ้าน มิกิ ก่อนโดยใช้เวลา 40 นาที จาก สถานี Ueno โดยเราจะเอากระเป๋าไปเก็บ
ทำความสะอาดร่างกาย และจะกลับมาในเมืองอีกครั้ง และจะตรงยาวไปเจอ มิกิ ที่สถานี Shinjuku เลย ...โอเค... ตามน้านน


และแล้วเราก็มาถึง สถานี Takesato กันซะที ... บ้านมิกิอยู่ที่เมืองเล็กๆชื่อว่า Kasukabe City อยู่ในจังหวัด Saitama ... ชื่อคุ้นๆใช่ไหมครับ
ใช่แล้ว ! เป็นเมืองเดียวกันกับบ้านของ เจ้าชินจังจอมแก่น นั้นแหละครับ ... อมยิ้ม27

เดี๋ยวผมขอตัวไปเก็บกระเป๋าที่บ้านก่อนนะครับ
เพื่อนๆพันทิปที่ตามมาเที่ยว เดินเล่นแถวนี้รอไปก่อนนะครับ อมยิ้ม16






มาแล้วคร้าบบ ขอโทดที่ทำให้รอนานนะครับ
และหลังจากที่เราเก็บกระเป๋าและทำตัวเราให้สดชื่นแล้ว ก็ได้เวลากลับเข้าเมืองกันอีกครั้งโดยเราจะนั่งรถไฟยิงยาวไปสถานี Shinjuku เลยครับ
แต่ก่อนไป ผมขอแวะซื้ออะไรทานที่ Family Mart บนสถานีก่อนนะครับ


ป่ะ ! ได้เวลาไปขึ้นรถไฟกันแล้วครับ อมยิ้ม36


บรรยากาศนั่งรถไฟเข้าเมืองครับ


บรรยากาศบนรถไฟแตกต่างกันไปตามเส้นทางรถไฟ บางเส้นคนเยอะคึกคัก..บางเส้นค่อนข้างเงียบมาก เงียบจนรู้สึกวังเวง.....
เมืองใหญ่มีผู้คนมากมาย เดินสวนกันกับคนไม่รู้จักเป็นร้อยในทุกๆวัน ดูเหมือนจะมีคนอยู่รอบกายนะครับ
แต่เอาเข้าจริงๆแล้วคนเรามีความเหงาอยู่ในใจตลอดเวลาแหละครับ .... เฮ้อออ
อุ้ย เผลอดราม่า ขอโทดคร้าบ




หลังจากที่เราต้องฟันฟ่าการขึ้นรถไฟเข้าเมือง สลับสับเปลี่ยนสายรถไฟ จากบนดินลงใต้ดิน ในที่สุดเราก็มาถึง Shinjuku กันแล้ว เย้ๆ

สถานี Shinjuku ถือว่าเป็นสถานีที่สำคัญแห่งหนึ่งของโตเกียวเลย เพราะว่าวันๆนึง มีคนมาใช้บริการที่นี่เฉลี่ยต่อวัน เป็นล้าน !!
และบริเวณรอบๆ ยังเต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้าและแหล่งบันเทิงต่างๆ มีสวนสาธารณะซึ่งอยู่ไม่ไกล ที่มีต้นซากุระสวยไม่แพ้สวนUenoเลยนะ
และสถานีแห่งนี้ยังเป็นสถานีต้นทางสำหรับเดินทางไป Kawaguchiko และ Hakone อีกด้วย


หลังจากที่เราถึงสถานีภาพแรกที่เราเห็น ถึงกับตกใจเพราะคนโคตรเยอะมาก เดินสวนกันไปสวนกันมาไม่สนใจใคร เดินกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เด็ก ผู้ใหญ่ วัยรุ่น คนทำงาน เดินกันวุ่นวายไปหมด...สถานีก็โคตรใหญ่....ทางออกก็โคตรเยอะ....ณ จุดนี้เราสองคนได้แต่ยืนสงบนิ่ง ยืนเฉยๆ ทำสมาธิในใจ ไม่ให้วอกแวกไปกับผู้คน และหลังจากนั้นเราก็ค่อยๆเดินกันอย่างช้าๆมองหาป้าย West Exit ท่องไว้ในใจ West Exit และในที่สุด...ในที่สุด...เราก็เจอ.. ผู้หญิงตัวเล็กๆ ใส่แว่น หน้าตาอาซิ่ม ยืนพิงเสาอยู่ ....ทันใดนั้นเอง ... ผมค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆ ใกล้ๆ ... " มิกิ " ผมเรียกเธอ และ มิกิก็หันมาเห็นผม ... เพลงบรรเลงในใจดังขึ้น ... เราสองคนพร้อมใจกอดกันโดยไม่ได้นัดหมาย ท่ามกลางผู้คนในสถานีที่เดินผ่านไปมา...ความรอคอยที่จะได้เจอกัน ความคิดถึงที่สะสมมา ความดีใจที่ได้เจอ...เหมือนได้ระบายออกไป...ได้จับตัวเป็นๆ ไม่ต้องเห็นแต่เฟสทาม...อธิบายไม่ถูก...พูดไม่ออก....รู้แต่ว่า....โคตรมีความสุข !!!!!!

ระยะทางความรักที่ห่างไกลกันมันทำให้เราโคตรจะอึดอัด..คิดถึงแค่ไหน..อยากกอดแค่ไหนก็ทำได้แค่กอดแบบดิจิตอล...ทำมือกอดกันผ่านเฟสทาม...เพื่อนๆคนไหนที่มีคนรักอยู่ใกล้ๆ รักกันให้มากๆ ดูแลกันให้มากๆนะครับ สร้างความทรงจำดีๆร่วมกัน...เพราะว่าถ้าวันนึงต้องอยู่ไกลกัน..เราจะทำได้แค่เพียงดูรูปภาพ การที่จะสัมผัสกันและกัน ทานข้าวด้วยกัน ไปไหนด้วยกัน..ไม่สามารถครับ..สิ่งเหล่านี้มันจะหายไปจากชีวิต และเราจะมานั่งเสียดายเมื่อตอนที่เค้าอยู่ใกล้..แต่เราไม่สนใจ...เห็นคุณค่าของกันและกันตอนที่เราอยู่ใกล้กันดีกว่าครับ อมยิ้ม36
ชื่อสินค้า:   ญี่ปุ่น
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่