การกลับมาแบบยิ่งใหญ่ของรานิเอรี่

ชีวิตคนมีขึ้นและมีลง แต่ใครจะไปรู้ว่ากุนซือดวงอับโชคอย่างรานิเอรี่ หรือที่สื่อไทยชอบเรียกกุนซืออ่อนภาษา (ความจริงแล้วพูดได้ 4 ภาษา) กำลังจะเข้าใกล้แชมป์ลีกสูงสุดของประเทศ ครึ่งแรกในชีวิตการทำงานเป็นผู้จัดการทีมแล้ว เรียกว่าได้ใส่คำว่า “ว่าที่” แชมป์พรีเมียร์ลีก ไปเลยก็ยังได้ เพราะขณะที่ผมกำลังเขียนอยู่นี้ ทีมจิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ซิตี้ กำลังทำคะแนนทิ้งอันดับสองอย่าง ไก่เดือยทอง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ อยู่ถึง 7 คะแนน และต้องการคะแนนอีกแค่ 3 คะแนนจาก 3 นัดสุดท้าย ก็สร้างปาฏิหาริย์ เป็นทีมม้ามืดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2015-2016 นี้ไปครอง

    ใครจะไปคิดว่าทีมที่เกือบตกชั้นในฤดูกาลที่แล้ว (2014-2015) + กับผู้จัดการทีมที่ไม่มีใครอยากได้ จะรวมกันแล้วสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้น่าประทับใจเช่นนี้ เรียกได้ว่าเป็นทีมเดียวจริงๆ ที่มาเยือนเมืองไทยแล้วกลับไปเล่นที่อังกฤษโดยไม่เจอวิบากกรรมหรืออาถรรพ์จากประเทศไทยเล่นงาน หรืออาจจะโดนเล่นไปแล้วในกรณีของคลิปโป๊ของลูกชายของ ไนเจล เพียร์สัน ที่ไปก่อเรื่องตอนมาเทียวถึงไทย โดยส่งผลให้คนที่เป็นพ่อถึงกับตกงานตามลูกชายไปด้วยเลย ซึ่งจะว่าไปแล้วตอนที่ ไนเจล เพียร์สัน โดนปลดจากตำแหน่งใหม่ๆ ก็สร้างความไม่พอใจให้กับเหล่าสาวกจิ้งจอก ถึงขนาดออกมาด่าผู้บริหารและเจ้าของทีมกันเลยทีเดียวว่า ทำกับคนที่พาทีมเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีก และพึ่งจะช่วยให้ทีมหนีจากการตกชั้นมาหมาดๆ ได้ยังไง แต่ก็นั้นละครับ ตอนนี้ผมว่าเหล่าสาวกน่าจะยินดีกับการเปลี่ยนผู้จัดการทีมมาเป็นคนที่ใช่สำหรับสโมสรแล้ว

    รานิเอรี่ เป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมจอมพเนจรคนหนึ่ง เขาผ่านการคุมทีมแล้วถึง 15 ทีม รวมทีมชาติกรีซ มีทั้งจุดตกต่ำและรุ่งโรจน์ ช่วงที่รุ่งโรจน์คือสมัยที่คุมทีมกาลยารี โดยได้แชมป์เซเรียซีและพาทีมเลื่อนชั้นมายังลีกเซเรียบี ก่อนจะได้เลื่อนชั้นไปเล่นเซเรียอา ของอิตาลี ในปีต่อมา จนผลงานเข้าตาได้ย้ายมาคุมนาโบลีแต่ไม่สามารถคว้าแชมป์ใดๆ ได้เลย แต่ที่นาโบลีนี่เองรานิเอรี่ได้ค้นพบ จิอันฟรังโก้ โซล่า ตำนานนักเตะของสิงห์บูล

    รานิเอรี่ กลับมารุ่งอีกครั้ง เมื่อพาทีมฟิออเรนติน่า คว้าแชมป์เซเรียบี ในปีแรกที่คุมทีม ก่อนจะได้แชมป์โคปา อิตาเลีย ในปีถัดมา นั้นสร้างชื่อให้กับรานิเอรี่เป็นอย่างมาก และถูกดึงมาคุมทีมวาเลนเซีย เพียงปีแรกก็พาทีมจบอันดับที่ 4 และได้สิทธิ์ไปเล่นในบอลถ้วยยุโรป ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก แถมยังได้แชมป์โกปาเดลเรย์ในปีถัดมา ในสเปนรานิเอรี่ยังมีโอกาสได้คุมทีม แอตเลติโก้ มาดริด ในช่วงสั้นๆ ก่อนจะชิงลาอ่อนหลังคุมทีมแพ้ติดๆ กัน

    ชื่อของรานิเอรี่เริ่มเป็นที่รู้จักของแฟนบอลชาวไทยจริงๆ ก็ช่วงที่ได้ย้ายมาคุมทีมเชลซี ภายใต้เจ้าของเก่า เคน เบตส์ ถึงแม้จะไม่สามารถพาเชลซีได้แชมป์ใดๆ เลย แต่จุดเก่งอยากหนึ่งเลยของรานิเอรี่คือ การมองหานักเตะอันแหลมคม เพราะ ตลอดช่วง 4 ปี ที่เข้ามาคุมทีมสิงห์บูล รานิเอรี่สามารถหานักเตะคุณภาพ แต่ค่าตัวถูกๆ ได้เยอะมากๆ เช่น แฟรงค์ แลมพาร์ด, วิลเลี่ยม กัลลาส, เวย์ บริด, เดเมี่ยน ดัฟฟ์, โจ โคล, มาเกเลเล่ กระทั่ง จอร์น เทอรี่ เองก็ถูกดันขึ้นมาเป็นตัวจริงในยุคของรานิเอรี่  หรือแม้แต่นักเตะที่เซ็นสัญญามาล่วงหน้าอย่าง เช็ก และ ร็อบเบน แต่ไม่มีโอกาสได้ใช้งานเพราะโดนเจ้าของใหม่ โรมัน อับราโมวิช ปลดออกซะก่อน เรื่องการมองนักเตะรานิเอรี่ถือเป็นกุนซือตาคมคนหนึ่งเลยจริงๆ แฟนๆ เชลซี จะมีใครรู้ไหมว่าชื่อของ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา คนที่เสนอให้บอร์ดสิงห์บูลซื้อตัวมาตั้งแต่แรกหาใช่ โชเซ่ มูรินโญ่ แต่เป็น กุนซืออ่อนภาษาคนนี้นี่แหละ ชื่อนักเตะเหล่านี้แหละที่เป็นเสาหลักของเชลซีในเวลาต่อมา ที่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรก ถึงขนาดที่เคยมีการวิเคราะห์กันว่าถ้าเสี่ยหมีให้โอกาสรานิเอรี่อยู่ต่อ ก็อาจจะพาทีมคว้าแชมป์ลีกได้เหมือนกัน

    หลังจากผ่านงานคุมทีมที่อังกฤษ รานิเอรี่ ก็ได้มีโอกาสกลับไปคุมทีมในอิตาลี หลายต่อหลายทีม แต่ไม่ประสบความสำเร็จเลย ไม่ว่าจะเป็นบอลถ้วย บอลยุโรป หรือแม้แต่แชมป์ลีกสูงสุดของประเทศ จนหลายคนคิดว่า ผู้จัดการทีมที่เลขหลัก 6 ไปแล้วคนนี้ คงไม่มีโอกาสได้สัมผัสแล้วละ แถมตัวเขาเองก็ดูเหมือนจะเหมาะกับทีมระดับล่างๆ มากกว่าการขึ้นไปคุมทีมระดับซุปเปอร์สตาร์ อย่างเช่น ครั้งหนึ่งรานิเอรี่มีโอกาสได้คุมทีมโมนาโก ที่ตอนนั้นยังเป็นทีมตกชั้นอยู่ลีกดิวิชั่น 2 ของฝรั่งเศส ภายในปีเดียว กุนซืออ่อนภาษาคนนี้ พาทีมได้แชมป์ลีกดิวิชั่น 2 และปีต่อมา เขาคนนี้พาทีมไล่บี้ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ก่อนจะจบด้วยอันดับรองแชมป์ลีก ผลงานเข้าตากรรมการจนมีโอกาสไปคุมทีมชาติกรีซ แต่เหมือนฟ้าแกล้ง รานิเอรี่พาทีมชาติตกรอบคัดเลือกยูโรตั้งแต่ไก่โห่ แถมยังพาทีมแพ้คาบ้านต่อทีมหมู่เกาะแฟโร ซะอีก

    รานิเอรี่ ว่างงานอยู่เกือบๆ ปี จนหลายคนคิดว่าเขาน่าจะวางมือ แต่แล้วเลสเตอร์ซิตี้ก็ยื่นข้อเสนอการทำงานเข้ามา การกลับมาเกาะอังกฤษครั้งนี้ ในตอนแรก รานิเอรี่ ตั้งเป้าเพียงแค่จะพาทีมจิ้งจอกทีมนี้ขึ้นไปอยู่กลาง ไม่ไปลุ้นตกชั้นแบบฤดูกาลที่แล้วแค่นั้น แต่เหมือนถูกโฉลกกับทีมเล็ก 6 นัดแรก กุนซืออ่อนภาษาคนนี้ พาทีมเก็บชัยชนะได้ถึง 3 นัด และเสมอ 3 นัด พาทีมขึ้นไปอยู่บนหัวตารางทันที กูรูหลายต่อหลายสำนักถึงขนาดเอาไปเปรียบเทียบกับ เซาแธมป์ตัน ที่เคยขึ้นไปอยู่บนตารางก่อนจะอ่อนแรงในท้ายที่สุด และมองว่า เลสเตอร์ซิตี้ ก็น่าจะเป็นแบบเดียวกัน โดยเฉพาะในเกมต่อๆ มาที่โดน อาเซน่อล ถล่มเละคาบ้าน แทบทุกคนจะบอกว่านั้นไง พอเจอของจริง หรือเจอทีมใหญ่ก็ไม่รอด แต่เชื่อไหมครับ นั้นคือทีมเดียวที่ รานิเอรี่ ไม่เคยชนะในลีกเลย ตั้งแต่ตอนคุมเชลซีแล้ว เรียกว่าแพ้ทางกันมาตั้งแต่ตอนนั้น ดีที่สุดคือตอนที่เอาชนะปืนใหญ่ในบอลถ้วยยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก เป็นนัดเดียวที่ รานิเอรี่ เอาชนะ อาร์แซน เวนเกอร์

    เลสเตอร์ซิตี้พ่ายแพ้ไปแค่ 3 นัดเท่านั้นในลีกตอนนี้ แล้วทั้ง 3 นัดคือตอนที่ไปเยือนลิเวอร์พูล และแพ้แบบไปกลับเมื่อเจอปืนใหญ่ นั้นหมายความว่าทีมของรานิเอรี่ แทบไม่ทำแต้มหล่นกับทีมอื่นๆ เลย จุดหนึ่งที่อาจจะเป็นข้อได้เปรียบคือโปรแกรมการแข่งขันของทีมจิ้งจอกมีน้อยมากๆ เนื่องจากทีมตกรอบในบอลถ้วยทั้งสองรายการของอังกฤษอย่างรวดเร็ว ถ้าเอาโปรแกรมมานั่งเรียงกันแล้ว จะสังเกตได้อย่างหนึ่งว่าช่วงที่ ทีมจิ้งจอก ลงแข่งบอลถ้วย จะเป็นช่วงทำแต้มหล่นในเกมลีกเยอะที่สุดแล้ว แต่นั้นคือปัจจัยเล็กๆ เท่านั้น

    จุดหนึ่งที่ต้องชมคือการสร้างแรงจูงใจให้กับทีมและการบริหารของรานิเอรี่ ลักษณะของเขาเป็นคนที่ถ่อมตัว ไม่แข็งกร้าว จึงแทบจะหาข่าวที่เขาเปิดศึกน้ำลายกับคนอื่นไม่เจอ แต่ก็ยังมีไหวพริบรู้จักใช้สื่อในการโยนความกดดันให้กุนซือทีมอื่น รานิเอรี่ใช้นักเตะหมุนเวียนเฉพาะในเกมลีก 23 คน ยิงประตูได้ทุกตำแหน่ง สามารถคือชีพให้กับกองหน้าอายุเยอะอย่าง เจมี่ วาร์ดี้ ให้กลับมายิงประตูแบบถล่มถลาย ปรับการเล่นของ ริยาด มาห์เรซ ให้กลายเป็นปีกที่น่าจับตามองที่สุดในเกาะอังกฤษตอนนี้ และอาจจะโชคดีที่ทีมได้ทั้ง คริสเตียน ฟุชส์, โรเบิร์ต ฮูธ และชินจิ โอะกะซะกิ เข้ามาก่อนที่รานิเอรี่จะเข้ามาคุมทีมไม่กี่วัน (อันนี้ไม่รู้ว่าต้องขอบคุณไนเจล เพียร์สัน หรือเปล่า) กุนซือผู้ถ่อมตัวยังตาคมเหมือนเคย เขาเสริมทัพด้วยการดึง เอ็นโกโล ก็องเต เข้ามาเป็นหัวใจในแดนกลางของทีม ชนิดที่ว่าถ้าเห็นราคาตอนซื้อกับผลงานตอนนี้ หลายทีมมีเสียดายแน่นอน เลสเตอร์ซิตี้ เสริมทัพปีนี้ไม่น่าถึง 30 ล้านปอนด์ แต่กำลังจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก (ราคานี้อาจจะซื้อนักเตะได้แค่คนเดียวของทีมใหญ่ในยุโรป ใครว่าเงินซื้อความสำเร็จได้)

    แล้วถ้าอีก 3 นัดที่เหลือ ถ้า ทีมจิ้งจอก ชนะแมนฯยู ในวันอาทิตย์นี้ ก็แทบจะไม่ต้องไปลุ้นเกม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เจอเชลซี ให้เสียเวลา และมันจะกลายเป็นจุดพีคจริงๆ ถ้าเลสเตอร์ซิตี้เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกก่อนเกมเจอเชลซี เพราะนั้นหมายความว่า ทีมแชมป์เก่า ที่มีป้ายติดแขนสีทอง จะต้องยืนเข้าแถวให้กับทีมแชมป์ทีมใหม่ ที่มีอดีตผู้จัดการทีมเก่าอย่าง รานิเอรี่ ที่จะได้กลับมาเยือนสแตมฟอร์ด บริดจ์ ครั้งแรกหลังจากที่เขาโดนโรมัน อบราโมวิช ปลดออก เผลอๆ อาจจะได้มาชูถ้วยแชมป์ใน สแตมฟอร์ด บริดจ์ นี้ด้วยก็เป็นได้

    กุนซือวัย 64 ปี ใกล้ที่กำลังจะทำความฝันของเขาให้เป็นจริงแล้ว แชมป์ลีกสูงสุดของประเทศ หลังรอมาอย่างยาวนาน ถือเป็นการกลับมาแบบยิ่งใหญ่จริงๆ ของรานิเอรี่

http://www.ift-sport.com/columnist-view?lid=999&&nid=258
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่