วิกรม กรมดิษฐ์ ช็อค! เพื่อนมองโกเลีย ส่งคลิป วัยรุ่นหัวหินกระทืบฝรั่ง ลั่นอย่างนี้ต้องประหาร ...

Vikrom Kromadit วิกรม กรมดิษฐ์ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 4 ภาพ
เมื่อวานนี้ เวลา 1:20 น. ·
"หลายวันก่อนเพื่อนมองโกเลียส่งคลิปคนถูกทำร้าย ไม่นึกว่าจะเป็นเรื่องในวันสงกรานต์ที่หัวหิน วันนี้ผมอดไม่ได้ที่จะแสดงความรู้สึกต่อการรุมทำร้ายร่างกายคนที่ไม่รู้จักกันเลยในงานที่ทุกคนกำลังแสดงความมีมิตรไมตรีต่อกันต่อทุกคนที่มาเยี่ยมเยียนบ้านเรา โดยเฉพาะแขกจากแดนไกล ผมรู้สึกโกรธแค้นคนทำผิด และเสียใจต่อครอบครัวชาวอังกฤษนี้ ความเป็นคนไทยที่มีน้ำใจ และวัฒนธรรมที่ดีงามแต่โบราณถูกทำลายโดยคนคึกคะนองไม่กี่คน สังคมไทยกำลังเดินไปบนเส้นทางที่ใครๆจะทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ เมื่อถูกจับได้ก็นำดอกไม้ธูปเทียนมาขอขมาแล้วก็กลับไปทำความผิดเช่นเดิมอีก จนกลายเป็นค่านิยมของคนใฝ่ต่ำที่ขยายตัวเป็นดอกเห็ดในสังคมปัจจุบัน ตอนนี้ควรถึงเวลาที่รัฐบาลซึ่งมีอำนาจในการตั้งกฎหมายที่เด็ดขาดมาลงโทษอย่างหนักจนถึงขั้นประหารชีวิตต่อเดนคนที่ชอบเป็นนักเลงทำร้ายผู้คนอื่นๆจนบางคนถึงแก่เสียชีวิต วันนี้สังคมไทยต้องเลิกใจบุญ และสงสารคนเลวที่แก้ไม่ได้ ที่คนไทยต้องเสียภาษีเพื่อดูแลคนเหล่านี้ในคุก ประเทศกำลังล้าหลังถอยหลังลงคลอง สังคมไม่ควรเก็บคนเลวไว้ทำร้ายผู้อ่อนแออีกต่อไป พฤติกรรมที่เลวร้ายเช่นนี้จะไม่เห็นในสิงคโปร์เพราะกฎหมายเขาเข้มแข็งเด็ดขาดกับคนเลว ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะต้องเปลี่ยนแปลง ก่อนที่เราจะไม่มีประเทศให้ได้เปลี่ยนครับ"
https://www.facebook.com/VikromKromadit/posts/978442142223906
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 17
เมื่อประมาณหลายสิบปีมาแล้วเราเคยเข้าไปสอนภาษาอังกฤษให้ตำรวจที่เป็นผู้กำกับในหน่วยงานปราบเฮโรอิน คุยๆกับเค้านะ เค้าเล่าเรื่องงานที่เค้าทำ แล้วพูดว่า "ผู้ต้องหาคดีเฮโรอิน ทุกคนจะบอกว่าของกลางที่ค้นเจอ ไม่ได้เป็นของของเขา แต่ก็ไม่เคยมีผู้ต้องหาคนไหนรอดจากการติดคุกไปได้!"

^
ฟังดูแล้วน่ากลัวไหม! แล้วถ้า จนท ยัดผงขาวให้ผู้บริสุทธิ์ล่ะ จะว่าไง...!!???...

ยัดให้นักท่องเที่ยวตอนเข้าออกไทยที่สนามบินนี่แหละ ข่าวดังสุดๆ มีตั้งหลายคดี!  

เราเคยเจอคดีพวกนี้มาเพราะทำงานแปลเอกสารกับล่ามนี่แหละ

คดีที่น่ากลัวมากๆ (ประมาณยังไม่เกิน 10 ปีมาแล้วมั้ง) เป็นคดีนักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษที่มาเที่ยวไทย ตอนจะกลับบ้าน จะออกด่านตรวจคนเข้าเมืองยื่นหนังสือเดินทางให้ จนท แต่ จนท อีกหลายคนเข้าจับกุมข้อหามีผงขาวไว้ในครอบครอง เราเป็นคนแปลคำฟ้องและเอกสารคดีนี้เอง (แปลไทยเป็นอังกฤษ)  โดยแปลให้สถานทูตอังกฤษ เรื่องมันเป็นงี้  ในคำฟ้องระบุว่าจำเลยมีเฮโรอินซุกไว้ในขวดแชมพูขนาด บล๊าบๆๆๆ ...ซึ่งมากพอที่จะเข้าข่ายว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย...มีความผิดเท่านั้นเท่านี้ ตามมาตรานั้นมาตรานี้ ของกฎหมายนั้นกฎหมายนี้...บล๊าบๆๆๆ....แต่ที่แน่ๆก็คือโอกาสติดคุกหัวโตมีสูงเกือบ 100%...คดีนี้มีความเป็นไปได้สูงว่าเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ยัดของผิดกฎหมายให้ เพราะอะไร เราจะเล่าให้ฟัง

คดีนี้จำเลย (นักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษอายุรู้สึกจะประมาณ 18 เอง) กลายเป็นข่าวอื้อฉาวดังมากๆในประเทศอังกฤษ และคนอังกฤษเป็นจำนวนมากระดมทุนทรัพย์ (บริจาค) เพื่อมาช่วยเป็นค่าใช้จ่ายให้นักท่องเที่ยวสาวคนนี้สู้คดีในไทย อีกทั้งพระราชินีอังกฤษเป็นห่วงใยมากๆ ก็เลยติดต่อมาทางไทยขอให้ให้ความยุติธรรม ทางหน่วยงานไทยก็เกรงใจ เลยให้ความร่วมมือ ทางประเทศอังกฤษจึงฉวยโอกาสส่งผู้เชี่ยวชาญระดับเก๋ามากๆมาสู้คดีกันในศาลไทย

และผู้เชี่ยวชาญฝรั่งตั้งคำถามที่ไม่เคยมีทนายไทยกล้าถามในศาล นั่นก็คือ

"ในคดียาเสพติดก่อนตัดสินว่าจำเลยมีความผิดแล้วลงโทษให้จำคุกหรือประหารชีวิตไป เคยมีการขอให้ตำรวจนำของกลางมาแสดงที่ศาลบ้างหรือไม่? เช่นในคำฟ้องอ้างว่าจำเลยมีผงขาว 50 กระสอบไว้ในครอบครอง ก็ต้องขนของกลางทั้งหมด 50 กระสอบเข้ามาให้ศาลดู หรือว่าคำฟ้องพิมพ์มายังไงก็ต้องเชื่อตามนั้น (เค้าอ้างว่าในประเทศอังกฤษต้องเอาของกลางมาให้ดู เขาเลยอยากรู้เรื่องกระบวนการยุติธรรมในไทย)"

จากนั้นผู้เชี่ยวชาญฝรั่งชูคำฟ้องขึ้นแล้วอ้างอิงถึงขวดแชมพูยี่ห้อที่ระบุในคำฟ้อง แล้วเขาก็ชูขวดแชมพูยี่ห้อเดียวกันขนาดเหมือนๆกันที่เขาซื้อจากร้านค้าในประเทศไทย  แล้วนำติดตัวเข้ามาในศาล แล้วแย้งว่า

"ขวดแชมพูแค่ขวดเดียว ในขนาดที่คำฟ้องระบุไว้ มิสามารถบรรจุผงขาวได้มากมายขนาดนั้น (ขนาดปริมาตร์ที่ระบุไว้ในคำฟ้องว่ามากพอที่จะมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย) ถ้าไม่เชื่อก็ให้มาวัดปริมาตรกัน...!!!"
^
เท่านั้นหละเป็นเรื่องเลย แค่นี้ก็รู้แล้วว่าจำเลยโดนเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองยัดข้อหาให้อย่างแน่นอน แต่สร้างหลักฐานเท็จขึ้นมาไม่รัดกุมเพียงพอ คงเป็นเพราะคาดไม่ถึงว่าจะมีผู้เคราะห์ร้ายฮึดสู้คดีนั่นเอง...(ผู้ต้องหาส่วนใหญ่ไม่กล้าสู้คดีเพราะกลัวถ้าแพ้คดีจะโดนโทษประหารชีวิต) ดังนั้น จำเลยรายนี้จึงรอดพ้นจากการติดคุกหัวโตไปได้อย่างหวุดหวิด...!!!

จากนั้นอีกไม่นาน เราถูกบริษัทเรา (บริษัทแปลเอกสาร) ส่งตัวไปเป็นล่ามให้กับวิศวกรชาวศรีลังกาอีกคนหนึ่งซึ่งโดนข้อหาผงขาวเหมือนกัน กำลังติดคุกรอขึ้นศาลอยู่ เราไปสัมภาษณ์เขาครั้งแรก เขาเล่าให้ฟังว่าจะจับเที่ยวบินกลับไปศรีลังกา ตอนจะออกตรงด่านที่สนามบิน เขายื่นหนังสือเดินทางให้ จนท  แต่อยู่ดีๆก็มี จนท ตม รายอื่นหลายคน เดินเข้ามาบอกว่า "อะไรหล่นที่เท้าคุณ" พอมองลงไป ก็เห็นถุงใส่ผงสีขาวๆ เขาก็เลยโดนรวบ แล้วพอติดคุกรอขึ้นศาล ก็มีทนายไทยเข้าไปหาเขาในห้องขังบอกว่าให้โอนเงินไปให้เขา (ให้ทนาย) กี่แสน กี่แสน จำไม่ค่อยได้แล้ว  แล้วเขาจะเอาเงินไปยัดให้คนโน้นคนนี้ให้จำเลยหลุดพ้นจากคดี พอจ่ายเงินไป ทนายกลับไปหาชาวศรีลังกา แล้วบอกว่าให้รับสารภาพไปซะ จะได้ไม่โดนโทษประหาร (ทนาย (เผลอๆเป็นทนายปลอม) กับ จนท ทำงานร่วมกันไถเงินนักท่องเที่ยว)   เราฟังเรื่องเค้าแล้วรู้สึกหดหู่ใจมากๆ เพราะเพิ่งแปลคำฟ้องคดีนักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษให้สถานทูตอังกฤษไป

ลองใช้ google ค้นข้อมูลดูดิ จะเจอคดีนักท่องเที่ยวโดนยัดข้อหาที่สนามบินในประเทศไทย ค่อนข้างเยอะเลย (มีอีกหลายคดี) นับได้ว่า Thailand นี่คือ dangerous land สุดๆ ขนาดคนไทยเองยังขยาดกลัวเรื่องพวกนี้เลย แล้วนักท่องเที่ยวจะเหลือหรือ!
ความคิดเห็นที่ 4
คนไทยชักมั่วใหญ่แล้ว  พอมีเหตุการณ์นึง ก็จะให้ออกกฎหมายแบบนึง พอมีเหตุการณ์อีกแบบนึงก็จะให้ออกกฎหมายอีกแบบนึง  ไม้หลักปักขี้เลนจริงๆเลย
ประเทศไทยใช้กฎหมายโดยเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะต่างชาติหรือคนไทย  หรือ จะให้เราไปใช้กฎหมายเหมือนในอดีตดี
ที่คนต่างชาติทำผิดก็ลงโทษสถานเบา หรือ คนไทยกับคนต่างชาติมีปัญหากันก็ลงโทษคนไทยให้หนักๆ แบบลำเอียง
จะเอาแบบนั้นใช่ไม๊  
ผมถามคนที่มีลูกมีเต้าหน่อย ลูกคุณมาขอไปเที่ยวสงกรานต์คุณรู้สึกอย่างไร เป็นห่วงเรื่องอะไร
แน่นอนแหละ เรื่องตีกันของวัยรุ่น  เรื่องยิงรันฟันแทงของกลุ่มคนเมาเหล้า รวมถึง เรื่องชกต่อยทั่วไปของวัยรุ่น
แล้วก็ต้องเตือนลูกหลานด้วยว่า เวลาเห็นเขามีเรื่องมีปัญหาอย่าได้อยู่ใกล้ ถอยให้ห่างๆ ถูกต้องไม๊
ดังนั้น ภาพที่เห็นนักท่องเที่ยวโดนกระทืบแต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่ง เพราะกลัวลูกหลงยังไง
เรื่องวัยรุ่น หรือ คนขี้เหล้าเมายาในทุกเทศกาลต่างๆ มันมีอยู่ทุกยุคทุกสมัย เราได้แต่เตือนลูกหลาน แต่เราไม่เคนสนใจที่จะแก้ไขอะไรๆ ให้มันดีขึ้น หรือ ทำการวิเคราะห์ว่ามันเกิดมาจากสาเหตุใด
ไปเที่ยวงานต่างๆ เดินชนไหล่ เดินมองหน้า ไม่ถูกชะตา กลุ่มวัยรุ่นคนละหมู่บ้าน กลุ่มวัยรุ่นนักล่าหาเรื่อง
มันมีอยู่เต็มไปหมดในงานเทศกาลต่างๆ รวมถึงในแหล่งท่องเที่ยวทั่วไป
ถามว่าต่างชาติรู้ไม๊ว่า ประเทศเราเป็นแบบนี้  " ไม่รู้ "  แต่คนไทยรู้ดี
วัฒนธรรมการใช้ชีวิต การดื่มกิน การสรวลเสเฮฮาเป็นแบบนี้
คุณอาจจะถูกกระทืบเอาได้ถ้าคุณหน้าตาไม่ถูกชะตา  เดินชนไหล่ เยียบเท้าคนอื่น  หรือ แม้กระทั่งอยู่เฉยๆ คุณก็อาจตายได้เพราลูกกระสุนปืนมันมาจากฟากฟ้า
สิ่งต่างๆ เหล่านี้เรารู้ดี แต่เราก็ทำเฉย เพียงเพราะเราเห็นจนชิน
สังเกตจากนักท่องเที่ยวต่างชาติถูกกระทืบไม่มีใครกล้าห้าม กล้ายุ่ง เพราะเราอาจจะถูกลูกหลงได้ จากความเข้าใจผิด
เรื่องแบบนี้เรารู้กันอยู่ใช่หรือไม่  แล้วทำไมเราถึงต้องมาเรียกร้องเอาตอนนี้
เราควรหาสาเหตุสิว่า ทำไมคนไทยวัยรุ่นชั้นต่ำ ถึงได้มีพฤติกรรมแบบนี้ รวมถึงอุบัติเหตุทางรถยนต์ เราถึงได้มากมายมหาศาล เสียชีวิตยิ่งกว่า อเมริกาส่งทหารไปรบกับอิรักเสียอีก เฉพาะช่วงสงกรานต์ของไทย
ทำไม และทำไม  หรือเป็นไปได้ไม๊ว่า ประเทศเราเป็นประเทศของคนขี้เหล้าเมายา ประเทศที่มีแต่วัยรุ่นที่ขาดสติ
เราอยู่เฉยเพียงเพราะ เหล้าเป็นแหล่งรายได้ของกลุ่มทุนหรือเปล่า  เรามาเลิกดื่มเหล้ากันดีไม๊
ความคิดเห็นที่ 6
วัฒนธรรมที่ดีงามแต่โบราณถูกทำลายโดยคนคึกคะนองไม่กี่คน
^
ใครบอกว่า "ไม่กี่คน" คนไทยยุคนี้โหดสุดๆ บ้านเมืองมันเปลี่ยนแปลงไปแล้วนะ  เวลานี้เทศกาลสงกรานต์กับลองกระทง เป็นช่วงที่อันตรายที่สุด เจอทั้งคนเมาอันธพาล ทั้งคนขับรถบ้าคลั่ง มีทั้งฆ่ากันตายเพราะเขม่นกันหรือกระทบกระทั่งกัน และตายด้วยอุบัติเหตุบนท้องถนน (เพราะขับรถบ้าระห่ำ) ตั้งมากมายทุกปี

^
ทุกๆสงกรานต์กับลอยกระทงเราจะอยู่แต่ในบ้านไม่ไปไหนเลย คือจะซื้อเสบียงมาตุนให้อยู่ได้โดยไม่ต้องออกจากบ้านจนกว่าเทศกาลอันเลวร้ายจะจบสิ้นไป  เหตุผลก็เพราะว่า เคยเจอเรื่องร้ายๆ เช่น

1 ช่วงสงกรานต์เมื่อหลายปีมาแล้วเพื่อนเรานั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์รับจ้างไป คนขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างไม่ได้ใส่หมวกกันน็อค แล้วโดนคนเล่นสงกรานต์เอาปืนฉีดน้ำแรงสูงฉีดเข้าตาคนขี่มอเตอร์ไซค์ ผลก็คือมอเตอร์ไซค์คว่ำเพื่อนเราบาดเจ็บ ส่วนเรานั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์รับจ้างอีกคัน เกือบจะต้องมีเรื่องกับคนฉีดน้ำ แต่ก็ไม่รู้จะทำไงได้เพราะไอ้คนฉีดมันเป็นเด็กตัวเล็กๆ ถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็คงต้องมีใครได้เจ็บตัวกัน หรือไม่ก็ต้องขึ้นโรงพักกัน

2 ช่วงลอยกระทงเมื่อหลายปีมาแล้ว เราเดินในตลาด อยู่ดีๆมีมือมืดปาประทัดเข้าใส่หว่างขาเรา เราตกใจเลยตะโกนด่าออกไปว่า "ไอ้หน้า...เก่งจริงเมิงก้อโผล่มาให้กรูเห็นหน้าหน่อยได้ไหมฟะ?" แล้วมันก็โผล่มาจริงๆ แต่มันมาพร้อมด้วยมีดปังตอ555  มันเป็นไอ้หนุ่มขายหมูทอดข้างทางนี่เอง พอเราเห็นมีดปังตอเราก็ตกใจรีบคว้าม้านั่งหนักๆในร้านอาหารใกล้ๆ เพราะเคยเห็นมีดปังตอดวลกับม้านั่งหนักๆในหนังกำลังภายใน555 งานนี้มันมากๆชาวบ้านแตกตื่นกันยกใหญ่ เผอิญมีชาวบ้านหลายสิบคนไปล็อคตัวมือมีดปังตอไว้ (น่าจะเป็นเพราะไอ้หมอนี่โยนประทัดใส่ผู้คนทั้งวันจนชาวบ้านเอือมระอามันซะแล้ว)  ก็เลยงานนี้ไม่มีใครเจ็บตัว

^
เราเชื่อว่าสิ่งที่เราคิด (ว่าเทศกาลพวกนี้เป็นอันตราย) ตอนนี้ก็มีคนไทยอีกตั้งหลายล้านคนที่คิดเหมือนๆเรา! เพราะช่วงสงกรานต์ที่เพิ่งผ่านมามีคนตั้งกระทู้ใน pantip บอกว่า "ไม่อยากเล่นสงกรานต์อีกต่อไปเพราะอะไร" แล้วก็มีแนวร่วมเข้ามาเม้นท์ตั้งหลายร้อย คคห! (รู้สึกกระทู้จะวิ่งไป 300 - 400 คคห นะ)

หน่วยงานท่องเที่ยวของไทย "อวยเทศกาลสงกรานต์กับลอยกระทง โดยอ้างว่าเป็นวัฒนธรรมอันงดงามของไทย แต่ไม่เคยพูดเรื่องอันตราย" นักท่องเที่ยวเลยเข้าใจอะไรผิดๆ  แล้วไปเดินตามตลาดอะไรเงี้ย ก็ต้องเจอของแข็งอยู่แล้ว หน่วยงานท่องเที่ยวไทย "ควรเตือนนักท่องเที่ยวว่าโซนไหนควรเข้าโซนไหนไม่ควรเข้า" ไม่ควรเห็นแก่เงินเข้าประเทศ เพราะโซนเล่นสงกรานต์อันตรายมีมากกว่าโซนเล่นสงกรานต์ไม่อันตราย ถ้าไม่เตือนแล้วมีเหตุการณ์อันธพาลไทยจิตใจเหี้ยมโหดรุมกระทืบชาวต่างชาติผู้สูงอายุบ่อยๆ อีกหน่อยกลายเป็นยิ่งไม่มีนักท่องเที่ยวอยากมาเที่ยวไทย!
ความคิดเห็นที่ 37
เรื่องนี้รุนแรงเพราะคนไทยไปเตะเขาซ้ำ  ทั้งที่เขาหมดสภาพไปแล้ว
ถ้าดูคลิปจริงๆตั้งแต่ต้น
จะเห็นคนไทยต้นเหตุเรื่องผลักฝรั่งเบาๆ แต่พอดีขาฝรั่งไปขัดกันเลยล้มอย่างแรง   แม่ของฝรั่งที่ล้มเดินไปตบหน้าคนไทยที่ผลัก  ทำให้พรรคพวกของเขาเดินมาไหว้ขอโทษแม่ฝรั่งคนที่ล้ม     จังหวะที่ล้อมกันแม่ของฝรั่งยังไปดึงหัวพรรคพวกในกลุ่ม และฝรั่งคนพ่อก็เดินไปแอบต่อยข้างหลัง จนคนต้นเรื่องล้มลงไปกับพื้น  
ทีนี้เดือดเลยครับ    คนไทยเลยวิ่งมารุมกันใหญ่         ไอ้คนต้นเรื่องมากระทืบ2ทีตอนท้ายเท่านั้น  
ส่วนพวกที่มายำฝรั่ง ในตอนแรกพวกเขาตั้งใจมาห้ามครับ    ห้ามสำเร็จแล้วด้วย แยกออกเป็น2กลุ่ม แต่ฝรั่งคนพ่อยังแอบเดินอ้อมไปออกหมัดใส่   เลยได้ลุยกันแทน
เรื่องนี้ถูกทางสื่อฝรั่งตัดต่อคลิปเหลือแค่  ตอนคนไทยรุมเตะต่อย  ตอนต้นไม่ได้เอามาออก  
ลองคิดดูว่า ถ้าเราอยู่ในประเทศอเมริกาหรืออังกฤษ    เราถูกวัยรุ่นฝรั่งผลักล้ม แล้วเดินกลับไปตบหน้าฝรั่ง  แล้วเพื่อนเราก็ไปต่อยมันอีกที  เราก็เละเหมือนกันครับ  
ความเห็นต่างชาติหลายคนยังบอกว่า เขาอยู่ในไทย บางคนก็เข้า-ออกไทยบ่อยๆ  แต่ไม่เคยเจอคนไทย มาทำร้ายหรือกระทำอะไรรุนแรงแบบนี้
หลายความเห็นยังบอกว่า   ฝรั่งคนแม่ พลาดมากที่ไปตบหน้าเอาคืน  แล้วไม่ยอมเลิก ยังจะเดินเข้าไปเอาเรื่องต่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่