ขอเงินรัฐถ่ายทอดโอลิมปิก...?
แน่นอนว่า การถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาของมวลมนุษยชาติ อย่าง โอลิมปิกเกมส์ 4 ปีมีครั้ง โดยเฉพาะการลุ้นเหรียญรางวัลของนักกีฬาไทย เป็นสิ่งที่ชาวไทย ควรได้รับชม และก็อยู่ในกฎ MUST HAVE คือ ต้องมี แต่ทุกครั้งที่ผ่านมา ประเทศไทย ยังอยู่ในระบบที่มีทีวีระบบอนาล็อกแค่ 6 ช่อง ใช้เงินซื้อลิขสิทธิ์จากทีวีพูลเอง และทั้ง 6 ช่อง เป็นสมาชิก ของ โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยอยู่แล้ว จึงไม่เกิดปัญหา แต่คราวนี้ มี “ทีวีดิจิทัล”
โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า ทีวีพูล เดิมทีเริ่มจากการรวมตัวกันของสถานีโทรทัศน์ในระบบอนาล็อกเดิม 4 ช่อง คือ 3 5 7 และ 9 ต่อมาเพิ่ม ช่อง 11 (NBT) และ ThaiPBS ( ITV เดิม) รวมอยู่ด้วย เริ่มจากเพื่อร่วมมือกันถ่ายทอดงานสำคัญต่างเช่น เช่น งานพระราชพิธี งานประชุมที่สำคัญ รวมถึงการแข่งขันกีฬาในระดับภูมิภาค ระดับทวีป และระดับโลก แต่สำหรับ ThaiPBS จะมีข้อยกเว้น เพราะกฎหมายห้ามมิให้มีโฆษณา จึงไม่ถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬา แต่สามารถใช้ภาพ สำหรับรายงานข่าว หรือจัดรายการได้
ที่ต่างออกไปในคราวนี้ คือ “ฟรีทีวี” ไม่ได้มีแค่ 6 ช่อง อีกแล้ว แต่ ทีวีดิจิทัล ทั้งหมด ถือเป็น “ฟรีทีวี” ถ้า โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ทำแบบเดิม คือ ลงขันกัน ไปซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอด กีฬาโอลิมปิก ก็ถือเป็นการลงทุนแบบเอกชน เพื่อการแข่งขันในอุตสาหกรรมทีวี สามารถทำได้ และก็สามารถถ่ายทอดได้เฉพาะใน 5 ช่อง ที่เป็นสมาชิก
แต่คราวนี้ ทีวีพูล ขอเงินจาก กสทช. 150 ล้านบาท เพื่อไปซื้อลิขสิทธิ์ โดยให้เหตุผลว่า เพื่อกระจายคอนเทนต์ไปยัง ทีวีดิจิทัลช่องอื่นๆ ซึ่งแน่นอนว่า ไม่ได้เป็นสมาชิก ทีวีพูล และไม่ได้ร่วมลงขันค่าซื้อลิขสิทธิ์ด้วยได้มีส่วนร่วมกับ โอลิมปิกเกมส์ด้วย เพียงแต่ ยังไม่มีความชัดเจนว่า “มีส่วนร่วม” แค่ไหน อย่างไร
แต่สิ่งที่แน่นอนว่าเกิดเป็นคำถามใหญ่ คือ ถ้าใช้เงินของรัฐ ก็ต้อง ใช้เพื่อให้เป็นธรรม กับ ช่องทีวีทั้งหมด ในอุตสาหกรรมดิจิทัลทีวี จะใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์เฉพาะ 5 ช่องเดิม ก็จะเกิดปัญหา
คำถามต่อมา ที่ “ใหญ่” ไม่แพ้กัน คือ ผลประโยชน์ที่ได้จากการถ่ายทอด ถ้าเป็นการลงขันกันเอง ก็นำมาซึ่งการแบ่งผลประโยชน์ รายได้จากโฆษณากันได้เอง ไม่มีปัญหา
แต่เมื่อมีส่วนหนึ่ง เป็นเงินที่ขอจากรัฐแล้ว “มีค่าโฆษณา” จะจัดสรรแบ่งกันอย่างไร ต้องคืนรัฐ หรือ แบ่งกันเฉพาะทีวีพูล หรือถ้ามีช่องอื่น ถ่ายด้วย จะแบ่งอย่างไร ที่น่าสนใจที่สุด คือ ถ้าไม่ใช่ทุกช่องที่ได้ร่วมถ่ายทอดสด ช่องที่ไม่ได้จ่าย อาจไม่ได้ส่วนแบ่ง เช่นนั้น จะเป็นธรรมกับเขาหรือไม่ เพราะส่วนหนึ่งของค่าลิขสิทธิ์ เป็นเงินของรัฐ
ความเคลื่อนไหวของ “ทีวีพูล” อาจจะอ้างเหตุผลว่า ต้องการกระจายคอนเทนต์กีฬาโอลิมปิคไปยัง ดิจิทัล ทีวี ช่องอื่นๆ แต่น่าสนใจว่า “โอลิมปิก” คราวนี้ จัดที่ประเทศบราซิล ซึ่งเวลาต่างจากประเทศไทยมาก เวลาการแข่งขัน จึงเป็นช่วงกลางดึกของประเทศไทย และที่ผ่านมา ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวจากทีวีช่องอื่นว่าต้องการร่วมถ่ายทอด
ข่าว PPTV :
http://pptv36.news/7SL
ขอเงินรัฐถ่ายทอดโอลิมปิก...?
แน่นอนว่า การถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาของมวลมนุษยชาติ อย่าง โอลิมปิกเกมส์ 4 ปีมีครั้ง โดยเฉพาะการลุ้นเหรียญรางวัลของนักกีฬาไทย เป็นสิ่งที่ชาวไทย ควรได้รับชม และก็อยู่ในกฎ MUST HAVE คือ ต้องมี แต่ทุกครั้งที่ผ่านมา ประเทศไทย ยังอยู่ในระบบที่มีทีวีระบบอนาล็อกแค่ 6 ช่อง ใช้เงินซื้อลิขสิทธิ์จากทีวีพูลเอง และทั้ง 6 ช่อง เป็นสมาชิก ของ โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยอยู่แล้ว จึงไม่เกิดปัญหา แต่คราวนี้ มี “ทีวีดิจิทัล”
โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า ทีวีพูล เดิมทีเริ่มจากการรวมตัวกันของสถานีโทรทัศน์ในระบบอนาล็อกเดิม 4 ช่อง คือ 3 5 7 และ 9 ต่อมาเพิ่ม ช่อง 11 (NBT) และ ThaiPBS ( ITV เดิม) รวมอยู่ด้วย เริ่มจากเพื่อร่วมมือกันถ่ายทอดงานสำคัญต่างเช่น เช่น งานพระราชพิธี งานประชุมที่สำคัญ รวมถึงการแข่งขันกีฬาในระดับภูมิภาค ระดับทวีป และระดับโลก แต่สำหรับ ThaiPBS จะมีข้อยกเว้น เพราะกฎหมายห้ามมิให้มีโฆษณา จึงไม่ถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬา แต่สามารถใช้ภาพ สำหรับรายงานข่าว หรือจัดรายการได้
ที่ต่างออกไปในคราวนี้ คือ “ฟรีทีวี” ไม่ได้มีแค่ 6 ช่อง อีกแล้ว แต่ ทีวีดิจิทัล ทั้งหมด ถือเป็น “ฟรีทีวี” ถ้า โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ทำแบบเดิม คือ ลงขันกัน ไปซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอด กีฬาโอลิมปิก ก็ถือเป็นการลงทุนแบบเอกชน เพื่อการแข่งขันในอุตสาหกรรมทีวี สามารถทำได้ และก็สามารถถ่ายทอดได้เฉพาะใน 5 ช่อง ที่เป็นสมาชิก
แต่คราวนี้ ทีวีพูล ขอเงินจาก กสทช. 150 ล้านบาท เพื่อไปซื้อลิขสิทธิ์ โดยให้เหตุผลว่า เพื่อกระจายคอนเทนต์ไปยัง ทีวีดิจิทัลช่องอื่นๆ ซึ่งแน่นอนว่า ไม่ได้เป็นสมาชิก ทีวีพูล และไม่ได้ร่วมลงขันค่าซื้อลิขสิทธิ์ด้วยได้มีส่วนร่วมกับ โอลิมปิกเกมส์ด้วย เพียงแต่ ยังไม่มีความชัดเจนว่า “มีส่วนร่วม” แค่ไหน อย่างไร
แต่สิ่งที่แน่นอนว่าเกิดเป็นคำถามใหญ่ คือ ถ้าใช้เงินของรัฐ ก็ต้อง ใช้เพื่อให้เป็นธรรม กับ ช่องทีวีทั้งหมด ในอุตสาหกรรมดิจิทัลทีวี จะใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์เฉพาะ 5 ช่องเดิม ก็จะเกิดปัญหา
คำถามต่อมา ที่ “ใหญ่” ไม่แพ้กัน คือ ผลประโยชน์ที่ได้จากการถ่ายทอด ถ้าเป็นการลงขันกันเอง ก็นำมาซึ่งการแบ่งผลประโยชน์ รายได้จากโฆษณากันได้เอง ไม่มีปัญหา
แต่เมื่อมีส่วนหนึ่ง เป็นเงินที่ขอจากรัฐแล้ว “มีค่าโฆษณา” จะจัดสรรแบ่งกันอย่างไร ต้องคืนรัฐ หรือ แบ่งกันเฉพาะทีวีพูล หรือถ้ามีช่องอื่น ถ่ายด้วย จะแบ่งอย่างไร ที่น่าสนใจที่สุด คือ ถ้าไม่ใช่ทุกช่องที่ได้ร่วมถ่ายทอดสด ช่องที่ไม่ได้จ่าย อาจไม่ได้ส่วนแบ่ง เช่นนั้น จะเป็นธรรมกับเขาหรือไม่ เพราะส่วนหนึ่งของค่าลิขสิทธิ์ เป็นเงินของรัฐ
ความเคลื่อนไหวของ “ทีวีพูล” อาจจะอ้างเหตุผลว่า ต้องการกระจายคอนเทนต์กีฬาโอลิมปิคไปยัง ดิจิทัล ทีวี ช่องอื่นๆ แต่น่าสนใจว่า “โอลิมปิก” คราวนี้ จัดที่ประเทศบราซิล ซึ่งเวลาต่างจากประเทศไทยมาก เวลาการแข่งขัน จึงเป็นช่วงกลางดึกของประเทศไทย และที่ผ่านมา ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวจากทีวีช่องอื่นว่าต้องการร่วมถ่ายทอด
ข่าว PPTV : http://pptv36.news/7SL