สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 17
เมื่อประมาณหลายสิบปีมาแล้วเราเคยเข้าไปสอนภาษาอังกฤษให้ตำรวจที่เป็นผู้กำกับในหน่วยงานปราบเฮโรอิน คุยๆกับเค้านะ เค้าเล่าเรื่องงานที่เค้าทำ แล้วพูดว่า "ผู้ต้องหาคดีเฮโรอิน ทุกคนจะบอกว่าของกลางที่ค้นเจอ ไม่ได้เป็นของของเขา แต่ก็ไม่เคยมีผู้ต้องหาคนไหนรอดจากการติดคุกไปได้!"
^
ฟังดูแล้วน่ากลัวไหม! แล้วถ้า จนท ยัดผงขาวให้ผู้บริสุทธิ์ล่ะ จะว่าไง...!!???...
ยัดให้นักท่องเที่ยวตอนเข้าออกไทยที่สนามบินนี่แหละ ข่าวดังสุดๆ มีตั้งหลายคดี!
เราเคยเจอคดีพวกนี้มาเพราะทำงานแปลเอกสารกับล่ามนี่แหละ
คดีที่น่ากลัวมากๆ (ประมาณยังไม่เกิน 10 ปีมาแล้วมั้ง) เป็นคดีนักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษที่มาเที่ยวไทย ตอนจะกลับบ้าน จะออกด่านตรวจคนเข้าเมืองยื่นหนังสือเดินทางให้ จนท แต่ จนท อีกหลายคนเข้าจับกุมข้อหามีผงขาวไว้ในครอบครอง เราเป็นคนแปลคำฟ้องและเอกสารคดีนี้เอง (แปลไทยเป็นอังกฤษ) โดยแปลให้สถานทูตอังกฤษ เรื่องมันเป็นงี้ ในคำฟ้องระบุว่าจำเลยมีเฮโรอินซุกไว้ในขวดแชมพูขนาด บล๊าบๆๆๆ ...ซึ่งมากพอที่จะเข้าข่ายว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย...มีความผิดเท่านั้นเท่านี้ ตามมาตรานั้นมาตรานี้ ของกฎหมายนั้นกฎหมายนี้...บล๊าบๆๆๆ....แต่ที่แน่ๆก็คือโอกาสติดคุกหัวโตมีสูงเกือบ 100%...คดีนี้มีความเป็นไปได้สูงว่าเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ยัดของผิดกฎหมายให้ เพราะอะไร เราจะเล่าให้ฟัง
คดีนี้จำเลย (นักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษอายุรู้สึกจะประมาณ 18 เอง) กลายเป็นข่าวอื้อฉาวดังมากๆในประเทศอังกฤษ และคนอังกฤษเป็นจำนวนมากระดมทุนทรัพย์ (บริจาค) เพื่อมาช่วยเป็นค่าใช้จ่ายให้นักท่องเที่ยวสาวคนนี้สู้คดีในไทย อีกทั้งพระราชินีอังกฤษเป็นห่วงใยมากๆ ก็เลยติดต่อมาทางไทยขอให้ให้ความยุติธรรม ทางหน่วยงานไทยก็เกรงใจ เลยให้ความร่วมมือ ทางประเทศอังกฤษจึงฉวยโอกาสส่งผู้เชี่ยวชาญระดับเก๋ามากๆมาสู้คดีกันในศาลไทย
และผู้เชี่ยวชาญฝรั่งตั้งคำถามที่ไม่เคยมีทนายไทยกล้าถามในศาล นั่นก็คือ
"ในคดียาเสพติดก่อนตัดสินว่าจำเลยมีความผิดแล้วลงโทษให้จำคุกหรือประหารชีวิตไป เคยมีการขอให้ตำรวจนำของกลางมาแสดงที่ศาลบ้างหรือไม่? เช่นในคำฟ้องอ้างว่าจำเลยมีผงขาว 50 กระสอบไว้ในครอบครอง ก็ต้องขนของกลางทั้งหมด 50 กระสอบเข้ามาให้ศาลดู หรือว่าคำฟ้องพิมพ์มายังไงก็ต้องเชื่อตามนั้น (เค้าอ้างว่าในประเทศอังกฤษต้องเอาของกลางมาให้ดู เขาเลยอยากรู้เรื่องกระบวนการยุติธรรมในไทย)"
จากนั้นผู้เชี่ยวชาญฝรั่งชูคำฟ้องขึ้นแล้วอ้างอิงถึงขวดแชมพูยี่ห้อที่ระบุในคำฟ้อง แล้วเขาก็ชูขวดแชมพูยี่ห้อเดียวกันขนาดเหมือนๆกันที่เขาซื้อจากร้านค้าในประเทศไทย แล้วนำติดตัวเข้ามาในศาล แล้วแย้งว่า
"ขวดแชมพูแค่ขวดเดียว ในขนาดที่คำฟ้องระบุไว้ มิสามารถบรรจุผงขาวได้มากมายขนาดนั้น (ขนาดปริมาตร์ที่ระบุไว้ในคำฟ้องว่ามากพอที่จะมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย) ถ้าไม่เชื่อก็ให้มาวัดปริมาตรกัน...!!!"
^
เท่านั้นหละเป็นเรื่องเลย แค่นี้ก็รู้แล้วว่าจำเลยโดนเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองยัดข้อหาให้อย่างแน่นอน แต่สร้างหลักฐานเท็จขึ้นมาไม่รัดกุมเพียงพอ คงเป็นเพราะคาดไม่ถึงว่าจะมีผู้เคราะห์ร้ายฮึดสู้คดีนั่นเอง...(ผู้ต้องหาส่วนใหญ่ไม่กล้าสู้คดีเพราะกลัวถ้าแพ้คดีจะโดนโทษประหารชีวิต) ดังนั้น จำเลยรายนี้จึงรอดพ้นจากการติดคุกหัวโตไปได้อย่างหวุดหวิด...!!!
จากนั้นอีกไม่นาน เราถูกบริษัทเรา (บริษัทแปลเอกสาร) ส่งตัวไปเป็นล่ามให้กับวิศวกรชาวศรีลังกาอีกคนหนึ่งซึ่งโดนข้อหาผงขาวเหมือนกัน กำลังติดคุกรอขึ้นศาลอยู่ เราไปสัมภาษณ์เขาครั้งแรก เขาเล่าให้ฟังว่าจะจับเที่ยวบินกลับไปศรีลังกา ตอนจะออกตรงด่านที่สนามบิน เขายื่นหนังสือเดินทางให้ จนท แต่อยู่ดีๆก็มี จนท ตม รายอื่นหลายคน เดินเข้ามาบอกว่า "อะไรหล่นที่เท้าคุณ" พอมองลงไป ก็เห็นถุงใส่ผงสีขาวๆ เขาก็เลยโดนรวบ แล้วพอติดคุกรอขึ้นศาล ก็มีทนายไทยเข้าไปหาเขาในห้องขังบอกว่าให้โอนเงินไปให้เขา (ให้ทนาย) กี่แสน กี่แสน จำไม่ค่อยได้แล้ว แล้วเขาจะเอาเงินไปยัดให้คนโน้นคนนี้ให้จำเลยหลุดพ้นจากคดี พอจ่ายเงินไป ทนายกลับไปหาชาวศรีลังกา แล้วบอกว่าให้รับสารภาพไปซะ จะได้ไม่โดนโทษประหาร (ทนาย (เผลอๆเป็นทนายปลอม) กับ จนท ทำงานร่วมกันไถเงินนักท่องเที่ยว) เราฟังเรื่องเค้าแล้วรู้สึกหดหู่ใจมากๆ เพราะเพิ่งแปลคำฟ้องคดีนักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษให้สถานทูตอังกฤษไป
ลองใช้ google ค้นข้อมูลดูดิ จะเจอคดีนักท่องเที่ยวโดนยัดข้อหาที่สนามบินในประเทศไทย ค่อนข้างเยอะเลย (มีอีกหลายคดี) นับได้ว่า Thailand นี่คือ dangerous land สุดๆ ขนาดคนไทยเองยังขยาดกลัวเรื่องพวกนี้เลย แล้วนักท่องเที่ยวจะเหลือหรือ!
^
ฟังดูแล้วน่ากลัวไหม! แล้วถ้า จนท ยัดผงขาวให้ผู้บริสุทธิ์ล่ะ จะว่าไง...!!???...
ยัดให้นักท่องเที่ยวตอนเข้าออกไทยที่สนามบินนี่แหละ ข่าวดังสุดๆ มีตั้งหลายคดี!
เราเคยเจอคดีพวกนี้มาเพราะทำงานแปลเอกสารกับล่ามนี่แหละ
คดีที่น่ากลัวมากๆ (ประมาณยังไม่เกิน 10 ปีมาแล้วมั้ง) เป็นคดีนักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษที่มาเที่ยวไทย ตอนจะกลับบ้าน จะออกด่านตรวจคนเข้าเมืองยื่นหนังสือเดินทางให้ จนท แต่ จนท อีกหลายคนเข้าจับกุมข้อหามีผงขาวไว้ในครอบครอง เราเป็นคนแปลคำฟ้องและเอกสารคดีนี้เอง (แปลไทยเป็นอังกฤษ) โดยแปลให้สถานทูตอังกฤษ เรื่องมันเป็นงี้ ในคำฟ้องระบุว่าจำเลยมีเฮโรอินซุกไว้ในขวดแชมพูขนาด บล๊าบๆๆๆ ...ซึ่งมากพอที่จะเข้าข่ายว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย...มีความผิดเท่านั้นเท่านี้ ตามมาตรานั้นมาตรานี้ ของกฎหมายนั้นกฎหมายนี้...บล๊าบๆๆๆ....แต่ที่แน่ๆก็คือโอกาสติดคุกหัวโตมีสูงเกือบ 100%...คดีนี้มีความเป็นไปได้สูงว่าเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ยัดของผิดกฎหมายให้ เพราะอะไร เราจะเล่าให้ฟัง
คดีนี้จำเลย (นักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษอายุรู้สึกจะประมาณ 18 เอง) กลายเป็นข่าวอื้อฉาวดังมากๆในประเทศอังกฤษ และคนอังกฤษเป็นจำนวนมากระดมทุนทรัพย์ (บริจาค) เพื่อมาช่วยเป็นค่าใช้จ่ายให้นักท่องเที่ยวสาวคนนี้สู้คดีในไทย อีกทั้งพระราชินีอังกฤษเป็นห่วงใยมากๆ ก็เลยติดต่อมาทางไทยขอให้ให้ความยุติธรรม ทางหน่วยงานไทยก็เกรงใจ เลยให้ความร่วมมือ ทางประเทศอังกฤษจึงฉวยโอกาสส่งผู้เชี่ยวชาญระดับเก๋ามากๆมาสู้คดีกันในศาลไทย
และผู้เชี่ยวชาญฝรั่งตั้งคำถามที่ไม่เคยมีทนายไทยกล้าถามในศาล นั่นก็คือ
"ในคดียาเสพติดก่อนตัดสินว่าจำเลยมีความผิดแล้วลงโทษให้จำคุกหรือประหารชีวิตไป เคยมีการขอให้ตำรวจนำของกลางมาแสดงที่ศาลบ้างหรือไม่? เช่นในคำฟ้องอ้างว่าจำเลยมีผงขาว 50 กระสอบไว้ในครอบครอง ก็ต้องขนของกลางทั้งหมด 50 กระสอบเข้ามาให้ศาลดู หรือว่าคำฟ้องพิมพ์มายังไงก็ต้องเชื่อตามนั้น (เค้าอ้างว่าในประเทศอังกฤษต้องเอาของกลางมาให้ดู เขาเลยอยากรู้เรื่องกระบวนการยุติธรรมในไทย)"
จากนั้นผู้เชี่ยวชาญฝรั่งชูคำฟ้องขึ้นแล้วอ้างอิงถึงขวดแชมพูยี่ห้อที่ระบุในคำฟ้อง แล้วเขาก็ชูขวดแชมพูยี่ห้อเดียวกันขนาดเหมือนๆกันที่เขาซื้อจากร้านค้าในประเทศไทย แล้วนำติดตัวเข้ามาในศาล แล้วแย้งว่า
"ขวดแชมพูแค่ขวดเดียว ในขนาดที่คำฟ้องระบุไว้ มิสามารถบรรจุผงขาวได้มากมายขนาดนั้น (ขนาดปริมาตร์ที่ระบุไว้ในคำฟ้องว่ามากพอที่จะมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย) ถ้าไม่เชื่อก็ให้มาวัดปริมาตรกัน...!!!"
^
เท่านั้นหละเป็นเรื่องเลย แค่นี้ก็รู้แล้วว่าจำเลยโดนเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองยัดข้อหาให้อย่างแน่นอน แต่สร้างหลักฐานเท็จขึ้นมาไม่รัดกุมเพียงพอ คงเป็นเพราะคาดไม่ถึงว่าจะมีผู้เคราะห์ร้ายฮึดสู้คดีนั่นเอง...(ผู้ต้องหาส่วนใหญ่ไม่กล้าสู้คดีเพราะกลัวถ้าแพ้คดีจะโดนโทษประหารชีวิต) ดังนั้น จำเลยรายนี้จึงรอดพ้นจากการติดคุกหัวโตไปได้อย่างหวุดหวิด...!!!
จากนั้นอีกไม่นาน เราถูกบริษัทเรา (บริษัทแปลเอกสาร) ส่งตัวไปเป็นล่ามให้กับวิศวกรชาวศรีลังกาอีกคนหนึ่งซึ่งโดนข้อหาผงขาวเหมือนกัน กำลังติดคุกรอขึ้นศาลอยู่ เราไปสัมภาษณ์เขาครั้งแรก เขาเล่าให้ฟังว่าจะจับเที่ยวบินกลับไปศรีลังกา ตอนจะออกตรงด่านที่สนามบิน เขายื่นหนังสือเดินทางให้ จนท แต่อยู่ดีๆก็มี จนท ตม รายอื่นหลายคน เดินเข้ามาบอกว่า "อะไรหล่นที่เท้าคุณ" พอมองลงไป ก็เห็นถุงใส่ผงสีขาวๆ เขาก็เลยโดนรวบ แล้วพอติดคุกรอขึ้นศาล ก็มีทนายไทยเข้าไปหาเขาในห้องขังบอกว่าให้โอนเงินไปให้เขา (ให้ทนาย) กี่แสน กี่แสน จำไม่ค่อยได้แล้ว แล้วเขาจะเอาเงินไปยัดให้คนโน้นคนนี้ให้จำเลยหลุดพ้นจากคดี พอจ่ายเงินไป ทนายกลับไปหาชาวศรีลังกา แล้วบอกว่าให้รับสารภาพไปซะ จะได้ไม่โดนโทษประหาร (ทนาย (เผลอๆเป็นทนายปลอม) กับ จนท ทำงานร่วมกันไถเงินนักท่องเที่ยว) เราฟังเรื่องเค้าแล้วรู้สึกหดหู่ใจมากๆ เพราะเพิ่งแปลคำฟ้องคดีนักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษให้สถานทูตอังกฤษไป
ลองใช้ google ค้นข้อมูลดูดิ จะเจอคดีนักท่องเที่ยวโดนยัดข้อหาที่สนามบินในประเทศไทย ค่อนข้างเยอะเลย (มีอีกหลายคดี) นับได้ว่า Thailand นี่คือ dangerous land สุดๆ ขนาดคนไทยเองยังขยาดกลัวเรื่องพวกนี้เลย แล้วนักท่องเที่ยวจะเหลือหรือ!
ความคิดเห็นที่ 4
คนไทยชักมั่วใหญ่แล้ว พอมีเหตุการณ์นึง ก็จะให้ออกกฎหมายแบบนึง พอมีเหตุการณ์อีกแบบนึงก็จะให้ออกกฎหมายอีกแบบนึง ไม้หลักปักขี้เลนจริงๆเลย
ประเทศไทยใช้กฎหมายโดยเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะต่างชาติหรือคนไทย หรือ จะให้เราไปใช้กฎหมายเหมือนในอดีตดี
ที่คนต่างชาติทำผิดก็ลงโทษสถานเบา หรือ คนไทยกับคนต่างชาติมีปัญหากันก็ลงโทษคนไทยให้หนักๆ แบบลำเอียง
จะเอาแบบนั้นใช่ไม๊
ผมถามคนที่มีลูกมีเต้าหน่อย ลูกคุณมาขอไปเที่ยวสงกรานต์คุณรู้สึกอย่างไร เป็นห่วงเรื่องอะไร
แน่นอนแหละ เรื่องตีกันของวัยรุ่น เรื่องยิงรันฟันแทงของกลุ่มคนเมาเหล้า รวมถึง เรื่องชกต่อยทั่วไปของวัยรุ่น
แล้วก็ต้องเตือนลูกหลานด้วยว่า เวลาเห็นเขามีเรื่องมีปัญหาอย่าได้อยู่ใกล้ ถอยให้ห่างๆ ถูกต้องไม๊
ดังนั้น ภาพที่เห็นนักท่องเที่ยวโดนกระทืบแต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่ง เพราะกลัวลูกหลงยังไง
เรื่องวัยรุ่น หรือ คนขี้เหล้าเมายาในทุกเทศกาลต่างๆ มันมีอยู่ทุกยุคทุกสมัย เราได้แต่เตือนลูกหลาน แต่เราไม่เคนสนใจที่จะแก้ไขอะไรๆ ให้มันดีขึ้น หรือ ทำการวิเคราะห์ว่ามันเกิดมาจากสาเหตุใด
ไปเที่ยวงานต่างๆ เดินชนไหล่ เดินมองหน้า ไม่ถูกชะตา กลุ่มวัยรุ่นคนละหมู่บ้าน กลุ่มวัยรุ่นนักล่าหาเรื่อง
มันมีอยู่เต็มไปหมดในงานเทศกาลต่างๆ รวมถึงในแหล่งท่องเที่ยวทั่วไป
ถามว่าต่างชาติรู้ไม๊ว่า ประเทศเราเป็นแบบนี้ " ไม่รู้ " แต่คนไทยรู้ดี
วัฒนธรรมการใช้ชีวิต การดื่มกิน การสรวลเสเฮฮาเป็นแบบนี้
คุณอาจจะถูกกระทืบเอาได้ถ้าคุณหน้าตาไม่ถูกชะตา เดินชนไหล่ เยียบเท้าคนอื่น หรือ แม้กระทั่งอยู่เฉยๆ คุณก็อาจตายได้เพราลูกกระสุนปืนมันมาจากฟากฟ้า
สิ่งต่างๆ เหล่านี้เรารู้ดี แต่เราก็ทำเฉย เพียงเพราะเราเห็นจนชิน
สังเกตจากนักท่องเที่ยวต่างชาติถูกกระทืบไม่มีใครกล้าห้าม กล้ายุ่ง เพราะเราอาจจะถูกลูกหลงได้ จากความเข้าใจผิด
เรื่องแบบนี้เรารู้กันอยู่ใช่หรือไม่ แล้วทำไมเราถึงต้องมาเรียกร้องเอาตอนนี้
เราควรหาสาเหตุสิว่า ทำไมคนไทยวัยรุ่นชั้นต่ำ ถึงได้มีพฤติกรรมแบบนี้ รวมถึงอุบัติเหตุทางรถยนต์ เราถึงได้มากมายมหาศาล เสียชีวิตยิ่งกว่า อเมริกาส่งทหารไปรบกับอิรักเสียอีก เฉพาะช่วงสงกรานต์ของไทย
ทำไม และทำไม หรือเป็นไปได้ไม๊ว่า ประเทศเราเป็นประเทศของคนขี้เหล้าเมายา ประเทศที่มีแต่วัยรุ่นที่ขาดสติ
เราอยู่เฉยเพียงเพราะ เหล้าเป็นแหล่งรายได้ของกลุ่มทุนหรือเปล่า เรามาเลิกดื่มเหล้ากันดีไม๊
ประเทศไทยใช้กฎหมายโดยเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะต่างชาติหรือคนไทย หรือ จะให้เราไปใช้กฎหมายเหมือนในอดีตดี
ที่คนต่างชาติทำผิดก็ลงโทษสถานเบา หรือ คนไทยกับคนต่างชาติมีปัญหากันก็ลงโทษคนไทยให้หนักๆ แบบลำเอียง
จะเอาแบบนั้นใช่ไม๊
ผมถามคนที่มีลูกมีเต้าหน่อย ลูกคุณมาขอไปเที่ยวสงกรานต์คุณรู้สึกอย่างไร เป็นห่วงเรื่องอะไร
แน่นอนแหละ เรื่องตีกันของวัยรุ่น เรื่องยิงรันฟันแทงของกลุ่มคนเมาเหล้า รวมถึง เรื่องชกต่อยทั่วไปของวัยรุ่น
แล้วก็ต้องเตือนลูกหลานด้วยว่า เวลาเห็นเขามีเรื่องมีปัญหาอย่าได้อยู่ใกล้ ถอยให้ห่างๆ ถูกต้องไม๊
ดังนั้น ภาพที่เห็นนักท่องเที่ยวโดนกระทืบแต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่ง เพราะกลัวลูกหลงยังไง
เรื่องวัยรุ่น หรือ คนขี้เหล้าเมายาในทุกเทศกาลต่างๆ มันมีอยู่ทุกยุคทุกสมัย เราได้แต่เตือนลูกหลาน แต่เราไม่เคนสนใจที่จะแก้ไขอะไรๆ ให้มันดีขึ้น หรือ ทำการวิเคราะห์ว่ามันเกิดมาจากสาเหตุใด
ไปเที่ยวงานต่างๆ เดินชนไหล่ เดินมองหน้า ไม่ถูกชะตา กลุ่มวัยรุ่นคนละหมู่บ้าน กลุ่มวัยรุ่นนักล่าหาเรื่อง
มันมีอยู่เต็มไปหมดในงานเทศกาลต่างๆ รวมถึงในแหล่งท่องเที่ยวทั่วไป
ถามว่าต่างชาติรู้ไม๊ว่า ประเทศเราเป็นแบบนี้ " ไม่รู้ " แต่คนไทยรู้ดี
วัฒนธรรมการใช้ชีวิต การดื่มกิน การสรวลเสเฮฮาเป็นแบบนี้
คุณอาจจะถูกกระทืบเอาได้ถ้าคุณหน้าตาไม่ถูกชะตา เดินชนไหล่ เยียบเท้าคนอื่น หรือ แม้กระทั่งอยู่เฉยๆ คุณก็อาจตายได้เพราลูกกระสุนปืนมันมาจากฟากฟ้า
สิ่งต่างๆ เหล่านี้เรารู้ดี แต่เราก็ทำเฉย เพียงเพราะเราเห็นจนชิน
สังเกตจากนักท่องเที่ยวต่างชาติถูกกระทืบไม่มีใครกล้าห้าม กล้ายุ่ง เพราะเราอาจจะถูกลูกหลงได้ จากความเข้าใจผิด
เรื่องแบบนี้เรารู้กันอยู่ใช่หรือไม่ แล้วทำไมเราถึงต้องมาเรียกร้องเอาตอนนี้
เราควรหาสาเหตุสิว่า ทำไมคนไทยวัยรุ่นชั้นต่ำ ถึงได้มีพฤติกรรมแบบนี้ รวมถึงอุบัติเหตุทางรถยนต์ เราถึงได้มากมายมหาศาล เสียชีวิตยิ่งกว่า อเมริกาส่งทหารไปรบกับอิรักเสียอีก เฉพาะช่วงสงกรานต์ของไทย
ทำไม และทำไม หรือเป็นไปได้ไม๊ว่า ประเทศเราเป็นประเทศของคนขี้เหล้าเมายา ประเทศที่มีแต่วัยรุ่นที่ขาดสติ
เราอยู่เฉยเพียงเพราะ เหล้าเป็นแหล่งรายได้ของกลุ่มทุนหรือเปล่า เรามาเลิกดื่มเหล้ากันดีไม๊
ความคิดเห็นที่ 6
วัฒนธรรมที่ดีงามแต่โบราณถูกทำลายโดยคนคึกคะนองไม่กี่คน
^
ใครบอกว่า "ไม่กี่คน" คนไทยยุคนี้โหดสุดๆ บ้านเมืองมันเปลี่ยนแปลงไปแล้วนะ เวลานี้เทศกาลสงกรานต์กับลองกระทง เป็นช่วงที่อันตรายที่สุด เจอทั้งคนเมาอันธพาล ทั้งคนขับรถบ้าคลั่ง มีทั้งฆ่ากันตายเพราะเขม่นกันหรือกระทบกระทั่งกัน และตายด้วยอุบัติเหตุบนท้องถนน (เพราะขับรถบ้าระห่ำ) ตั้งมากมายทุกปี
^
ทุกๆสงกรานต์กับลอยกระทงเราจะอยู่แต่ในบ้านไม่ไปไหนเลย คือจะซื้อเสบียงมาตุนให้อยู่ได้โดยไม่ต้องออกจากบ้านจนกว่าเทศกาลอันเลวร้ายจะจบสิ้นไป เหตุผลก็เพราะว่า เคยเจอเรื่องร้ายๆ เช่น
1 ช่วงสงกรานต์เมื่อหลายปีมาแล้วเพื่อนเรานั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์รับจ้างไป คนขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างไม่ได้ใส่หมวกกันน็อค แล้วโดนคนเล่นสงกรานต์เอาปืนฉีดน้ำแรงสูงฉีดเข้าตาคนขี่มอเตอร์ไซค์ ผลก็คือมอเตอร์ไซค์คว่ำเพื่อนเราบาดเจ็บ ส่วนเรานั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์รับจ้างอีกคัน เกือบจะต้องมีเรื่องกับคนฉีดน้ำ แต่ก็ไม่รู้จะทำไงได้เพราะไอ้คนฉีดมันเป็นเด็กตัวเล็กๆ ถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็คงต้องมีใครได้เจ็บตัวกัน หรือไม่ก็ต้องขึ้นโรงพักกัน
2 ช่วงลอยกระทงเมื่อหลายปีมาแล้ว เราเดินในตลาด อยู่ดีๆมีมือมืดปาประทัดเข้าใส่หว่างขาเรา เราตกใจเลยตะโกนด่าออกไปว่า "ไอ้หน้า...เก่งจริงเมิงก้อโผล่มาให้กรูเห็นหน้าหน่อยได้ไหมฟะ?" แล้วมันก็โผล่มาจริงๆ แต่มันมาพร้อมด้วยมีดปังตอ555 มันเป็นไอ้หนุ่มขายหมูทอดข้างทางนี่เอง พอเราเห็นมีดปังตอเราก็ตกใจรีบคว้าม้านั่งหนักๆในร้านอาหารใกล้ๆ เพราะเคยเห็นมีดปังตอดวลกับม้านั่งหนักๆในหนังกำลังภายใน555 งานนี้มันมากๆชาวบ้านแตกตื่นกันยกใหญ่ เผอิญมีชาวบ้านหลายสิบคนไปล็อคตัวมือมีดปังตอไว้ (น่าจะเป็นเพราะไอ้หมอนี่โยนประทัดใส่ผู้คนทั้งวันจนชาวบ้านเอือมระอามันซะแล้ว) ก็เลยงานนี้ไม่มีใครเจ็บตัว
^
เราเชื่อว่าสิ่งที่เราคิด (ว่าเทศกาลพวกนี้เป็นอันตราย) ตอนนี้ก็มีคนไทยอีกตั้งหลายล้านคนที่คิดเหมือนๆเรา! เพราะช่วงสงกรานต์ที่เพิ่งผ่านมามีคนตั้งกระทู้ใน pantip บอกว่า "ไม่อยากเล่นสงกรานต์อีกต่อไปเพราะอะไร" แล้วก็มีแนวร่วมเข้ามาเม้นท์ตั้งหลายร้อย คคห! (รู้สึกกระทู้จะวิ่งไป 300 - 400 คคห นะ)
หน่วยงานท่องเที่ยวของไทย "อวยเทศกาลสงกรานต์กับลอยกระทง โดยอ้างว่าเป็นวัฒนธรรมอันงดงามของไทย แต่ไม่เคยพูดเรื่องอันตราย" นักท่องเที่ยวเลยเข้าใจอะไรผิดๆ แล้วไปเดินตามตลาดอะไรเงี้ย ก็ต้องเจอของแข็งอยู่แล้ว หน่วยงานท่องเที่ยวไทย "ควรเตือนนักท่องเที่ยวว่าโซนไหนควรเข้าโซนไหนไม่ควรเข้า" ไม่ควรเห็นแก่เงินเข้าประเทศ เพราะโซนเล่นสงกรานต์อันตรายมีมากกว่าโซนเล่นสงกรานต์ไม่อันตราย ถ้าไม่เตือนแล้วมีเหตุการณ์อันธพาลไทยจิตใจเหี้ยมโหดรุมกระทืบชาวต่างชาติผู้สูงอายุบ่อยๆ อีกหน่อยกลายเป็นยิ่งไม่มีนักท่องเที่ยวอยากมาเที่ยวไทย!
^
ใครบอกว่า "ไม่กี่คน" คนไทยยุคนี้โหดสุดๆ บ้านเมืองมันเปลี่ยนแปลงไปแล้วนะ เวลานี้เทศกาลสงกรานต์กับลองกระทง เป็นช่วงที่อันตรายที่สุด เจอทั้งคนเมาอันธพาล ทั้งคนขับรถบ้าคลั่ง มีทั้งฆ่ากันตายเพราะเขม่นกันหรือกระทบกระทั่งกัน และตายด้วยอุบัติเหตุบนท้องถนน (เพราะขับรถบ้าระห่ำ) ตั้งมากมายทุกปี
^
ทุกๆสงกรานต์กับลอยกระทงเราจะอยู่แต่ในบ้านไม่ไปไหนเลย คือจะซื้อเสบียงมาตุนให้อยู่ได้โดยไม่ต้องออกจากบ้านจนกว่าเทศกาลอันเลวร้ายจะจบสิ้นไป เหตุผลก็เพราะว่า เคยเจอเรื่องร้ายๆ เช่น
1 ช่วงสงกรานต์เมื่อหลายปีมาแล้วเพื่อนเรานั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์รับจ้างไป คนขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างไม่ได้ใส่หมวกกันน็อค แล้วโดนคนเล่นสงกรานต์เอาปืนฉีดน้ำแรงสูงฉีดเข้าตาคนขี่มอเตอร์ไซค์ ผลก็คือมอเตอร์ไซค์คว่ำเพื่อนเราบาดเจ็บ ส่วนเรานั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์รับจ้างอีกคัน เกือบจะต้องมีเรื่องกับคนฉีดน้ำ แต่ก็ไม่รู้จะทำไงได้เพราะไอ้คนฉีดมันเป็นเด็กตัวเล็กๆ ถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็คงต้องมีใครได้เจ็บตัวกัน หรือไม่ก็ต้องขึ้นโรงพักกัน
2 ช่วงลอยกระทงเมื่อหลายปีมาแล้ว เราเดินในตลาด อยู่ดีๆมีมือมืดปาประทัดเข้าใส่หว่างขาเรา เราตกใจเลยตะโกนด่าออกไปว่า "ไอ้หน้า...เก่งจริงเมิงก้อโผล่มาให้กรูเห็นหน้าหน่อยได้ไหมฟะ?" แล้วมันก็โผล่มาจริงๆ แต่มันมาพร้อมด้วยมีดปังตอ555 มันเป็นไอ้หนุ่มขายหมูทอดข้างทางนี่เอง พอเราเห็นมีดปังตอเราก็ตกใจรีบคว้าม้านั่งหนักๆในร้านอาหารใกล้ๆ เพราะเคยเห็นมีดปังตอดวลกับม้านั่งหนักๆในหนังกำลังภายใน555 งานนี้มันมากๆชาวบ้านแตกตื่นกันยกใหญ่ เผอิญมีชาวบ้านหลายสิบคนไปล็อคตัวมือมีดปังตอไว้ (น่าจะเป็นเพราะไอ้หมอนี่โยนประทัดใส่ผู้คนทั้งวันจนชาวบ้านเอือมระอามันซะแล้ว) ก็เลยงานนี้ไม่มีใครเจ็บตัว
^
เราเชื่อว่าสิ่งที่เราคิด (ว่าเทศกาลพวกนี้เป็นอันตราย) ตอนนี้ก็มีคนไทยอีกตั้งหลายล้านคนที่คิดเหมือนๆเรา! เพราะช่วงสงกรานต์ที่เพิ่งผ่านมามีคนตั้งกระทู้ใน pantip บอกว่า "ไม่อยากเล่นสงกรานต์อีกต่อไปเพราะอะไร" แล้วก็มีแนวร่วมเข้ามาเม้นท์ตั้งหลายร้อย คคห! (รู้สึกกระทู้จะวิ่งไป 300 - 400 คคห นะ)
หน่วยงานท่องเที่ยวของไทย "อวยเทศกาลสงกรานต์กับลอยกระทง โดยอ้างว่าเป็นวัฒนธรรมอันงดงามของไทย แต่ไม่เคยพูดเรื่องอันตราย" นักท่องเที่ยวเลยเข้าใจอะไรผิดๆ แล้วไปเดินตามตลาดอะไรเงี้ย ก็ต้องเจอของแข็งอยู่แล้ว หน่วยงานท่องเที่ยวไทย "ควรเตือนนักท่องเที่ยวว่าโซนไหนควรเข้าโซนไหนไม่ควรเข้า" ไม่ควรเห็นแก่เงินเข้าประเทศ เพราะโซนเล่นสงกรานต์อันตรายมีมากกว่าโซนเล่นสงกรานต์ไม่อันตราย ถ้าไม่เตือนแล้วมีเหตุการณ์อันธพาลไทยจิตใจเหี้ยมโหดรุมกระทืบชาวต่างชาติผู้สูงอายุบ่อยๆ อีกหน่อยกลายเป็นยิ่งไม่มีนักท่องเที่ยวอยากมาเที่ยวไทย!
ความคิดเห็นที่ 37
เรื่องนี้รุนแรงเพราะคนไทยไปเตะเขาซ้ำ ทั้งที่เขาหมดสภาพไปแล้ว
ถ้าดูคลิปจริงๆตั้งแต่ต้น
จะเห็นคนไทยต้นเหตุเรื่องผลักฝรั่งเบาๆ แต่พอดีขาฝรั่งไปขัดกันเลยล้มอย่างแรง แม่ของฝรั่งที่ล้มเดินไปตบหน้าคนไทยที่ผลัก ทำให้พรรคพวกของเขาเดินมาไหว้ขอโทษแม่ฝรั่งคนที่ล้ม จังหวะที่ล้อมกันแม่ของฝรั่งยังไปดึงหัวพรรคพวกในกลุ่ม และฝรั่งคนพ่อก็เดินไปแอบต่อยข้างหลัง จนคนต้นเรื่องล้มลงไปกับพื้น
ทีนี้เดือดเลยครับ คนไทยเลยวิ่งมารุมกันใหญ่ ไอ้คนต้นเรื่องมากระทืบ2ทีตอนท้ายเท่านั้น
ส่วนพวกที่มายำฝรั่ง ในตอนแรกพวกเขาตั้งใจมาห้ามครับ ห้ามสำเร็จแล้วด้วย แยกออกเป็น2กลุ่ม แต่ฝรั่งคนพ่อยังแอบเดินอ้อมไปออกหมัดใส่ เลยได้ลุยกันแทน
เรื่องนี้ถูกทางสื่อฝรั่งตัดต่อคลิปเหลือแค่ ตอนคนไทยรุมเตะต่อย ตอนต้นไม่ได้เอามาออก
ลองคิดดูว่า ถ้าเราอยู่ในประเทศอเมริกาหรืออังกฤษ เราถูกวัยรุ่นฝรั่งผลักล้ม แล้วเดินกลับไปตบหน้าฝรั่ง แล้วเพื่อนเราก็ไปต่อยมันอีกที เราก็เละเหมือนกันครับ
ความเห็นต่างชาติหลายคนยังบอกว่า เขาอยู่ในไทย บางคนก็เข้า-ออกไทยบ่อยๆ แต่ไม่เคยเจอคนไทย มาทำร้ายหรือกระทำอะไรรุนแรงแบบนี้
หลายความเห็นยังบอกว่า ฝรั่งคนแม่ พลาดมากที่ไปตบหน้าเอาคืน แล้วไม่ยอมเลิก ยังจะเดินเข้าไปเอาเรื่องต่อ
ถ้าดูคลิปจริงๆตั้งแต่ต้น
จะเห็นคนไทยต้นเหตุเรื่องผลักฝรั่งเบาๆ แต่พอดีขาฝรั่งไปขัดกันเลยล้มอย่างแรง แม่ของฝรั่งที่ล้มเดินไปตบหน้าคนไทยที่ผลัก ทำให้พรรคพวกของเขาเดินมาไหว้ขอโทษแม่ฝรั่งคนที่ล้ม จังหวะที่ล้อมกันแม่ของฝรั่งยังไปดึงหัวพรรคพวกในกลุ่ม และฝรั่งคนพ่อก็เดินไปแอบต่อยข้างหลัง จนคนต้นเรื่องล้มลงไปกับพื้น
ทีนี้เดือดเลยครับ คนไทยเลยวิ่งมารุมกันใหญ่ ไอ้คนต้นเรื่องมากระทืบ2ทีตอนท้ายเท่านั้น
ส่วนพวกที่มายำฝรั่ง ในตอนแรกพวกเขาตั้งใจมาห้ามครับ ห้ามสำเร็จแล้วด้วย แยกออกเป็น2กลุ่ม แต่ฝรั่งคนพ่อยังแอบเดินอ้อมไปออกหมัดใส่ เลยได้ลุยกันแทน
เรื่องนี้ถูกทางสื่อฝรั่งตัดต่อคลิปเหลือแค่ ตอนคนไทยรุมเตะต่อย ตอนต้นไม่ได้เอามาออก
ลองคิดดูว่า ถ้าเราอยู่ในประเทศอเมริกาหรืออังกฤษ เราถูกวัยรุ่นฝรั่งผลักล้ม แล้วเดินกลับไปตบหน้าฝรั่ง แล้วเพื่อนเราก็ไปต่อยมันอีกที เราก็เละเหมือนกันครับ
ความเห็นต่างชาติหลายคนยังบอกว่า เขาอยู่ในไทย บางคนก็เข้า-ออกไทยบ่อยๆ แต่ไม่เคยเจอคนไทย มาทำร้ายหรือกระทำอะไรรุนแรงแบบนี้
หลายความเห็นยังบอกว่า ฝรั่งคนแม่ พลาดมากที่ไปตบหน้าเอาคืน แล้วไม่ยอมเลิก ยังจะเดินเข้าไปเอาเรื่องต่อ
แสดงความคิดเห็น
วิกรม กรมดิษฐ์ ช็อค! เพื่อนมองโกเลีย ส่งคลิป วัยรุ่นหัวหินกระทืบฝรั่ง ลั่นอย่างนี้ต้องประหาร ...
เมื่อวานนี้ เวลา 1:20 น. ·
"หลายวันก่อนเพื่อนมองโกเลียส่งคลิปคนถูกทำร้าย ไม่นึกว่าจะเป็นเรื่องในวันสงกรานต์ที่หัวหิน วันนี้ผมอดไม่ได้ที่จะแสดงความรู้สึกต่อการรุมทำร้ายร่างกายคนที่ไม่รู้จักกันเลยในงานที่ทุกคนกำลังแสดงความมีมิตรไมตรีต่อกันต่อทุกคนที่มาเยี่ยมเยียนบ้านเรา โดยเฉพาะแขกจากแดนไกล ผมรู้สึกโกรธแค้นคนทำผิด และเสียใจต่อครอบครัวชาวอังกฤษนี้ ความเป็นคนไทยที่มีน้ำใจ และวัฒนธรรมที่ดีงามแต่โบราณถูกทำลายโดยคนคึกคะนองไม่กี่คน สังคมไทยกำลังเดินไปบนเส้นทางที่ใครๆจะทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ เมื่อถูกจับได้ก็นำดอกไม้ธูปเทียนมาขอขมาแล้วก็กลับไปทำความผิดเช่นเดิมอีก จนกลายเป็นค่านิยมของคนใฝ่ต่ำที่ขยายตัวเป็นดอกเห็ดในสังคมปัจจุบัน ตอนนี้ควรถึงเวลาที่รัฐบาลซึ่งมีอำนาจในการตั้งกฎหมายที่เด็ดขาดมาลงโทษอย่างหนักจนถึงขั้นประหารชีวิตต่อเดนคนที่ชอบเป็นนักเลงทำร้ายผู้คนอื่นๆจนบางคนถึงแก่เสียชีวิต วันนี้สังคมไทยต้องเลิกใจบุญ และสงสารคนเลวที่แก้ไม่ได้ ที่คนไทยต้องเสียภาษีเพื่อดูแลคนเหล่านี้ในคุก ประเทศกำลังล้าหลังถอยหลังลงคลอง สังคมไม่ควรเก็บคนเลวไว้ทำร้ายผู้อ่อนแออีกต่อไป พฤติกรรมที่เลวร้ายเช่นนี้จะไม่เห็นในสิงคโปร์เพราะกฎหมายเขาเข้มแข็งเด็ดขาดกับคนเลว ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะต้องเปลี่ยนแปลง ก่อนที่เราจะไม่มีประเทศให้ได้เปลี่ยนครับ"
https://www.facebook.com/VikromKromadit/posts/978442142223906