ไปอ่านเจอมาค่ะ ไม่รู้ว่ามีใครเคยเอามาลงยัง ( ถ้าซ้ำขออภัย ) ลองจิ้นตามแล้วแล้วก็ฮาาา
ไม่มีอีกแล้ว ! 11 ดรีมทีม "ยอดกุนซือ" ตามตำแหน่งสมัยที่ยังเป็น "นักเตะ"
หลังจากที่ทีมงาน 90min จัดทีม 11 ผู้เล่นในรูปแบบต่าง ๆ มาแล้วหลายครั้งหลายหัวข้อ คราวนี้ลองของใหม่ในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนกันบ้าง
โดยเป็นการจัดดรีมทีมให้กับเหล่ายอดผู้จัดการทีมชื่อก้องโลกทั้งหลายสมัยที่ยังเป็นนักเตะอยู่ ซึ่งหากพวกเขามาร่วมทีมกันแล้วหน้าตาจะออกมาเป็นอย่างไรกันบ้าง และดรีมทีมชุดนี้อาจจะมีตกหล่นชื่อของ ผู้จัดการทีมดัง ๆ ไปหลายคน แต่นั่นก็เพราะพวกเขาไม่มีตำแหน่งให้ลงแล้วนั่นเอง
(ในระบบ 4-4-2) ถูกใจหรือไม่ ไปดูกัน !!
11. ผู้รักษาประตู : ดิโน ซอฟฟ์
อดีตสุดยอดผู้รักษาประตูชาวอิตาลีคนนี้ ต้องบอกว่าเขาเป็นผู้เล่นที่ประสบความสำเร็จสูงมากมาตลอด 12 ปีที่ค้าแข้งให้กับทีม ม้าลาย ยูเวนตุส โดยมีถ้วยแชมป์ติดมือไปถึง 9 ใบ (เซเรียอา 6 ครั้ง) รวมถึงเคยเป็นแชมป์โลกในปี 1982 และแชมป์ยูโร 1968 กับทีมชาติอิตาลีด้วย
หลังจากเลิกเล่น ซอฟฟ์ ก็ผันตัวมาเป็นผู้จัดการทีม โดยเริ่มลองคุม ยูเวนตุส เป็นทีมแรก และก็คว้าแชมป์ โคปา อิตาเลีย กับ ยูฟา คัพ (ยูโรปา) ได้อีกอย่างละครั้งเท่านั้น แต่หากมองกันถึงผู้รักษาประตูที่ผันตัวเองมาเป็นกุนซือ ก็คงจะมีเขานี่แหละที่ดีที่สุด
10. เซ็นเตอร์แบ็ค : ฟราน เบ็คเคนบาวเออร์
สำหรับ "ไกเซอร์" ฟรานซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ คนนี้แล้วถือว่าเป็นโคตรแข้งที่เก่งกาจที่สุดคนหนึ่งเท่าที่โลกเคยมีมาเลยทีเดียว เพราะเขาคือต้นตำรับตำแหน่ง ลิเบอโร่ ผู้ซึ่งไม่มีใครสามารถเปรียบฝีเท้าได้
สมัยเป็นนักเตะ ไกเซอร์ เคยคว้าแชมป์ลีกมาแล้ว 7 ครั้งกับ บาเยิร์น, ฮัมบูร์ก และนิวยอร์ค คอสมอส แถมยังเคยได้แชมป์โลกกับทีมชาติเยอรมันตะวันตกในปี 1974 แชมป์ยูโร 1972 อีกด้วย
หลังผันตัวเองมาเป็นกุนซือบารมีของเขาก็ไม่ได้ตกลงเลยแม้แต่น้อย โดยมีผลงานโดดเด่นคือ นำทัพอินทรีเหล็กได้แชมป์โลกปี 1990 และปีต่อมาก็จัดแชมป์ลีกเอิง ฝรั่งเศส ให้ มาร์กเซย์ ตามด้วย บุนเดสลีกาฤดูกาล 1993-94 กับ ยูฟา คัพ 1995-96 ให้ บาเยิร์น มิวนิค ได้อีก
9. กองหลัง : หลุยซ์ ฟิลิเป้ สโคลารี
สำหรับยอดกุนซือชาวแซมบ้าอย่าง หลุยซ์ ฟิลิเป้ สโคลารี คนนี้ ต้องบอกก่อนเลยว่า ถึงแม้เขาจะประสบความสำเร็จในการเป็นผู้จัดการทีมมามาก แต่สมัยที่เขาเล่นฟุตบอลเป็นกองหลังนั้นไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
หลังแขวนสตั๊ด สโคลารี ใช้ได้อัพเลเวลในการเป็นกุนซือให้กับตัวเองมากถึง 18 สโมสร ก่อนจะขยับมาคุมทัพทีมชาติบราซิลในปี 2001 ซึ่งทำให้ชื่อเสียงของเขากระฉ่อนไกลไปทั่วโลก
ทั้งนี้เป็นเพราะว่า สโคลารี สามารถนำทีมชาติเซเลเซาคว้าแชมป์โลกมาครองได้ในปี 2002 นั่นเอง จากนั้นเขาก็ลาออกไปเป็นผู้จัดการให้อีกหลายต่อหลายทีม ไม่ว่าจะเป็น โปรตุเกส หรือแม้กระทั่งทีมดังอย่าง เชลซี ในเวลาต่อมา
8. แบ็คซ้าย : บ็อบ เพรสลีย์
บ็อบ เพรสลีย์ ถือเป็นผู้จัดการทีมของ ลิเวอร์พูล อีกคนหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ปรมาจารย์ บิล แชงค์ลีย์ เลยแม้แต่น้อย เพราะเขาคือผู้ที่นำทีมหงส์แดงผงาดได้แชมป์รายการใหญ่สุดของยุโรปได้ถึง 3 สมัย นั่นเอง
นอกจากนั้น เพรสลีย์ ยังเดินเครื่องจักรสีแดงบุกอัดคู่แข่งแบบไม่มีเกรงกลัวจนได้แชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษไปครองอีก 6 สมัย แถมรายการอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งรวมแล้วจัดถ้วยมาประดับสโมสรได้เยอะถึง 20 ใบ เลยทีเดียว
สมัยเป็นนักเตะ เพรสลีย์ ก็เล่นให้กับ ลิเวอร์พูล อยู่ทีมเดียว ตั้งแต่เริ่มจนเลิก โดยมีตำแหน่งคือ ฮาล์ฟ-เลฟ ซึ่งสมัยนี้เลิกใช้ไปแล้ว คือการเล่นในพื้นที่กราบซ้าย ไม่ว่าจะเป็นวิงแบ็ค หรือปีกนั่นเอง
7. แบ็คขวา : เจอร์เกน คล็อปป์
ต้องขอออกตัวก่อนเลยว่า ผู้เขียนไม่ได้ลำเอียงหรือเป็นเด็กหงส์แต่อย่างใด ถึงได้เลือกเอาผู้จัดการทีมของ ลิเวอร์พูล มาติดทั้งฝั่งซ้ายและขวาแบบนี้
แต่สำหรับในตำแหน่งนี้แล้ว เมื่อลองมาไล่คัดชื่อของผู้จัดการทีมเท่าที่มีอยู่ทั้งในอดีตและปัจจุบัน เจอร์เกน คล็อปป์ คือคนที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดนั่นเอง
ด้วยผลงานการนำทัพ ดอร์ทมุนด์ ขึ้นไปเขย่าบัลลังก์แชมป์บุนเดสลีกาได้เหนือ บาเยิร์น มิวนิค ที่ผูกขาดมานานหลายปีได้ 2 ฤดูกาลติดต่อกัน รวมถึง บอลถ้วยอีกหลายครั้งตลอด 8 ปี ที่ผ่านมา ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในกุนซือที่ดีที่สุดของทีมเสือเหลืองไปแล้วจริงๆ
6. มิดฟิลด์ตัวรับ : เป๊ป กวาร์ดิโอลา
สมัยที่ เป๊ป ยังเล่นฟุตบอลอยู่นั้น เขาก็เคยเป็นถึงมิดฟิลด์ตัวรับในตำนานของทีมเจ้าบุญทุ่ม บาร์เซโลนา เลยทีเดียว โดยนำทีมคว้าแชมป์ลีกได้ถึง 6 ครั้ง แชมป์ยุโรป 3 รายการได้อีกอย่างละครั้ง รวมถึงบอลถ้วยในประเทศอีกมาก
จากนั้นเมื่อผันตัวมาเป็นผู้จัดการทีม ก็แทบไม่มีใครอยากเชื่อว่าเขาจะกลายมาเป็นยอดกุนซือให้กับทีมรักได้อีกเช่นกัน
เพราะเป๊ป จัดแชมป์ลาลีกาให้ บาร์ซา ได้ 3 สมัยติด รวมถึง แชมเปียนส์ลีก 2 ครั้ง และรายการอื่นอีกนับไม่ถ้วน ก่อนจะไปคุม บาเยิร์น ได้แชมป์อีกพรึ่บจนถึงทุกวันนี้
5. มิดฟิลด์ตัวกลาง : คาร์โล อันเชล็อตติ
อันเชล็อตติ ถือเป็นอีกหนึ่งกุนซือที่ประสบความสำเร็จมาตลอดทั้งชีวิตไม่ว่าจะสมัยที่เป็นนักเตะอยู่หรือหลังผันตัวมาเป็นผู้จัดการทีมแล้วก็ตาม
โดยอดีตมิดฟิลด์โรมา และ เอซี มิลาน คนนี้ เคยชูถ้วยแชมป์มาแล้วมากถึง 20 รายการ ให้กับสองสโมสร โดยมีทั้งแชมป์ลีก และยูฟา แชมเปียนส์ลีก รวมอยู่ด้วย
และหลังจากมารับงานกุนซือ "พี่แจ้" ก็ทำทีมประสบความสำเร็จมาทั้งหมด ทั้ง ยูเวนตุส, มิลาน, เชลซี, เปแอสเช และล่าสุดคือ เรอัล มาดริด ก่อนจะกลายมาเป็นคนว่างงานอยู่ในตอนนี้
4. ปีกขวา : จิโอวานนี ตราปัตโตนี
ขรัวเฒ่าชาวอิตาเลียน เจ้าของฉายา "อิลแทร็ป" คนนี้ คือหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดในระดับสโมสรมาแล้ว ช่วงที่เขาเป็นกุนซือให้ทัพม้าลาย ยูเวนตุส นั่นเอง
โดย ตราปัตโตนี คือผู้สร้างรากฐานแห่งความยิ่งใหญ่ให้กับยอดทีมเมืองตูรินเอาไว้ในยุค 70-80 ด้วยการคว้า สคูเด็ตโต มาครองได้มากถึง 6 สมัย พร้อมทั้งแชมป์อื่น ๆ ของยุโรปไม่ว่าจะเป็นรายการใหญ่หรือเล็ก
นอกจากนั้นตอนที่เขาคุม อินเตอร์ มิลาน, บาเยิร์น มิวนิค, เบนฟิกา รวมถึงทีมอื่น ๆ ก็ล้วนประสบความสำเร็จได้แชมป์ลีก แชมป์บอลถ้วยมาหมดทั้งสิ้น
แต่อดีตปีกขวาผู้เกรียงไกรของ เอซี มิลาน คนนี้ ก็ต้องมาพังจนเสียเครดิตไปมากโขเอาก็ตอนคุมทีมชาติอิตาลีนี่แหละ เพราะเมื่อไหร่ที่ใครไปทักเขาถึงเรื่องนี้ อิลแทร็ป น่าจะน้ำตาคลอเบ้าทุกครั้งแน่นอน
3. ปีกซ้าย : โยฮัน ครัฟฟ์
"นักเตะเทวดา" ชาวฮอลแลนด์คนนี้คือหนึ่งในผู้เล่นที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นแข้งฝีเท้าดีที่สุดคนหนึ่งของโลกมาแล้วเช่นกัน
โดย ครัฟฟ์ เก่งจัดจนถึงขนาดพา อาแจ็กซ์ คว้าแชมป์ลีกมา 8 ครั้ง ถ้วยใบใหญ่ของยุโรปอีก 3 สมัยซ้อน รวมถึงบอลถ้วยรายการอื่นอีกมากมาย แถมพอย้ายมาเล่นให้ บาร์ซา กับ เฟเยนูร์ด ก็สอยแชมป์มาครองได้ตลอดทุกฤดูกาลอีกด้วย
หลังจากนั้น เขาก็ผันตัวเองมาเป็นกุนซือ ซึ่งมีช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือการนำทัพเจ้าบุญทุ่ม ได้แชมป์ลีก 4 สมัย และก็เป็นผู้ให้กำเนิดสไตล์บอลที่เรียกว่า "ติกิ-ตากา" มาจนถึงทุกวันนี้นี่เอง
2. กองหน้า : ออตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์
จากอดีตกองหน้าชาวเยอรมันที่มีผลงานการซัดไป 169 ประตูจาก 300 เกมลีก กับ 4 สโมสร และเคยคว้าแชมป์กับ บาเซิล มาสามใบ
ฮิตซ์เฟลด์ ก็ผันตัวเองมาเป็นผู้จัดการทีมหลังจากที่แขวนสตั๊ด และก็เริ่มคุมทีมในลีกสวิสฯ ก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งเขาทำ กลาสช็อปเปอร์คว้าแชมป์ลีกได้มากถึง 5 ใบ
จากนั้นเมื่อย้ายมาคุม ดอร์ทมุนด์ ก็ได้แชมป์ลีกอีก 2 ครั้ง แถมด้วย ยูฟา แชมเปียนส์ลีก อีก 1 ครั้ง ก่อนจะไปสร้างความยิ่งใหญ่แบบไม่มีใครหยุดอยู่กับ บาเยิร์น ด้วยถาดแชมป์บุนเดสลีกา 5 ใบ แชมเปียนส์ลีก 1 ใบ และรายการอื่น ๆ อีกนับไม่ไหวเลยทีเดียว
...
...
...
...
...
...
และ.....
1. กองหน้า : เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ถึงแม้ว่าในสมัยที่ยังเล่นเป็นกองหน้าให้กับหลาย ๆ ทีมในลีกสก็อตแลนด์นั้น ป๋าเฟอร์กี้ ของเด็กผีจะไม่ได้ประสบความสำเร็จมากมายให้จดจำนัก แต่เขาก็คือผู้เล่นที่ทำประตูให้ทีมต้นสังกัดได้แบบไม่เคยขาดเลยแม้แต่น้อย
และหลังจากที่ก้าวขึ้นมารับงานกุนซือ ท่านเซอร์ ก็จัดแชมป์ลีกให้ เซนต์เมียร์เรน 1 ครั้ง อเบอร์ดีนอีก 3 ครั้ง รวมถึงบอลถ้วยอีกมากมาย ก่อนย้ายมาอยู่ ยูไนเต็ดในปี 1986
แต่กว่าจะได้แชมป์ครั้งแรกในลีกอังกฤษ เด็กผีก็ต้องรอถึง 7 ปี จากนั้น ชื่อของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็กลายมาเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทีมหนึ่งของโลกจนถึงปัจจุบันจากผลงานการได้แชมป์ลีกมากถึง 13 สมัยด้วยมือท่านเซอร์
นอกจากนี้ยังมีทั้ง เอฟเอคัพ 5 สมัย ลีกคัพ 4 สมัย ยูฟา แชมเปียนส์ลีก 2 สมัย คัพวินเนอร์คัพ, ยูฟา ซูเปอร์คัพ และอื่น ๆ อีกหลายรายการ จนทำให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คือผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมาเลยทีเดียว
โดย : Moron Mink
Link :
http://www.90min.com/th/posts/2662370?utm_medium=top_posts&utm_source=post_page
ไม่มีอีกแล้ว ! 11 ดรีมทีม "ยอดกุนซือ" ตามตำแหน่งสมัยที่ยังเป็น "นักเตะ"
ไม่มีอีกแล้ว ! 11 ดรีมทีม "ยอดกุนซือ" ตามตำแหน่งสมัยที่ยังเป็น "นักเตะ"
หลังจากที่ทีมงาน 90min จัดทีม 11 ผู้เล่นในรูปแบบต่าง ๆ มาแล้วหลายครั้งหลายหัวข้อ คราวนี้ลองของใหม่ในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนกันบ้าง
โดยเป็นการจัดดรีมทีมให้กับเหล่ายอดผู้จัดการทีมชื่อก้องโลกทั้งหลายสมัยที่ยังเป็นนักเตะอยู่ ซึ่งหากพวกเขามาร่วมทีมกันแล้วหน้าตาจะออกมาเป็นอย่างไรกันบ้าง และดรีมทีมชุดนี้อาจจะมีตกหล่นชื่อของ ผู้จัดการทีมดัง ๆ ไปหลายคน แต่นั่นก็เพราะพวกเขาไม่มีตำแหน่งให้ลงแล้วนั่นเอง
(ในระบบ 4-4-2) ถูกใจหรือไม่ ไปดูกัน !!
11. ผู้รักษาประตู : ดิโน ซอฟฟ์
อดีตสุดยอดผู้รักษาประตูชาวอิตาลีคนนี้ ต้องบอกว่าเขาเป็นผู้เล่นที่ประสบความสำเร็จสูงมากมาตลอด 12 ปีที่ค้าแข้งให้กับทีม ม้าลาย ยูเวนตุส โดยมีถ้วยแชมป์ติดมือไปถึง 9 ใบ (เซเรียอา 6 ครั้ง) รวมถึงเคยเป็นแชมป์โลกในปี 1982 และแชมป์ยูโร 1968 กับทีมชาติอิตาลีด้วย
หลังจากเลิกเล่น ซอฟฟ์ ก็ผันตัวมาเป็นผู้จัดการทีม โดยเริ่มลองคุม ยูเวนตุส เป็นทีมแรก และก็คว้าแชมป์ โคปา อิตาเลีย กับ ยูฟา คัพ (ยูโรปา) ได้อีกอย่างละครั้งเท่านั้น แต่หากมองกันถึงผู้รักษาประตูที่ผันตัวเองมาเป็นกุนซือ ก็คงจะมีเขานี่แหละที่ดีที่สุด
10. เซ็นเตอร์แบ็ค : ฟราน เบ็คเคนบาวเออร์
สำหรับ "ไกเซอร์" ฟรานซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ คนนี้แล้วถือว่าเป็นโคตรแข้งที่เก่งกาจที่สุดคนหนึ่งเท่าที่โลกเคยมีมาเลยทีเดียว เพราะเขาคือต้นตำรับตำแหน่ง ลิเบอโร่ ผู้ซึ่งไม่มีใครสามารถเปรียบฝีเท้าได้
สมัยเป็นนักเตะ ไกเซอร์ เคยคว้าแชมป์ลีกมาแล้ว 7 ครั้งกับ บาเยิร์น, ฮัมบูร์ก และนิวยอร์ค คอสมอส แถมยังเคยได้แชมป์โลกกับทีมชาติเยอรมันตะวันตกในปี 1974 แชมป์ยูโร 1972 อีกด้วย
หลังผันตัวเองมาเป็นกุนซือบารมีของเขาก็ไม่ได้ตกลงเลยแม้แต่น้อย โดยมีผลงานโดดเด่นคือ นำทัพอินทรีเหล็กได้แชมป์โลกปี 1990 และปีต่อมาก็จัดแชมป์ลีกเอิง ฝรั่งเศส ให้ มาร์กเซย์ ตามด้วย บุนเดสลีกาฤดูกาล 1993-94 กับ ยูฟา คัพ 1995-96 ให้ บาเยิร์น มิวนิค ได้อีก
9. กองหลัง : หลุยซ์ ฟิลิเป้ สโคลารี
สำหรับยอดกุนซือชาวแซมบ้าอย่าง หลุยซ์ ฟิลิเป้ สโคลารี คนนี้ ต้องบอกก่อนเลยว่า ถึงแม้เขาจะประสบความสำเร็จในการเป็นผู้จัดการทีมมามาก แต่สมัยที่เขาเล่นฟุตบอลเป็นกองหลังนั้นไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
หลังแขวนสตั๊ด สโคลารี ใช้ได้อัพเลเวลในการเป็นกุนซือให้กับตัวเองมากถึง 18 สโมสร ก่อนจะขยับมาคุมทัพทีมชาติบราซิลในปี 2001 ซึ่งทำให้ชื่อเสียงของเขากระฉ่อนไกลไปทั่วโลก
ทั้งนี้เป็นเพราะว่า สโคลารี สามารถนำทีมชาติเซเลเซาคว้าแชมป์โลกมาครองได้ในปี 2002 นั่นเอง จากนั้นเขาก็ลาออกไปเป็นผู้จัดการให้อีกหลายต่อหลายทีม ไม่ว่าจะเป็น โปรตุเกส หรือแม้กระทั่งทีมดังอย่าง เชลซี ในเวลาต่อมา
8. แบ็คซ้าย : บ็อบ เพรสลีย์
บ็อบ เพรสลีย์ ถือเป็นผู้จัดการทีมของ ลิเวอร์พูล อีกคนหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ปรมาจารย์ บิล แชงค์ลีย์ เลยแม้แต่น้อย เพราะเขาคือผู้ที่นำทีมหงส์แดงผงาดได้แชมป์รายการใหญ่สุดของยุโรปได้ถึง 3 สมัย นั่นเอง
นอกจากนั้น เพรสลีย์ ยังเดินเครื่องจักรสีแดงบุกอัดคู่แข่งแบบไม่มีเกรงกลัวจนได้แชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษไปครองอีก 6 สมัย แถมรายการอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งรวมแล้วจัดถ้วยมาประดับสโมสรได้เยอะถึง 20 ใบ เลยทีเดียว
สมัยเป็นนักเตะ เพรสลีย์ ก็เล่นให้กับ ลิเวอร์พูล อยู่ทีมเดียว ตั้งแต่เริ่มจนเลิก โดยมีตำแหน่งคือ ฮาล์ฟ-เลฟ ซึ่งสมัยนี้เลิกใช้ไปแล้ว คือการเล่นในพื้นที่กราบซ้าย ไม่ว่าจะเป็นวิงแบ็ค หรือปีกนั่นเอง
7. แบ็คขวา : เจอร์เกน คล็อปป์
ต้องขอออกตัวก่อนเลยว่า ผู้เขียนไม่ได้ลำเอียงหรือเป็นเด็กหงส์แต่อย่างใด ถึงได้เลือกเอาผู้จัดการทีมของ ลิเวอร์พูล มาติดทั้งฝั่งซ้ายและขวาแบบนี้
แต่สำหรับในตำแหน่งนี้แล้ว เมื่อลองมาไล่คัดชื่อของผู้จัดการทีมเท่าที่มีอยู่ทั้งในอดีตและปัจจุบัน เจอร์เกน คล็อปป์ คือคนที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดนั่นเอง
ด้วยผลงานการนำทัพ ดอร์ทมุนด์ ขึ้นไปเขย่าบัลลังก์แชมป์บุนเดสลีกาได้เหนือ บาเยิร์น มิวนิค ที่ผูกขาดมานานหลายปีได้ 2 ฤดูกาลติดต่อกัน รวมถึง บอลถ้วยอีกหลายครั้งตลอด 8 ปี ที่ผ่านมา ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในกุนซือที่ดีที่สุดของทีมเสือเหลืองไปแล้วจริงๆ
6. มิดฟิลด์ตัวรับ : เป๊ป กวาร์ดิโอลา
สมัยที่ เป๊ป ยังเล่นฟุตบอลอยู่นั้น เขาก็เคยเป็นถึงมิดฟิลด์ตัวรับในตำนานของทีมเจ้าบุญทุ่ม บาร์เซโลนา เลยทีเดียว โดยนำทีมคว้าแชมป์ลีกได้ถึง 6 ครั้ง แชมป์ยุโรป 3 รายการได้อีกอย่างละครั้ง รวมถึงบอลถ้วยในประเทศอีกมาก
จากนั้นเมื่อผันตัวมาเป็นผู้จัดการทีม ก็แทบไม่มีใครอยากเชื่อว่าเขาจะกลายมาเป็นยอดกุนซือให้กับทีมรักได้อีกเช่นกัน
เพราะเป๊ป จัดแชมป์ลาลีกาให้ บาร์ซา ได้ 3 สมัยติด รวมถึง แชมเปียนส์ลีก 2 ครั้ง และรายการอื่นอีกนับไม่ถ้วน ก่อนจะไปคุม บาเยิร์น ได้แชมป์อีกพรึ่บจนถึงทุกวันนี้
5. มิดฟิลด์ตัวกลาง : คาร์โล อันเชล็อตติ
อันเชล็อตติ ถือเป็นอีกหนึ่งกุนซือที่ประสบความสำเร็จมาตลอดทั้งชีวิตไม่ว่าจะสมัยที่เป็นนักเตะอยู่หรือหลังผันตัวมาเป็นผู้จัดการทีมแล้วก็ตาม
โดยอดีตมิดฟิลด์โรมา และ เอซี มิลาน คนนี้ เคยชูถ้วยแชมป์มาแล้วมากถึง 20 รายการ ให้กับสองสโมสร โดยมีทั้งแชมป์ลีก และยูฟา แชมเปียนส์ลีก รวมอยู่ด้วย
และหลังจากมารับงานกุนซือ "พี่แจ้" ก็ทำทีมประสบความสำเร็จมาทั้งหมด ทั้ง ยูเวนตุส, มิลาน, เชลซี, เปแอสเช และล่าสุดคือ เรอัล มาดริด ก่อนจะกลายมาเป็นคนว่างงานอยู่ในตอนนี้
4. ปีกขวา : จิโอวานนี ตราปัตโตนี
ขรัวเฒ่าชาวอิตาเลียน เจ้าของฉายา "อิลแทร็ป" คนนี้ คือหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดในระดับสโมสรมาแล้ว ช่วงที่เขาเป็นกุนซือให้ทัพม้าลาย ยูเวนตุส นั่นเอง
โดย ตราปัตโตนี คือผู้สร้างรากฐานแห่งความยิ่งใหญ่ให้กับยอดทีมเมืองตูรินเอาไว้ในยุค 70-80 ด้วยการคว้า สคูเด็ตโต มาครองได้มากถึง 6 สมัย พร้อมทั้งแชมป์อื่น ๆ ของยุโรปไม่ว่าจะเป็นรายการใหญ่หรือเล็ก
นอกจากนั้นตอนที่เขาคุม อินเตอร์ มิลาน, บาเยิร์น มิวนิค, เบนฟิกา รวมถึงทีมอื่น ๆ ก็ล้วนประสบความสำเร็จได้แชมป์ลีก แชมป์บอลถ้วยมาหมดทั้งสิ้น
แต่อดีตปีกขวาผู้เกรียงไกรของ เอซี มิลาน คนนี้ ก็ต้องมาพังจนเสียเครดิตไปมากโขเอาก็ตอนคุมทีมชาติอิตาลีนี่แหละ เพราะเมื่อไหร่ที่ใครไปทักเขาถึงเรื่องนี้ อิลแทร็ป น่าจะน้ำตาคลอเบ้าทุกครั้งแน่นอน
3. ปีกซ้าย : โยฮัน ครัฟฟ์
"นักเตะเทวดา" ชาวฮอลแลนด์คนนี้คือหนึ่งในผู้เล่นที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นแข้งฝีเท้าดีที่สุดคนหนึ่งของโลกมาแล้วเช่นกัน
โดย ครัฟฟ์ เก่งจัดจนถึงขนาดพา อาแจ็กซ์ คว้าแชมป์ลีกมา 8 ครั้ง ถ้วยใบใหญ่ของยุโรปอีก 3 สมัยซ้อน รวมถึงบอลถ้วยรายการอื่นอีกมากมาย แถมพอย้ายมาเล่นให้ บาร์ซา กับ เฟเยนูร์ด ก็สอยแชมป์มาครองได้ตลอดทุกฤดูกาลอีกด้วย
หลังจากนั้น เขาก็ผันตัวเองมาเป็นกุนซือ ซึ่งมีช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือการนำทัพเจ้าบุญทุ่ม ได้แชมป์ลีก 4 สมัย และก็เป็นผู้ให้กำเนิดสไตล์บอลที่เรียกว่า "ติกิ-ตากา" มาจนถึงทุกวันนี้นี่เอง
2. กองหน้า : ออตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์
จากอดีตกองหน้าชาวเยอรมันที่มีผลงานการซัดไป 169 ประตูจาก 300 เกมลีก กับ 4 สโมสร และเคยคว้าแชมป์กับ บาเซิล มาสามใบ
ฮิตซ์เฟลด์ ก็ผันตัวเองมาเป็นผู้จัดการทีมหลังจากที่แขวนสตั๊ด และก็เริ่มคุมทีมในลีกสวิสฯ ก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งเขาทำ กลาสช็อปเปอร์คว้าแชมป์ลีกได้มากถึง 5 ใบ
จากนั้นเมื่อย้ายมาคุม ดอร์ทมุนด์ ก็ได้แชมป์ลีกอีก 2 ครั้ง แถมด้วย ยูฟา แชมเปียนส์ลีก อีก 1 ครั้ง ก่อนจะไปสร้างความยิ่งใหญ่แบบไม่มีใครหยุดอยู่กับ บาเยิร์น ด้วยถาดแชมป์บุนเดสลีกา 5 ใบ แชมเปียนส์ลีก 1 ใบ และรายการอื่น ๆ อีกนับไม่ไหวเลยทีเดียว
...
...
...
...
...
...
และ.....
1. กองหน้า : เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ถึงแม้ว่าในสมัยที่ยังเล่นเป็นกองหน้าให้กับหลาย ๆ ทีมในลีกสก็อตแลนด์นั้น ป๋าเฟอร์กี้ ของเด็กผีจะไม่ได้ประสบความสำเร็จมากมายให้จดจำนัก แต่เขาก็คือผู้เล่นที่ทำประตูให้ทีมต้นสังกัดได้แบบไม่เคยขาดเลยแม้แต่น้อย
และหลังจากที่ก้าวขึ้นมารับงานกุนซือ ท่านเซอร์ ก็จัดแชมป์ลีกให้ เซนต์เมียร์เรน 1 ครั้ง อเบอร์ดีนอีก 3 ครั้ง รวมถึงบอลถ้วยอีกมากมาย ก่อนย้ายมาอยู่ ยูไนเต็ดในปี 1986
แต่กว่าจะได้แชมป์ครั้งแรกในลีกอังกฤษ เด็กผีก็ต้องรอถึง 7 ปี จากนั้น ชื่อของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็กลายมาเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทีมหนึ่งของโลกจนถึงปัจจุบันจากผลงานการได้แชมป์ลีกมากถึง 13 สมัยด้วยมือท่านเซอร์
นอกจากนี้ยังมีทั้ง เอฟเอคัพ 5 สมัย ลีกคัพ 4 สมัย ยูฟา แชมเปียนส์ลีก 2 สมัย คัพวินเนอร์คัพ, ยูฟา ซูเปอร์คัพ และอื่น ๆ อีกหลายรายการ จนทำให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คือผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมาเลยทีเดียว
โดย : Moron Mink
Link : http://www.90min.com/th/posts/2662370?utm_medium=top_posts&utm_source=post_page