การติดเชื้อซิฟิลิสนั้น นับเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง เพราะแผลซิฟิลิส ระยะแรก อาจหายไปเองได้ และเข้าสู่ซิฟิลิสระยะที่ 2 และระยะสุดท้าย ซึ่งลุกลามถึงหัวใจและสมอง เนื่องจากปัจจุบัน oral sex เป็นที่นิยมมากขึ้น ทำให้การติดเชื้อซิฟิลิสนอกเหนือจากบริเวณอวัยวะเพศสูงขึ้นด้วย แผลซิฟิลิสที่นอกเหนือจากบริเวณอวัยวะเพศแล้วนั้น 2 ใน 3 จะพบเหนือลำคอขึ้นมา โดยครึ่งหนึ่งของจำนวนนี้พบที่ริมฝีปากและในช่องปาก แผลซิฟิลิสที่ริมปาก ในผู้ชายส่วนใหญ่จะเป็นที่ริมฝีปากบน ในหญิงมักเป็นที่ริมฝีปากล่าง ถ้าเป็นแผลซิฟิลิสในลำคอ มักเป็นที่ต่อมทอนซิล โดยเฉพาะข้างซ้าย ส่วนที่เหลือพบที่นิ้วมือเต้านม ลำตัว ท้อง และแขนขา ตลอดจนถึงทวารหนัก
ส่วนการกลืนน้ำอสุจินั้น ไม่เป็นอันตราย เพราะกระเพาะอาหารมีกรดที่ฆ่าเชื้อไวรัสเอชไอวีได้ ดังนั้นอัตราเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี จึงเท่ากับที่มี oral sex แล้วคายทิ้ง (แต่ยังไม่จัดเป็น safe sex)
สำหรับ rimming นั้นไม่แนะนำ ทั้งนี้ เพราะลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย มีเชื้อแบคทีเรียและไวรัสมากมาย ซึ่งเชื้อนี้อาจแพร่เข้าในช่องปากได้ แม้จะทำความสะอาดมาก่อนแล้ว เชื่อว่ามะเร็งผิวหนังที่ชื่อ Kaposi’s sarcoma ที่เห็นเป็นตุ่มสีม่วง อาจจะมาจากการติดเชื้อจากลำไส้
มี oral sex แบบใดจึงจะปลอดภัย ?
ถ้าผู้ชายสวมถุงยางอนามัย ฝ่ายหญิงไม่น่าจะติดเชื้ออะไร จึงเรียกว่าน่าจะปลอดภัยได้ ถ้าไม่ชอบรสชาติของถุงยางทั่วไป ก็แนะนำให้ใช้ถุงยางที่มีกลิ่นรสดู เช่น รสสตอเบอรี ส่วนถุงยางประเภทมีปุ่มปม เป็นหนามนั้นไม่แนะนำ เพราะทำให้ปากเป็นแผล
ที่กล่าวมานี้เป็นเรื่องความเสี่ยงของผู้ที่เป็นฝ่าย oral sex ให้คนอื่น แต่สำหรับผู้ที่ถูกทำ oral sex จะมีโอกาสเสี่ยงหรือไม่? พบว่าความเสี่ยงของผู้ถูกทำที่พบบ่อยที่สุดคือ เป็นแผลเพราะถูกกัด (being bitten) รองลงมาก็คือ ติดโรคเริม ถ้าผู้ที่ทำ oral sex ให้ เป็นเริมที่ริมฝีปาก
ที่น่าสนใจก็คือ โรคเริมนี้อาจติดต่อได้ตั้งแต่ก่อนระยะที่เป็นตุ่มน้ำใสขึ้นมาให้เห็น คือก่อนมีตุ่มน้ำใส บางคนจะเจ็บๆ คันๆ ที่ริมฝีปากมาก่อน ระยะนี้เชื้อไวรัสเริ่มติดต่อได้ ดังนั้นจึงเป็นอันตรายสำหรับฝ่ายผู้ถูกทำ เพราะไม่มีโอกาสทราบได้ว่าริมฝีปากนั้น มีเชื้อเริมแอบแฝงอยู่หรือไม่
ส่วนในกรณีของการติดเชื้อเอชไอวีของฝ่ายถูกทำ ก็เช่นเดียวกับฝ่ายผู้ทำ คือมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี เพราะเชื้อนี้อยู่ในน้ำลายแม้โอกาสเสี่ยงจะต่ำ แต่ก็ยังไม่ปลอดภัยร้อยละ 100 จึงต้องแนะนำให้ระวังไว้ก่อน เพราะโรคนี้เป็นแล้ว มีโอกาสเสียชีวิตสูและก่อนมีเพศสัมพันธ์ ถ้าฝ่ายผู้ทำแปรงฟันมาก่อน ผู้ถูกกระทำก็มีโอกาสติดเชื้อเอชไอวีสูงขึ้น เพราะเกิดแผลในปากทำให้เชื้อออกมาอยู่ในน้ำลายมากขึ้น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : thaihealth และ women.mthai
Report by LIV APCO
ออรัลเซ็กซ์ เสี่ยงติด เชื้อซิฟิลิส หรือไม่
ส่วนการกลืนน้ำอสุจินั้น ไม่เป็นอันตราย เพราะกระเพาะอาหารมีกรดที่ฆ่าเชื้อไวรัสเอชไอวีได้ ดังนั้นอัตราเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี จึงเท่ากับที่มี oral sex แล้วคายทิ้ง (แต่ยังไม่จัดเป็น safe sex)
สำหรับ rimming นั้นไม่แนะนำ ทั้งนี้ เพราะลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย มีเชื้อแบคทีเรียและไวรัสมากมาย ซึ่งเชื้อนี้อาจแพร่เข้าในช่องปากได้ แม้จะทำความสะอาดมาก่อนแล้ว เชื่อว่ามะเร็งผิวหนังที่ชื่อ Kaposi’s sarcoma ที่เห็นเป็นตุ่มสีม่วง อาจจะมาจากการติดเชื้อจากลำไส้
มี oral sex แบบใดจึงจะปลอดภัย ?
ถ้าผู้ชายสวมถุงยางอนามัย ฝ่ายหญิงไม่น่าจะติดเชื้ออะไร จึงเรียกว่าน่าจะปลอดภัยได้ ถ้าไม่ชอบรสชาติของถุงยางทั่วไป ก็แนะนำให้ใช้ถุงยางที่มีกลิ่นรสดู เช่น รสสตอเบอรี ส่วนถุงยางประเภทมีปุ่มปม เป็นหนามนั้นไม่แนะนำ เพราะทำให้ปากเป็นแผล
ที่กล่าวมานี้เป็นเรื่องความเสี่ยงของผู้ที่เป็นฝ่าย oral sex ให้คนอื่น แต่สำหรับผู้ที่ถูกทำ oral sex จะมีโอกาสเสี่ยงหรือไม่? พบว่าความเสี่ยงของผู้ถูกทำที่พบบ่อยที่สุดคือ เป็นแผลเพราะถูกกัด (being bitten) รองลงมาก็คือ ติดโรคเริม ถ้าผู้ที่ทำ oral sex ให้ เป็นเริมที่ริมฝีปาก
ที่น่าสนใจก็คือ โรคเริมนี้อาจติดต่อได้ตั้งแต่ก่อนระยะที่เป็นตุ่มน้ำใสขึ้นมาให้เห็น คือก่อนมีตุ่มน้ำใส บางคนจะเจ็บๆ คันๆ ที่ริมฝีปากมาก่อน ระยะนี้เชื้อไวรัสเริ่มติดต่อได้ ดังนั้นจึงเป็นอันตรายสำหรับฝ่ายผู้ถูกทำ เพราะไม่มีโอกาสทราบได้ว่าริมฝีปากนั้น มีเชื้อเริมแอบแฝงอยู่หรือไม่
ส่วนในกรณีของการติดเชื้อเอชไอวีของฝ่ายถูกทำ ก็เช่นเดียวกับฝ่ายผู้ทำ คือมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี เพราะเชื้อนี้อยู่ในน้ำลายแม้โอกาสเสี่ยงจะต่ำ แต่ก็ยังไม่ปลอดภัยร้อยละ 100 จึงต้องแนะนำให้ระวังไว้ก่อน เพราะโรคนี้เป็นแล้ว มีโอกาสเสียชีวิตสูและก่อนมีเพศสัมพันธ์ ถ้าฝ่ายผู้ทำแปรงฟันมาก่อน ผู้ถูกกระทำก็มีโอกาสติดเชื้อเอชไอวีสูงขึ้น เพราะเกิดแผลในปากทำให้เชื้อออกมาอยู่ในน้ำลายมากขึ้น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : thaihealth และ women.mthai
Report by LIV APCO