[CR] รีวิว นิยายฝรั่ง อ่านฝึกภาษา อ่านง่าย อ่านยาก อ่านสนุก อ่านกันให้ฟินจิกหมอน

สวัสดีค่ะ ช่วงนี้เราเห็นกระทู้รีวิวซีรีส์เกาหลี ซีรีส์ฝรั่งกันแบบจัดเต็ม จัดหนัก เห็นรีวิวหนังไทย
หนังฝรั่งก็มีให้เห็นประจำๆ แต่ไม่ค่อยเห็นรีวิวนิยายฝรั่งกันเท่าไร เราเลยอยากจะมารีวิวบ้าง
เป็นบรรดาหนังสือนิยายภาษาอังกฤษที่เราได้อ่านในช่วง 4–5 เดือนที่ผ่านมา
เผื่อใครกำลังอยากหาหนังสือสนุกๆอ่าน หรืออยากฝึกภาษาอังกฤษไปกับการอ่าน
เราก็จะรีวิวความยากง่ายให้ด้วยค่ะ 

ป.ล.1 จขกท.ไม่ได้อยู่เมืองไทยเลยไม่ค่อยทราบว่าเล่มไหนมีแปลเป็นภาษาไทยแล้ว หรือมีชื่อภาษาไทยว่าอย่างไรนะคะ

ป.ล.2 ความยากง่ายของภาษา จขกท. วัดจากตัวเองค่ะ โดยจขกท.ผ่านช่วงการฝึกภาษาอังกฤษมาหลายปี
ตั้งแต่อยู่มัธยม เตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย เรียนมหาวิทยาลัย เตรียมตัวสอบโทเฟล
จนมาถึงได้เรียนอยู่ต่างประเทศในปัจจุบัน จึงพอระบุได้ว่าช่วงภาษาอังกฤษในหนังสือเล่มไหน
อยู่ในช่วงระดับไหน  (แต่หากท่านใดมีความรู้สึกว่าเล่มไหน ยากง่ายกว่าที่จขกท.บอก
ก็ช่วยกันแนะนำคอมเมนท์กันได้เลยค่ะ เป็นข้อมูลแก่ผู้อ่านท่านอื่นๆ) ยิ้ม


1. “The 100-year-old Man who climbed out the window and disappeared”

แม้จะมีคำกล่าวบอกกันว่า “อย่าตัดสินหนังสือจากหน้าปก”.. แต่เราก็ซื้อหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่เพราะจากหน้าปกด้วยซ้ำ
แต่ซื้อเพราะชื่อเรื่อง! แหม่ แค่ชื่อเรื่องก็น่าสนใจแล้ว สำหรับเรื่องนี้เราแปลออกมาได้ว่า
“ชายอายุ100ปีที่กระโดดออกจากหน้าต่างแล้วก็หายตัวไป” เป็นบทประพันธ์ของ Jonas Jonasson
นักเขียนสวีดิช ดังนั้นโดยตัวออริจินัลของหนังสือเล่มนี้จึงเป็นภาษาสวีดิช
แต่ก็ได้รับการแปลออกมาเป็นภาษาต่างๆมากมาย ซึ่งเราเลือกอ่านภาษาอังกฤษ
(ก็นอกจากภาษาไทยแล้ว ก็อ่านภาษาอื่นไม่ออกนี่นา) นอกจากนี้หนังสือเล่มนี้ยังได้
ถูกสร้างออกมาเป็นภาพยนตร์ ที่ทำรายได้ถล่มทลายในช่วงปีที่ผ่านมา
(ไม่แน่ใจว่ามีการเข้าฉายที่ไทยด้วยหรือเปล่า แต่เป็นหนังที่ทำรายได้ติด
อันดับต้นๆของประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ของสวีเดนกันเลยทีเดียว)

เราชอบเรื่องนี้เพราะภาษาที่แปลออกมาให้อ่านง่ายมาก และมีคำศัพท์ที่น่าสนใจเยอะ
ซึ่งไม่ใช่คำศัพท์แบบบทประพันธ์ แนวเห็นไม่ได้ที่ไหนนอกจากในนิยาย
แต่เป็นคำศัพท์ที่ใช้กันจริงอยู่ในวงการต่างๆและบทสนทนาทั่วๆไป เหมาะสำหรับคนที่อยากเรียนรู้
คำศัพท์เก๋ๆมาก มาก มาก โดยเฉพาะน้องๆนักเรียน นักศึกษาหรือวัยทำงานที่อยากจะสอบโทเฟล
ไอเอล อะไรแนวๆนั้น แล้วก็ขอบอกเลยว่าอ่านไม่ยาก ถือเป็นหนึ่งในหนังสือที่ใครอยากฝึกอ่านนิยาย
ภาษาอังกฤษนอกเหนือจากวรรณกรรมสำหรับเด็กสามารถเริ่มต้นด้วยได้

นอกจากนี้จุดเด่นของหนังสือเรื่องนี้คือเนื้อเรื่องที่ดำเนินอย่างรวดเร็ว ฉับๆ โดยถือเป็นหนังสือที่ดำเนินเรื่องเร็ว
โชว์ไหวพริบของผู้เขียนมากที่สุดเท่าที่เราเคยอ่านมา ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าเป็นหนังสือที่มีตาแก่อายุ 100 ปี
เป็นตัวดำเนินเรื่องแต่อย่างใด จึงเหมาะกับคนขี้เบื่ออย่างแท้จริง เพราะเป็นการเล่าเรื่องในสองช่วงเวลาไปพร้อมๆกัน
คือช่วงเวลาปัจจุบันที่ตัวเอกของเรื่องอายุครบ100ปี แล้วหนีออกจากบ้านพักคนชรา ไปเจอเพื่อนร่วมทาง(และช้างตัวหนึ่ง)…
ต่อมาก็ร่วมผจญภัยกัน และอีกช่วงเวลาคือช่วงที่ตัวเอกยังเป็นวัยรุ่น ซึ่งเขาได้ผ่านการเดินทาง
และผจญภัยไปในยุคสมัยของตัวเอง ซึ่งตรงนี้นี่เอง ที่ผู้เขียนได้พาเราตะลุยประวัติศาสตร์โลก
(ทั้ง ยุโรป อเมริกา และจีน) ไปแบบได้ทั้งความรู้ และความลุ้น เพราะเขาได้จับตาแก่ตัวเอกของเรื่อง
ไปเป็นตัวละครหลักของ เหตุการณ์ประวัติศาสตร์สำคัญๆหลายครั้งในช่วงสงครามโลกและสงครามเย็น
จนมีคนบอกว่านี่คือ Forrest Gump ภาคยุโรปดีๆนั่นเอง


2. “The Nightingale”

หนังสือที่ได้รีวิวสูงงงงงงงงงงงงงมากใน Amazon.com เป็นหนึ่งในบรรดาเล่มเด็ดๆที่ได้รีวิวจากผู้อ่านถึง 5 ดาวเต็ม!
ซึ่งเราตัดสินใจซื้ออ่านผ่าน Kindle เพราะจำนวนดาว (จขกท.เชื่อคนง่ายค่ะ)…
The Nightingale เป็นหนังสือของ Kristin Hannah นักเขียนชาวอเมริกันที่มาจับปากกาเขียนเรื่องราว
ชีวิตในช่วงสงครามโลกครั้งที่2 ของหญิงสาวชาวฝรั่งเศส 2 คนที่เป็นพี่น้องกัน
หนังสือไม่ได้บอกเล่าเรื่องราวของการต่อสู้ในสงคราม ไม่มีเรื่องราวของลูกปืนหรือแนวรบทหารมาเกี่ยวข้อง
แต่เป็นการบอกเล่าถึงชีวิตของผู้คน โดยเฉพาะหญิงสาวที่ไม่อาจเข้าร่วมสงครามไปสู้รบได้
แต่ทว่าพวกเธอก็ต้องเผชิญหน้ากับสมรภูมิรบผ่านการใช้ชีวิตในแต่ละวัน ในช่วงที่ข้าวยากหมากแพง
ไม่มีอาหารประทังชีวิต และเผชิญหน้ากับเหล่าทหารนาซีที่เข้ามารุกราน ยึดบ้านเกิดเมืองนอนของเธอ
ดังนั้นใครที่ไม่ถนัดเรื่องการรบหรือสงคราม แต่อยากรู้ว่าชีวิตของชาวบ้านในช่วงสงครามโลกเป็นอย่างไร
พวกเขาผ่านความลำบากกันขนาดไหน หนังสือเล่มนี้เหมาะมากๆค่ะ

เป็นหนึ่งในบรรดานิยายที่จขกท.อ่านแล้วอินจัดไปหลายวันมากๆ และเป็นหนังสือนิยาย
(ไม่นับนิยายดราม่าเกาหลี) ที่อ่านแล้วน้ำตาตกไปเป็นวัน ถึงขั้นร้องไห้ ฮือๆ จนหมอนเปียก
ทั้งๆที่เนื้อเรื่องก็ไม่ได้เศร้า แต่ร้องเพราะประทับใจอ่ะ….

นอกจากนี้เล่มนี้ยังเป็นอีกเล่มที่อ่านง่าย…​ภาษา แกรมม่า และสไตล์การเขียน
ของผู้เขียนทำให้คนภาษาอังกฤษไม่ได้เก่งมากแบบจขกท.​ไม่ได้รู้สึกสะดุดแต่อย่างใด…
อีกทั้งยังมีสอดแทรกคำคมดีๆเอาไว้เยอะ จนเราต้องไฮไลท์เก็บไว้เลยล่ะ


3. I’ve Got Your Number

นิยายสัญชาติอังกฤษ เจ้าของเดียวกันกับ “Confession of a Shopaholic” ที่เคยถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์
แนวโรแมนติกคอมเมดี้ในช่วงหลายปีก่อน เนื้อเรื่องของหนังสือนี้ก็เป็นแนวเดียวกันกับผลงานเล่มอื่นๆของ
Sophie Kinsella ที่เน้นตัวละครหลักเป็นหญิงสาว นิสัยโก๊ะๆ ตลกโปกฮา ที่เธอไปเจอเข้ากับพระเอกสุดหล่อ…
เนื้อเรื่องเบาสมองแต่น่าติดตามจนวางไม่ลง มีการสอดแทรกมุขตลก (ที่ไม่รู้คิดได้ยังไง) อยู่หลายครั้งหลายหน
ให้เราได้อ่านไปหัวเราะไปจนคนข้างๆหันมามอง 

และเล่มนี้ก็เป็นอีกเล่มที่ผู้เริ่มอ่านนิยายฝรั่งสามารถใช้ฝึกภาษาอังกฤษกันได้ เพราะอ่านง่ายมากๆ
ไม่มีคำศัพท์ยาก เน้นบทสนาในชีวิตประจำวัน และการบอกเล่าเรื่องราวผ่านความคิดเปิ่นๆของตัวนางเอก


4. Me Before You

เราซื้อหนังสือเรื่องนี้เพราะติดใจในชื่อของผู้แต่งค่ะ…​ฮาาา จริงๆไม่ได้รู้จักJojo Moyes มาก่อน
แต่เห็นชื่อของนักเขียนแกแปลกดี เลยลองอ่านผลงานดูหน่อย… 

Me Before You เป็นนิยายโรแมนติกคอมเมดี้ ฟินกระจาย ที่เดือนมิถุนายนนี้จะออกมาเป็น
บทภาพยนตร์ให้เราได้ชมกัน และยังแสดงนำโดย Emilia Clarke หรือเจ้าหญิงมังกร
จาก Games of Thrones ที่รักของหนุ่มๆทั่วโลกกันอีกด้วย 

โดยเนื้อเรื่องนั้นถูกเล่าผ่านตัวละครหลักอย่าง Louisa Clark หญิงสาววัย26ปี ที่ไม่เคยออกจากบ้านเกิด
ที่เป็นบ้านนอกแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษไปไหน แล้วจู่ๆเธอดันได้รับงานมาดูแลพ่อหนุ่มสุดหล่อ
ที่ประสบอุบัติเหตุเป็นอัมพาตทั้งตัว (ยกเว้นศีรษะและแขนบางส่วน)แต่ทว่างานของเธอกลับไม่ใช่งานดูแลผู้ป่วยธรรมดา
แต่เป็นงานที่มีสิ่งสำคัญเป็นเครื่องเดิมพัน…​จะเดิมพันอย่างไรและจบลงอย่างไรนั้น เห็นทีต้องไปถอย Me Before You มาอ่านแล้วล่ะค่ะ

นอกจากนี้ผู้เขียนก็ยังสอดแทรกบทที่ย้อนแย้งกันของตัวละครไว้ได้อย่างน่าสนใจ
เช่นกรณีที่นางเอกของเราเป็นคนกระตือรือร้นกระฉับกระเฉง ชอบที่จะแต่งตัวแปลกๆไม่อายใคร
แต่เธอกลับไม่เคยออกไปเผชิญโลกกว้าง และพระเอกที่ไม่สามารถแม้แต่ขยับร่างกายได้มาเป็นผู้ที่ชี้นำให้เธอกล้าที่จะออกเดินทาง

Me Before You เป็นหนังสือสัญชาติอังกฤษ แต่ก็เป็นอีกหนึ่งเล่มที่อ่านได้ง่ายๆ ผ่านการบอกเล่า
เรื่องราวผ่านความคิดของตัวละครหลัก และมีฉากให้ได้ฟินจิกหมอน ลุ้นกระจาย และน้ำตาไหลพราก อ่านไปเหมือนดูซีรีส์เกาหลีไปอะไรแบบนั้น

ด้านภาษาที่ใช้ ก็ถือว่าไม่ยากค่ะ ไม่ได้มีคำศัพท์ทางการแพทย์มากอย่างที่คิดเอาไว้ตอนแรก เป็นอีกเล่มที่เน้นบทสนทนาในชีวิตประจำวัน


5. Elizabeth Street

ซื้อเล่มนี้ผ่านKindle Store เพราะลดราคาค่ะ ฮา..แต่ก็เป็นหนังสืออีกเล่มที่เราโปรดปราน…
ผู้เขียนคือ Laurie Fabiano ชาวอเมริกันเชื้อสายอิตาเลียน ที่นำเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงๆกับคุณยายทวด
ของเธอมาบอกเล่าผ่านตัวหนังสือให้เราได้อ่านกัน

หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวการสู้ชีวิตของหญิงสาวชาวอิตาเลียนในช่วงต้นศตวรรษที่19
ที่ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนในอิตาลีมายังมหานครนิวยอร์คเพื่อเรียกร้องความยุติธรรม
โดยเธอต่อสู้คดีกับบริษัทอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ และบรรดามาเฟียอิตาเลี่ยน 

เนื้อเรื่องสอดแทรกเกล็ดเล็กเกล็ดน้อยทางประวัติศาสตร์ในยุคนั้นได้เป็นอย่างดี
เหมาะกับคนที่สนใจประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชาวต่างชาติในสมัยก่อน 
สำหรับภาษาที่ใช้ถือว่าอยู่ในระดับกลาง อาจจะเหมาะกับผู้ฝึกภาษาที่อ่านหนังสือวรรณกรรมภาษาอังกฤษมากันบ้างแล้ว


เล่มสุดท้ายที่กำลังอ่านอยู่… เป็นหนังสือที่ได้รับรางวัล Pulitzer Prize
จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมจึงเป็นหนังสือ Best Seller ของทางเวป amazon ตลอดช่วงปีที่ผ่านมา
ซึ่งมีผู้อ่านและมารีวิวเฉพาะกับทาง amazon.com ไว้ถึงกว่าสองหมื่นคน ฮอตฮิตติดลมบนพอๆกับ
The Nightingale ซึ่งแน่นอนว่าตัวรางวัลก็เป็นเครื่องรับประกันความงดงามของภาษาที่ผู้เขียนใช้ในหนังสือเล่มนี้
และแน่นอนว่าภาษาถือว่าอ่านยากในระดับหนึ่ง อาจไม่เหมาะกับผู้เริ่มต้นอ่านเท่าไร แต่หากใครอยากหาตัวอย่าง
การใช้ภาษาและคำในภาษาอังกฤษที่สละสลวย จขกท.ก็รับรองเลยว่าเล่มนี้ไม่ควรพลาดค่ะ 

ส่วนเนื้อเรื่องนั้นก็เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่2 อีกเช่นกัน เนื้อเรื่องดำเนินโดยตัวละครหลัก 2 คน
คือเด็กสาวชาวฝรั่งเศสที่ตาบอด และเด็กหนุ่มลูกกำพร้าอัจฉริยะ ที่ต้องเข้าไปเป็นทหารนาซีเยอรมัน… 


จบแล้วค่า… นี่คือหนังสือที่จขกท.ได้อ่านมาในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ ถือว่าไม่มากเท่าไร
จริงๆอยากอ่านให้ได้เยอะกว่านี้ เพราะการอ่านคือการช่วยฝึกภาษาที่ได้ประโยชน์มากๆ
ไม่แพ้การดูภาพยนตร์หรือฝึกพูดกับเจ้าของภาษา แต่ว่าก็ไม่ค่อยมีเวลาเท่าไร
เพราะต้องอ่าน textbooks ไปด้วย ซึ่งคงไม่มีใครอยากอ่านรีวิวtextbook แน่ๆค่ะ….​
ชื่อสินค้า:   หนังสือ
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่