ฉัน (จขกท) อยู่อังกฤษมาเกือบ 12 ปี แล้วค่ะ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา สามีไป Wimbledon ตัวฉันและลูกๆ เลยได้ติดรถไปเยี่ยมเพื่อนแถว Roehamton ซึ่งไม่ไกลจาก Putney
Putney เขตนี้อยู่ทางฝั่งตะวันตกของลอนดอน ไม่ไกลจาก Wimbledon ซึ่งจะมีวัดไทยตั้งอยู่ ตัวฉันตอนที่มาเหยียบผืนแผ่นดินอังกฤษครั้งแรก ฉันได้มาพักที่บ้านพี่คนไทยที่มีแฟลตให้เช่า ที่Putney
เมื่อวันอาทิตย์ เพื่อนพาเดินจากบ้านเพื่อน ไปที่ร้านอาหารที่สามีเธอทำงานอยู่ เราได้เดินผ่านแฟลตที่ฉันเคยอยู่ด้วย ความทรงจำตอนที่มาอยู่ที่นี่ใหม่ๆก็กลับมา แต่บางอย่างก็เลือนหายไปตามกาลเวลา แต่ยังดีหน่อยที่ตัวฉันเอง เขียนบันทึกและเก็บสมุดบันทึกไว้ กลับมาบ้านก็มานั่งเปิดอ่านดูเล่นๆ เปิดไปเจอบันทึกประโยคง่ายๆภาษาอังกฤษ ที่เอาไว้ใช้คุยกับคนที่นี่ จำไม่ได้แล้วว่าจดมาจากหนังสือเล่มไหน บางประโยคกลับมาอ่านตอนนี้ก็ เฮ้ย อะไร??
มันตลก และเกิดคำถามกับตัวเอง นี่ตอนมาแรกๆ ฉันคิดเป็นภาษาไทยก่อนที่จะพูดอังกฤษใช่มั้ยเนี่ย ถึงบันทึก ประโยคภาษาไทยก่อน แล้วค่อยมีภาษาอังกฤษตามมาทีหลัง
สามีก็เคยถาม เธอถามฉันว่า เวลาพูดภาษาอังกฤษ ยูคิดเป็นภาษาไทยก่อนที่จะพูดอังกฤษรึเปล่า
เมื่อก่อนตอบเลย ว่าใช่ แต่ตอนนี้ บางครั้งก็คิด บางครั้งก็ตอบแบบอัตโนมัติได้เลย
สามีถามเพราะสามีสงสัย บอกว่า บางครั้ง เวลาถามอะไร จะตอบช้า คือเหมือนคิดก่อน นี่ สมองเธอคิดหลายตลบใช่มั้ย เดี๋ยวแปลอังกฤษเป็นไทย แล้วก็แปลไทยเป็นอังกฤษ ซึ่งบางครั้ง ตัวเองก็ยอมรับว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่บางครั้งสมองก็เบลอๆ คิดอะไรไม่ออก
(แต่ส่วนใหญ่จะทำหูทวนลม ไม่ค่อยฟังสามีมากกว่า
)
สามีบอกให้คิดเป็นภาษาอังกฤษเลย ซึ่งจริงๆแล้ว วิธีนี้มันเป็นวิธีที่ถูกต้อง
แต่จากประสบการณ์ตัวเอง เคยคิดว่าจะจำภาษาอังกฤษเลยได้ยังไงกัน ถ้าไม่รู้ความหมายเป็นภาษาไทยก่อนหนะ
ตอนแรกๆ ตัวเองก็ใช้วิธีนี้แหละค่ะ นึกภาษาไทยก่อน แล้วแปลอังกฤษ
เพราะว่าอยู่ที่นี่มานาน ได้สนทนากับเจ้าของภาษาและได้ใช้ในชีวิตจริงบ่อยๆเข้า ฉันก็จะตอบอัตโนมัติไปได้เอง จนบางครั้งลืมความหมายภาษาไทยไปเลย และบางครั้ง บางประโยค หรือคำศัพท์ต้องนึกเป็นภาษาอังกฤษก่อน แล้วถึงร้อยเรียงเป็นภาษาไทยได้ ซึ่งเวลาเขียนไทย ก็ต้องใช้เวลานิดนึง และเวลาพูดภาษาไทย ถ้าช่วงแรกๆที่กลับไทยใหม่ๆ ถ้ามีสามีกับลูกไปด้วย จะตอบเป็นภาษาไทยช้า แต่ซักพักก็จะเริ่มเร็วขึ้น
ในชีวิตจริง ถ้าได้มาอยู่ต่างประเทศ มันจะมีเหตุการณ์ บริบทรอบๆตัว ที่มันจะทำให้สมองเราจดจำประโยคภาษาอังกฤษเหล่านี้ได้เองด้วย
ดังนั้นวิธีการหนึ่ง ที่ในความคิดส่วนตัวแล้ว คิดว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการพัฒนาภาษา ไม่ว่าจะเป็นภาษาใดก็ตาม คือการได้ไปใช้ชีวิตอยู่ในประเทศนั้นๆ ได้เรียนรู้ภาษากับเจ้าของภาษาโดยตรง และเราจะได้เรียนรู้วัฒนธรรมด้วย
แต่ถ้ายังไม่มีโอกาสไป ก็เรียนที่บ้าน อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง คุยกับตัวเอง (self-talk) กันไปก่อนก็แล้วกันเนอะ
หรือถ้ามีฝรั่งเดินผ่าน แถเข้าไปเม้าท์มอยเลยค่ะ
หรือ ถ้าใครมีลูก ก็เอาประโยคเหล่านี้ไปคุยกับลูกเล่นๆกันได้นะ ฝึกทั้งตัวพ่อแม่และลูกด้วย
จริงๆ อย่าคิดว่า คนที่อยู่เมืองนอกจะได้เปรียบกว่าคนที่อยู่เมืองไทยนะคะ คือมีวส่วนที่ใช่แต่ไม่ทั้งหมด
เพราะถ้าคนอยู่เมืองนอก แล้วอยู่แต่กับกลุ่มคนไทย ทำงานที่ร้านอาหารไทย วันๆขลุกอยู่กับคนไทย ไม่ได้เจอฝรั่งที่ไหนเลย และไม่ได้ฝึกภาษาอังกฤษอยู่เสมอๆ ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ดีกว่าคนไทย ที่อยู่เมืองไทย ที่ได้ฝึกฝนหรือใช้มันอยู่เสมอค่ะ ...
อันนี้จากประสบการณ์ตรงของตัวเอง ภาษาอังกฤษของตัวเองจะมีช่วงที่ย่ำแย่ เพราะไม่ได้ใช้มันบ่อย กับช่วงไหนที่ใช้มันบ่อยๆ จนถึงกับนอนฝันและละเมอออกมาเป็นภาษาอังกฤษเลย (อันนี้เพื่อนที่นอนด้วยกันบอกมาว่าละเมอเป็นภาษาอังกฤษ)
จริงๆแล้ว ตัวฉันเองภาษาอังกฤษก็ไม่ได้เก่งกาจสามารถอะไร เพราะทั้งสามีและลูกก็ยังบ่นให้บ่อยๆว่า แม่พูดไม่รู้เรื่อง ใครเป็นบ้างคะ? ทั้งๆที่ก็อยู่ที่นี่มานานแล้ว ดังนั้น ตัวฉันเองก็ยังต้องฝึกภาษาอังกฤษอยู่เสมอ เช่นกันค่ะ
มาดูไดอารี่ ที่เขียนไว้ตอนมาอังกฤษแรกๆ เป็นประโยคง่ายๆ
ประโยคเหล่านี้ เมื่อก่อนก็เขียนเป็นภาษาไทยก่อน เพราะคิดเป็นภาษาไทย ว่า เอ๊ะ ถ้าภาษาไทยแบบนี้ ภาษาอังกฤษจะเป็นยังไง
เดี๋ยวนี้ ก็ตอบเป็นภาษาอังกฤษได้เลยไม่ต้องคิดเป็นภาษาไทย เพราะได้ใช้เสมอๆ แต่บางคำบางประโยคที่ไม่ได้ใช้บ่อยๆ ก็ยังต้องนึกเป็นภาษาไทยอยู่นะ
ช่างกล้าเอาลายมือตัวเองมาโชว์
แต่คิดว่า เผื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนที่หัดภาษาอังกฤษใหม่ๆ
เป็นประโยคที่ได้ใช้บ่อยๆ ถ้ามาต่างประเทศครั้งแรกด้วยหละ
ใครเป็นบ้างคะ มาแชร์ประสบการณ์ มาเม้าท์มอยกัน
และขอบคุณที่เข้ามาอ่าน จขกท เวิ่นเว้ออดีตของตัวเองค่ะ
เวลาพูดภาษาอังกฤษ คิดเป็นภาษาไทยกันก่อนมั้ย??
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา สามีไป Wimbledon ตัวฉันและลูกๆ เลยได้ติดรถไปเยี่ยมเพื่อนแถว Roehamton ซึ่งไม่ไกลจาก Putney
Putney เขตนี้อยู่ทางฝั่งตะวันตกของลอนดอน ไม่ไกลจาก Wimbledon ซึ่งจะมีวัดไทยตั้งอยู่ ตัวฉันตอนที่มาเหยียบผืนแผ่นดินอังกฤษครั้งแรก ฉันได้มาพักที่บ้านพี่คนไทยที่มีแฟลตให้เช่า ที่Putney
เมื่อวันอาทิตย์ เพื่อนพาเดินจากบ้านเพื่อน ไปที่ร้านอาหารที่สามีเธอทำงานอยู่ เราได้เดินผ่านแฟลตที่ฉันเคยอยู่ด้วย ความทรงจำตอนที่มาอยู่ที่นี่ใหม่ๆก็กลับมา แต่บางอย่างก็เลือนหายไปตามกาลเวลา แต่ยังดีหน่อยที่ตัวฉันเอง เขียนบันทึกและเก็บสมุดบันทึกไว้ กลับมาบ้านก็มานั่งเปิดอ่านดูเล่นๆ เปิดไปเจอบันทึกประโยคง่ายๆภาษาอังกฤษ ที่เอาไว้ใช้คุยกับคนที่นี่ จำไม่ได้แล้วว่าจดมาจากหนังสือเล่มไหน บางประโยคกลับมาอ่านตอนนี้ก็ เฮ้ย อะไร??
มันตลก และเกิดคำถามกับตัวเอง นี่ตอนมาแรกๆ ฉันคิดเป็นภาษาไทยก่อนที่จะพูดอังกฤษใช่มั้ยเนี่ย ถึงบันทึก ประโยคภาษาไทยก่อน แล้วค่อยมีภาษาอังกฤษตามมาทีหลัง
สามีก็เคยถาม เธอถามฉันว่า เวลาพูดภาษาอังกฤษ ยูคิดเป็นภาษาไทยก่อนที่จะพูดอังกฤษรึเปล่า
เมื่อก่อนตอบเลย ว่าใช่ แต่ตอนนี้ บางครั้งก็คิด บางครั้งก็ตอบแบบอัตโนมัติได้เลย
สามีถามเพราะสามีสงสัย บอกว่า บางครั้ง เวลาถามอะไร จะตอบช้า คือเหมือนคิดก่อน นี่ สมองเธอคิดหลายตลบใช่มั้ย เดี๋ยวแปลอังกฤษเป็นไทย แล้วก็แปลไทยเป็นอังกฤษ ซึ่งบางครั้ง ตัวเองก็ยอมรับว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่บางครั้งสมองก็เบลอๆ คิดอะไรไม่ออก
(แต่ส่วนใหญ่จะทำหูทวนลม ไม่ค่อยฟังสามีมากกว่า )
สามีบอกให้คิดเป็นภาษาอังกฤษเลย ซึ่งจริงๆแล้ว วิธีนี้มันเป็นวิธีที่ถูกต้อง
แต่จากประสบการณ์ตัวเอง เคยคิดว่าจะจำภาษาอังกฤษเลยได้ยังไงกัน ถ้าไม่รู้ความหมายเป็นภาษาไทยก่อนหนะ
ตอนแรกๆ ตัวเองก็ใช้วิธีนี้แหละค่ะ นึกภาษาไทยก่อน แล้วแปลอังกฤษ
เพราะว่าอยู่ที่นี่มานาน ได้สนทนากับเจ้าของภาษาและได้ใช้ในชีวิตจริงบ่อยๆเข้า ฉันก็จะตอบอัตโนมัติไปได้เอง จนบางครั้งลืมความหมายภาษาไทยไปเลย และบางครั้ง บางประโยค หรือคำศัพท์ต้องนึกเป็นภาษาอังกฤษก่อน แล้วถึงร้อยเรียงเป็นภาษาไทยได้ ซึ่งเวลาเขียนไทย ก็ต้องใช้เวลานิดนึง และเวลาพูดภาษาไทย ถ้าช่วงแรกๆที่กลับไทยใหม่ๆ ถ้ามีสามีกับลูกไปด้วย จะตอบเป็นภาษาไทยช้า แต่ซักพักก็จะเริ่มเร็วขึ้น
ในชีวิตจริง ถ้าได้มาอยู่ต่างประเทศ มันจะมีเหตุการณ์ บริบทรอบๆตัว ที่มันจะทำให้สมองเราจดจำประโยคภาษาอังกฤษเหล่านี้ได้เองด้วย
ดังนั้นวิธีการหนึ่ง ที่ในความคิดส่วนตัวแล้ว คิดว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการพัฒนาภาษา ไม่ว่าจะเป็นภาษาใดก็ตาม คือการได้ไปใช้ชีวิตอยู่ในประเทศนั้นๆ ได้เรียนรู้ภาษากับเจ้าของภาษาโดยตรง และเราจะได้เรียนรู้วัฒนธรรมด้วย
แต่ถ้ายังไม่มีโอกาสไป ก็เรียนที่บ้าน อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง คุยกับตัวเอง (self-talk) กันไปก่อนก็แล้วกันเนอะ
หรือถ้ามีฝรั่งเดินผ่าน แถเข้าไปเม้าท์มอยเลยค่ะ
หรือ ถ้าใครมีลูก ก็เอาประโยคเหล่านี้ไปคุยกับลูกเล่นๆกันได้นะ ฝึกทั้งตัวพ่อแม่และลูกด้วย
จริงๆ อย่าคิดว่า คนที่อยู่เมืองนอกจะได้เปรียบกว่าคนที่อยู่เมืองไทยนะคะ คือมีวส่วนที่ใช่แต่ไม่ทั้งหมด
เพราะถ้าคนอยู่เมืองนอก แล้วอยู่แต่กับกลุ่มคนไทย ทำงานที่ร้านอาหารไทย วันๆขลุกอยู่กับคนไทย ไม่ได้เจอฝรั่งที่ไหนเลย และไม่ได้ฝึกภาษาอังกฤษอยู่เสมอๆ ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ดีกว่าคนไทย ที่อยู่เมืองไทย ที่ได้ฝึกฝนหรือใช้มันอยู่เสมอค่ะ ...
อันนี้จากประสบการณ์ตรงของตัวเอง ภาษาอังกฤษของตัวเองจะมีช่วงที่ย่ำแย่ เพราะไม่ได้ใช้มันบ่อย กับช่วงไหนที่ใช้มันบ่อยๆ จนถึงกับนอนฝันและละเมอออกมาเป็นภาษาอังกฤษเลย (อันนี้เพื่อนที่นอนด้วยกันบอกมาว่าละเมอเป็นภาษาอังกฤษ)
จริงๆแล้ว ตัวฉันเองภาษาอังกฤษก็ไม่ได้เก่งกาจสามารถอะไร เพราะทั้งสามีและลูกก็ยังบ่นให้บ่อยๆว่า แม่พูดไม่รู้เรื่อง ใครเป็นบ้างคะ? ทั้งๆที่ก็อยู่ที่นี่มานานแล้ว ดังนั้น ตัวฉันเองก็ยังต้องฝึกภาษาอังกฤษอยู่เสมอ เช่นกันค่ะ
มาดูไดอารี่ ที่เขียนไว้ตอนมาอังกฤษแรกๆ เป็นประโยคง่ายๆ
ประโยคเหล่านี้ เมื่อก่อนก็เขียนเป็นภาษาไทยก่อน เพราะคิดเป็นภาษาไทย ว่า เอ๊ะ ถ้าภาษาไทยแบบนี้ ภาษาอังกฤษจะเป็นยังไง
เดี๋ยวนี้ ก็ตอบเป็นภาษาอังกฤษได้เลยไม่ต้องคิดเป็นภาษาไทย เพราะได้ใช้เสมอๆ แต่บางคำบางประโยคที่ไม่ได้ใช้บ่อยๆ ก็ยังต้องนึกเป็นภาษาไทยอยู่นะ
ช่างกล้าเอาลายมือตัวเองมาโชว์
แต่คิดว่า เผื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนที่หัดภาษาอังกฤษใหม่ๆ
เป็นประโยคที่ได้ใช้บ่อยๆ ถ้ามาต่างประเทศครั้งแรกด้วยหละ
ใครเป็นบ้างคะ มาแชร์ประสบการณ์ มาเม้าท์มอยกัน
และขอบคุณที่เข้ามาอ่าน จขกท เวิ่นเว้ออดีตของตัวเองค่ะ