หลังจากขี่มอไซค์เที่ยวในเขตภาคเหนือจนทั่วแล้ว ก็มีความคิดอยากจะพาเจ้าน้องชาย CRF250L ออกไปท่องโลกกว้างบ้าง
บังเอิญอย่างมาก เล่นเฟสอยู่ดีๆ ไปเจอข้อความของกลุ่มบิ๊กไบค์ที่เค้าจัดทริปไปลุยทิเบตในช่วงสงกรานต์กัน
ก็เลยโทรไปถามทันที ว่ารถ 250cc ไปด้วยได้ไม๊ เค้าบอกไม่มีปัญหา เพราะก็มี D-Tracker 250cc ไปด้วยเช่นกัน
และนี่คือจุดเริ่มต้นของการเดินทางด้วยการขี่มอไซค์ที่ไกลที่สุดในชีวิตของผม
ทริปนี้ เรานัดรวมกลุ่มกันที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ในเย็นวันที่ 9 เม.ย.
ทุกคนไปนัดเจอกันที่โรงแรม หลังจากฟังบรรยายชี้แจงข้อมูลในช่วงอาหารค่ำเสร็จ ก็แยกย้ายกันพักผ่อน
ตื่นเช้ามา หลังจากรับประทานอาหารเช้ากันเสร็จ ล้อก็เริ่มหมุนทันที
ยรรยากาศยามเช้าที่โรงแรม ฝั่งตรงข้ามคือประเทศลาว(ห้วยทราย)
8:00 น.เราพร้อมกันที่ด่านเชียงของ พร้อมเดินทางออกจากเมืองไทย
ข้ามด่านไทยมาสักพัก ก็เข้าสู่ด่านลาวที่เมืองห้วยทรายต่อ
หลังจากผ่านด่านลาวเสร็จ เราก็วิ่งตรงต่อไปที่ด่านจีนต่อทันที ด้วยระยะทางที่วิ่งในลาวก็
ประมาณสองร้อยกว่ากิโล เป็นทางลาดยางสองเลนตลอดทาง มีทางชำรุดเป็นบางช่วง
มีแวะพักกินข้าวเที่ยงที่ฝั่งลาวหนึ่งมื้อ ก่อนจะมุ่งหน้าสู่เมืองจีนต่อไป
เมื่อผมขี่มอเตอร์ไซค์จากเชียงใหม่ไปเหยียบหิมะที่ทิเบต ด้วยระยะทางไปกลับ 4,000 กม.ใน 10 วัน
บังเอิญอย่างมาก เล่นเฟสอยู่ดีๆ ไปเจอข้อความของกลุ่มบิ๊กไบค์ที่เค้าจัดทริปไปลุยทิเบตในช่วงสงกรานต์กัน
ก็เลยโทรไปถามทันที ว่ารถ 250cc ไปด้วยได้ไม๊ เค้าบอกไม่มีปัญหา เพราะก็มี D-Tracker 250cc ไปด้วยเช่นกัน
และนี่คือจุดเริ่มต้นของการเดินทางด้วยการขี่มอไซค์ที่ไกลที่สุดในชีวิตของผม
ทริปนี้ เรานัดรวมกลุ่มกันที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ในเย็นวันที่ 9 เม.ย.
ทุกคนไปนัดเจอกันที่โรงแรม หลังจากฟังบรรยายชี้แจงข้อมูลในช่วงอาหารค่ำเสร็จ ก็แยกย้ายกันพักผ่อน
ตื่นเช้ามา หลังจากรับประทานอาหารเช้ากันเสร็จ ล้อก็เริ่มหมุนทันที
ยรรยากาศยามเช้าที่โรงแรม ฝั่งตรงข้ามคือประเทศลาว(ห้วยทราย)
8:00 น.เราพร้อมกันที่ด่านเชียงของ พร้อมเดินทางออกจากเมืองไทย
ข้ามด่านไทยมาสักพัก ก็เข้าสู่ด่านลาวที่เมืองห้วยทรายต่อ
หลังจากผ่านด่านลาวเสร็จ เราก็วิ่งตรงต่อไปที่ด่านจีนต่อทันที ด้วยระยะทางที่วิ่งในลาวก็
ประมาณสองร้อยกว่ากิโล เป็นทางลาดยางสองเลนตลอดทาง มีทางชำรุดเป็นบางช่วง
มีแวะพักกินข้าวเที่ยงที่ฝั่งลาวหนึ่งมื้อ ก่อนจะมุ่งหน้าสู่เมืองจีนต่อไป