https://www.facebook.com/tsangsinchai/posts/1051262961634107
ทองย้อย แสงสินชัย (ป.ธ. ๙)
Former ผู้อำนวยการกองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ at Royal Thai Navy
---------------------
เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวเล็กๆ เรื่อง
สำนักธรรมกายขอจัดกิจกรรมตักบาตรสามเณร ๑๐,๐๐๐ รูป ที่จังหวัดราชบุรี ในวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๙ แต่ลงท้าย
ก็ไม่ได้จัด
ในฐานะคนในพื้นที่ ผมขอสรุปเรื่องเพื่อทราบทั่วกันดังนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้๑ เบื้องต้น สำนักผาสุกวนิชซึ่งเป็นสำนักของวัดพระธรรมกายในจังหวัดราชบุรีขอจัดกิจกรรมตักบาตรสามเณร ๑๐,๐๐๐ รูป (ตอนแรกนัยว่าแจ้งจำนวน ๑,๐๐๐ รูป แล้วกลายเป็น ๑๐,๐๐๐ รูปไปอย่างไรก็ไม่ทราบ) สถานที่จัดก็คือถนนคฑาธร คือถนนที่ผ่านห้างโลตัส ผ่านหน้าโรงเรียนดรุณาราชบุรี ไปจนถึงวงเวียนนาฬิกาหลังโรงพยาบาลราชบุรี (เมื่อก่อนเป็นด้านหน้าโรงพยาบาล)
๒ เบื้องต้น ผู้มีอำนาจหน้าที่เช่นผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าคณะจังหวัดราชบุรีเป็นต้นก็เห็นชอบไปแล้ว แต่ต่อมาเกิดเสียงคัดค้านขึ้น ผู้มีอำนาจหน้าที่ได้เรียกประชุมปรึกษาผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเจ้าคณะจังหวัดราชบุรีด้วย ที่ประชุมเห็นควรงดกิจกรรมตักบาตรที่ถนนคฑาธรเนื่องจากอาจเกิดความไม่สงบ (ดูเอกสารจากภาพประกอบ)
๓ เมื่อจัดที่ถนนคฑาธรไม่ได้ ฝ่ายผู้จัดกิจกรรมได้ไปติดต่อขอใช้สนามกีฬากลางจังหวัดราชบุรี นัยว่าเจ้าของสถานที่ไม่ขัดข้อง แต่ทางผู้ว่าราชการจังหวัดขัดข้อง
๔ เมื่อจัดที่สนามกีฬาก็ไม่ได้ ผู้ขอจัดกิจกรรมจึงได้ติดต่อเจ้าของตลาดกอบกุล คือนายมานิต นพอมรบดี เพื่อขอไปจัดกิจกรรมตักบาตรที่นั่น โดยบอกนายมานิตว่า ท่านเจ้าคณะจังหวัดราชบุรีเห็นชอบด้วยแล้ว
๕ ตลาดกอบกุลอยู่นอกตัวเมืองไปเล็กน้อย สถานที่กว้างขวาง เป็นตลาดเปิดใหม่ แต่ผู้คนก็เริ่มจะรู้จักกันมากขึ้นแล้ว เจ้าของตลาดคือนายมานิต นพอมรบดี เป็นนักการเมือง เป็นสามีของนางกอบกุล นพอมรบดี นักการเมืองชื่อดังที่ถูกยิงเสียชีวิตที่สี่แยกเขางูเมื่อหลายปีมาแล้ว (ทุกวันนี้คนเลยเรียกสี่แยกนั้นว่า สี่แยกกอบกุล)
๖ นางกอบกุล นพอมรบดี เป็นคนบ้านเดียวกับพระธรรมปัญญาภรณ์ ท่านเจ้าคณะจังหวัดราชบุรี เคารพนับถือกันมานานก่อนที่นางกอบกุลจะเล่นการเมือง เพราะฉะนั้น นายมานิตกับท่านเจ้าคณะจังหวัดราชบุรีจึงมีอะไรก็ถึงกัน
ข้างนายมานิต พอได้ฟังว่าท่านเจ้าคณะจังหวัดเห็นชอบ ก็ไม่ขัดข้อง
๗ ฝ่ายทางผู้ว่าฯ พอรู้ว่าผู้ขอจัดกิจกรรมไปติดต่อตลาดกอบกุลและอ้างว่าท่านเจ้าคณะจังหวัดเห็นชอบ ก็มอบหมายให้ผู้กำกับฯ ตำรวจภูธรราชบุรีไปนมัสการถามความเป็นจริงจากท่านเจ้าคณะจังหวัด เพราะในที่ประชุมตกลงเข้าใจกันดีแล้วว่าไม่อนุญาตให้จัด แล้วทำไมจึงเกิดเห็นชอบขึ้นมาอีก
๘ ท่านเจ้าคณะจังหวัดราชบุรีชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ตั้งแต่ที่ประชุมตกลงไม่อนุญาตแล้ว ท่านก็ไม่ได้เห็นชอบอะไรกับใครอีกเลย
ผู้กำกับฯ ตำรวจภูธรราชบุรีจึงต่อโทรศัพท์ถึงนายมานิต ให้พูดกับท่านเจ้าคณะจังหวัดต่อหน้าคณะของผู้กำกับฯ ตรงนั้นเลย
ท่านเจ้าคณะจังหวัดก็บอกกับนายมานิตว่า ท่านไม่ได้เห็นชอบตามที่ผู้ขอจัดกิจกรรมอ้างแต่ประการใดทั้งสิ้น
๙ นายมานิต พอได้ฟังคำอธิบายเช่นนั้นก็ตอบปฏิเสธผู้ขอจัดกิจกรรมไป ณ เพลานั้น
เรื่องก็เป็นอันจบลง ด้วยประการฉะนี้
---------------
ต่อไปนี้เป็นความเห็นของผม และหากความเห็นนี้จะ
กระทบกระเทือนถึงศรัทธาของชาวธรรมกาย ก็ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้า ณ ที่นี้ด้วย
เบื้องต้นขอให้สังเกตความไม่สุจริตของสำนักธรรมกาย ตรงที่ไปอ้างกับเจ้าของตลาดกอบกุลว่า “ท่านเจ้าคณะจังหวัดราชบุรีเห็นชอบด้วยแล้ว”
เห็นได้ชัดว่า ผู้ขอจัดกิจกรรมของสำนักธรรมกาย
ใช้เล่ห์กะเท่ยกเอาคำเห็นชอบในตอนแรกของท่านเจ้าคณะจังหวัดราชบุรีขึ้นมาอ้างแบบตีขลุม ทั้งๆ การเห็นชอบในตอนแรกนั้นถูกยกเลิกไปแล้วตามมติของที่ประชุม (อันเป็นเหตุให้ต้องวิ่งหาที่จัดใหม่นั่นเอง)
นี่คือความไม่สุจริต
แต่ถ้าไปอ้างกับเจ้าของตลาดกอบกุลว่า ที่มาขอจัดที่ตลาดกอบกุลนี่ท่านเจ้าคณะจังหวัดราชบุรีก็เห็นชอบด้วยแล้ว-ถ้าเป็นอย่างนี้ก็คือ
มุสาวาทโดยตรง
นี่ก็คือความไม่สุจริตอย่างยิ่ง
ควรจะตั้งข้อสงสัยกันด้วยว่า สำนักธรรมกายเป็นองค์กรทางศาสนาซึ่งควรจะต้องมีความสุจริตอย่างยิ่งเป็นพื้นฐาน ทำไมจึงมากระทำการอันไม่สุจริตเช่นนี้เสียเอง
การจะเข้าใจเรื่องนี้ ก็ต้องเข้าใจสำนักธรรมกายให้ถูกต้องเสียก่อน
สำนักธรรมกายเป็นองค์กรทางศาสนาที่ตั้งขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ทางพาณิชย์ ที่เรียกกันทั่วไปว่า “พุทธพาณิชย์” คือแสวงหาทรัพย์และความมั่งคั่งเป็นเป้าหมายสูงสุด
นโยบายของสำนักธรรมกายก็คือ เอาทรัพยากรในพระพุทธศาสนาออกมาแปรรูปเป็นเสมือนสินค้าจำหน่ายให้แก่ผู้ต้องการบุญ
ฝ่ายการตลาดของสำนักธรรมกายวิจัยแล้วพบว่า
ธรรมชาติของมนุษย์คือตื่นเต้นกับความยิ่งใหญ่อลังการ เพราะฉะนั้นเราจะเห็นได้ว่ากิจกรรมของสำนักธรรมกายจะมีขนาดที่มหึมา และมีรูปแบบอภิมหาอลังการเสมอ ใครได้เห็นจะต้องตื่นตะลึง นั่นหมายถึงว่าสามารถก่อให้เกิดศรัทธาได้อย่างท่วมท้น
ขอให้สังเกตด้วยว่า การจัดองค์ประกอบทางกายภาพให้น่าศรัทธาเลื่อมใสนับเป็นคุณสมบัติส่วนที่สำคัญที่สุดของสำนักธรรมกาย
ใครเข้าไปในวัดพระธรรมกายจะต้องตื่นตากับความเรียบร้อยราบรื่น
ไม่มีมุมสกปรกรกรุงรัง ไม่มีหมาขี้เรือนหรือแมวป่วยให้พบเห็นเป็นที่น่ารำคาญตาเหมือนวัดทั่วไปในเมืองไทย หลายคนพูดตรงกันว่าห้องน้ำของวัดพระธรรมกายสะอาดกว่าห้องนอนที่บ้านของเขาเสียอีก
ท่านเจ้าคณะจังหวัดราชบุรีเองก็บอกว่า ส่วนดีของธรรมกายเขาก็มี
ผมว่าตรงจุดนี้แหละคือส่วนที่ดีมากๆ ของสำนักธรรมกาย-การจัดองค์ประกอบทางกายภาพได้อย่างเนียนเนี้ยบ
การจัดองค์ประกอบทางกายภาพไม่ได้มีแค่อาคารสถานที่ แต่หมายรวมไปถึงบุคลิกของบุคลากร การนุ่งห่ม ระเบียบในการปรากฏตัวต่อสายตาประชาชน การสร้างหรือ “ปั้น” บุคลากรด้านต่างๆ ระบบการบริหารจัดการ ฯลฯ สำนักธรรมกายทำได้อย่างดีเยี่ยม
........
พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติสิกขาบทพระวินัยให้พระสงฆ์สาวกปฏิบัติโดยทรงระบุวัตถุประสงค์ไว้แน่ชัดถึง ๑๐ ข้อ ในจำนวนนี้มี ๒ ข้อบอกไว้ว่า
- เพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส
- เพื่อความเลื่อมใสยิ่งขึ้นของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว
เพราะฉะนั้น ภารกิจที่สำคัญของวัดหรือองค์กรทางศาสนาก็คือ การทำให้ชุมชนเลื่อมใส
แต่ที่ว่ามานั้นคือการขึ้นต้น หรือต้นทางในการสร้างศรัทธา การทำให้ชุมชนเลื่อมใสไม่ใช่ปลายทางของพระพุทธศาสนา ยังจะต้องตามไปดูให้ถึงปลายทางว่า ทำให้เขาเลื่อมใสศรัทธาแล้ว-อะไรต่อไป
ศรัทธาในพระพุทธศาสนามีเป้าหมายอยู่ที่การลงมือปฏิบัติธรรม
หมายความว่า เมื่อศรัทธาเกิดขึ้นแล้วต้องนำไปสู่ฉันทะวิริยะที่จะประพฤติปฏิบัติธรรมอย่างมุ่งมั่นต่อไปเพื่อบรรลุผลที่ต้องการ
ผลที่ต้องการในพระพุทธศาสนาก็คือฝึกหัดขัดเกลาพัฒนาตนจนอยู่เหนืออำนาจกิเลส จิตเป็นอิสระโปร่งโล่ง กล่าวตรงก็คือบรรลุมรรคผลตามสมควรแก่การปฏิบัติ
คนจะทำอย่างนี้ได้ต้องเริ่มด้วยมีศรัทธา-ศรัทธาในตัวบุคคลและศรัทธาในหลักคำสอน
ที่ต้องจำไว้ไม่ให้พลาดก็คือ พระพุทธศาสนาต้องการให้ผู้ที่มีศรัทธาแล้วลงมือปฏิบัติเพื่อประโยชน์ของผู้ปฏิบัติเอง มิใช่เพื่อประโยชน์ของผู้ทำให้เกิดศรัทธา
พูดชัดๆ พระพุทธเจ้าท่านทำให้คนเกิดศรัทธา แล้วมุ่งมั่นปฏิบัติธรรมเพื่อประโยชน์ของเขาเอง
ไม่ใช่ให้เขาเกิดศรัทธาแล้วเอาผลประโยชน์อะไรมาให้พระองค์
พูดเป็นภาพรวมก็คือ-คำสอนในพระพุทธศาสนาเป็นไปเพื่อประโยชน์ของผู้ฟัง มิใช่เพื่อประโยชน์ของผู้สอน
เคยมีคนอธิบายว่า พระสอนคนให้ทำบุญตักบาตรก็เพื่อที่พระจะได้มีกินไม่อดตาย
น่าเสียใจที่ผู้อธิบายแบบนี้ก็คือชาวพุทธของเรานี่เอง
เมื่อรู้จักปลายทางที่ถูกต้องของศรัทธาในพระพุทธศาสนาแล้ว คราวนี้ก็ลองตามไปดูเถิดว่า
สำนักธรรมกายใช้ศรัทธานั้นไปเพื่ออะไร
----------------
สำนักธรรมกายเคยจัดกิจกรรมตักบาตรพระสงฆ์ ๑,๐๐๐ รูปที่
ถนนคฑาธรมาแล้วเมื่อไม่กี่ปีมานี้
คราวนั้นโฆษณาให้เหตุผลว่าเพื่อกระตุ้นเตือนให้คนไทยใส่บาตรกันให้มากขึ้นเนื่องจากปัจจุบันคนไทยใส่บาตรน้อยลง
ผมเป็นสามเณรมาอยู่วัดมหาธาตุ ราชบุรีเมื่อปี ๒๕๐๖ ไปบิณฑบาตที่ตลาดราชบุรีได้แต่ข้าวเปล่าเป็นพื้น กับข้าวแทบไม่มี ดังที่เคยเล่าให้ฟังแล้วว่าบางวันได้ไข่เค็มมาใบหนึ่ง ผ่าซีก ฉันเช้าซีกหนึ่ง เก็บไว้ฉันเพลซีกหนึ่ง อาศัยที่ทางวัดมี “แกงเวร” คือกับข้าวที่ทางวัดมอบหมายให้แม่ชีในสำนักประชุมนารีทำขึ้นวันละ ๑ หม้อใหญ่ มีแกงเป็นพื้นจึงเรียกว่า “แกงเวร” แล้วตักแจกพระเณรรูปละ ๒ ปิ่นโต จึงพอยังอัตภาพให้เป็นไป
เดี๋ยวนี้ของที่คนใส่บาตร พระไปบิณฑบาตหอบหิ้วกันไม่ไหว ต้องใส่รถเข็นกลับวัดทุกวัน
แต่สำนักธรรมกายบอกว่าปัจจุบันคนไทยใส่บาตรน้อยลง
-----------------
ตักบาตรพระ ๑,๐๐๐ รูปครั้งนั้นอลังการมาก เหลืองอร่ามไปทั้งถนนคฑาธร ผมไปสังเกตการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ สิ่งที่สะดุดตาคือ
“ไม้สวรรค์” เดินสะพัดไปทั้งสองฟากถนน
แบงก์ร้อย แบงก์ห้าร้อย แม้กระทั่งแบงก์พันโบกไสวไกวแกว่งด้วยแรงศรัทธาอันเต็มเปี่ยม รวมกันแล้วไม่มีรายงานว่าเป็นเงินมหาศาลขนาดไหน สำนักธรรมกายจัดกิจกรรมตักบาตรขนาดมหึมาแบบนี้ในหลายๆ จังหวัด ลองคูณกันเอาเอง
ไม่มีรายงานเช่นเดียวกันว่า หลังจากจัดกิจกรรมตักบาตรครั้งนั้นแล้วคนไทยใส่บาตรกันมากขึ้นแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ ความมั่งคั่งของสำนักธรรมกายเพิ่มขึ้นอีกมาก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การตักบาตรสามเณร ๑๐,๐๐๐ รูป ในวันที่ ๙ เมษายน ที่ผ่านมาถ้าจัดขึ้นได้ตามแผน ไม่ว่าจะเป็นที่ถนนคฑาธรอันเป็นที่ซึ่งเคยดูดทรัพย์อันเกิดจากศรัทธาไปได้เป็นจำนวนมากมาแล้ว หรือที่สนามกีฬากลาง หรือแม้แต่ที่ตลาดกอบกุล เราก็จะได้เห็นความอลังการมหึมายิ่งกว่าเมื่อคราวตักบาตรพระ ๑,๐๐๐ รูปครั้งนั้นเพิ่มขึ้นอีก ๑๐ เท่า และนั่นหมายความว่าจำนวนทรัพย์อันเกิดจากศรัทธาก็จะถูกดูดไปได้เพิ่มขึ้นอีก ๑๐ เท่าเช่นกัน
พอจะมองเห็นคำตอบไหมครับว่า ทำไมสำนักธรรมกายจึงพยายามนักหนาที่จะจัดกิจกรรมตักบาตรสามเณร ๑๐,๐๐๐ รูปให้จงได้ แม้จะต้องใช้วิธีที่ไม่สุจริตก็ตาม
-----------------
คราวนี้มาพิจารณาถึงหลักการกันบ้าง
การทำบุญในพระพุทธศาสนา ไม่ว่าจะเป็นทาน ศีล ภาวนา หรือบุญอื่นใดอีกก็ตามท่านทำกันเป็นกิจวัตร คือทำในชีวิตประจำวันจริงๆ
ไม่ใช่จัดกิจกรรมเป็นครั้งคราวเพื่อถ่ายรูปเอาไว้เป็นที่ระลึก
จะมีใครเห็นหรือไม่เห็น จะมีใครถ่ายรูปหรือไม่ถ่าย ท่านก็ทำกันเป็นประจำ
ทีนี้การบิณฑบาตนี้คืออะไร
การบิณฑบาตเป็น “นิสัย” คือวิธีครองชีพของพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ซึ่งมี ๔ อย่าง คือ เที่ยวบิณฑบาต นุ่งห่มผ้าบังสุกุล อยู่โคนไม้ ฉันยาดองด้วยน้ำมูตร นี่ก็คือที่เรารู้จักกันดีว่า ปัจจัย ๔ นั่นเอง (อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค)
ตามหลักแล้ว อาหารที่ใช้ดำรงชีวิตของพระเณรต้องได้มาจากการออกบิณฑบาต ดังนั้นพระเณรจึงมีกิจที่จะต้องออกบิณฑบาตทุกวัน มีข้อยกเว้นได้บ้าง เช่นได้รับนิมนต์ไปฉันเป็นครั้งคราว หรือได้รับนิตยภัตเป็นต้น
หลักในเรื่องนี้ก็คือ การออกบิณฑบาตเป็น “กิจวัตร” คือกิจที่ต้องทำเป็นประจำ ไม่ใช่ “กิจกรรม” คือกิจที่จัดขึ้นเป็นครั้งคราว
พูดให้ชัดกว่านี้ก็คือ พระเณรออกบิณฑบาตต้องเป็นของจริง ทำจริง ทำเป็นประจำวัน
ไม่ใช่จัดฉากเป็นครั้งคราวอย่างที่สำนักธรรมกายขอจัด
ลองตั้งคำถามดูก็ได้ สามเณร ๑๐,๐๐๐ รูป ที่สำนักธรรมกายจะเอามาเข้าฉากบิณฑบาตนั้น ณ เวลานั้นอยู่ที่ไหน และ ณ เวลานี้กำลังอยู่ที่ไหน
สำนักธรรมกายเป็นองค์กรทางศาสนาซึ่งควรจะต้องมีความสุจริตอย่างยิ่งเป็นพื้นฐาน ทำไมจึงมากระทำการอันไม่สุจริตเช่นนี้เสียเอง
ทองย้อย แสงสินชัย (ป.ธ. ๙)
Former ผู้อำนวยการกองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ at Royal Thai Navy
---------------------
เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวเล็กๆ เรื่องสำนักธรรมกายขอจัดกิจกรรมตักบาตรสามเณร ๑๐,๐๐๐ รูป ที่จังหวัดราชบุรี ในวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๙ แต่ลงท้ายก็ไม่ได้จัด
ในฐานะคนในพื้นที่ ผมขอสรุปเรื่องเพื่อทราบทั่วกันดังนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เรื่องก็เป็นอันจบลง ด้วยประการฉะนี้
---------------
ต่อไปนี้เป็นความเห็นของผม และหากความเห็นนี้จะกระทบกระเทือนถึงศรัทธาของชาวธรรมกาย ก็ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้า ณ ที่นี้ด้วย
เบื้องต้นขอให้สังเกตความไม่สุจริตของสำนักธรรมกาย ตรงที่ไปอ้างกับเจ้าของตลาดกอบกุลว่า “ท่านเจ้าคณะจังหวัดราชบุรีเห็นชอบด้วยแล้ว”
เห็นได้ชัดว่า ผู้ขอจัดกิจกรรมของสำนักธรรมกายใช้เล่ห์กะเท่ยกเอาคำเห็นชอบในตอนแรกของท่านเจ้าคณะจังหวัดราชบุรีขึ้นมาอ้างแบบตีขลุม ทั้งๆ การเห็นชอบในตอนแรกนั้นถูกยกเลิกไปแล้วตามมติของที่ประชุม (อันเป็นเหตุให้ต้องวิ่งหาที่จัดใหม่นั่นเอง)
นี่คือความไม่สุจริต
แต่ถ้าไปอ้างกับเจ้าของตลาดกอบกุลว่า ที่มาขอจัดที่ตลาดกอบกุลนี่ท่านเจ้าคณะจังหวัดราชบุรีก็เห็นชอบด้วยแล้ว-ถ้าเป็นอย่างนี้ก็คือ มุสาวาทโดยตรง
นี่ก็คือความไม่สุจริตอย่างยิ่ง
ควรจะตั้งข้อสงสัยกันด้วยว่า สำนักธรรมกายเป็นองค์กรทางศาสนาซึ่งควรจะต้องมีความสุจริตอย่างยิ่งเป็นพื้นฐาน ทำไมจึงมากระทำการอันไม่สุจริตเช่นนี้เสียเอง
การจะเข้าใจเรื่องนี้ ก็ต้องเข้าใจสำนักธรรมกายให้ถูกต้องเสียก่อน
สำนักธรรมกายเป็นองค์กรทางศาสนาที่ตั้งขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ทางพาณิชย์ ที่เรียกกันทั่วไปว่า “พุทธพาณิชย์” คือแสวงหาทรัพย์และความมั่งคั่งเป็นเป้าหมายสูงสุด
นโยบายของสำนักธรรมกายก็คือ เอาทรัพยากรในพระพุทธศาสนาออกมาแปรรูปเป็นเสมือนสินค้าจำหน่ายให้แก่ผู้ต้องการบุญ
ฝ่ายการตลาดของสำนักธรรมกายวิจัยแล้วพบว่า ธรรมชาติของมนุษย์คือตื่นเต้นกับความยิ่งใหญ่อลังการ เพราะฉะนั้นเราจะเห็นได้ว่ากิจกรรมของสำนักธรรมกายจะมีขนาดที่มหึมา และมีรูปแบบอภิมหาอลังการเสมอ ใครได้เห็นจะต้องตื่นตะลึง นั่นหมายถึงว่าสามารถก่อให้เกิดศรัทธาได้อย่างท่วมท้น
ขอให้สังเกตด้วยว่า การจัดองค์ประกอบทางกายภาพให้น่าศรัทธาเลื่อมใสนับเป็นคุณสมบัติส่วนที่สำคัญที่สุดของสำนักธรรมกาย
ใครเข้าไปในวัดพระธรรมกายจะต้องตื่นตากับความเรียบร้อยราบรื่น ไม่มีมุมสกปรกรกรุงรัง ไม่มีหมาขี้เรือนหรือแมวป่วยให้พบเห็นเป็นที่น่ารำคาญตาเหมือนวัดทั่วไปในเมืองไทย หลายคนพูดตรงกันว่าห้องน้ำของวัดพระธรรมกายสะอาดกว่าห้องนอนที่บ้านของเขาเสียอีก
ท่านเจ้าคณะจังหวัดราชบุรีเองก็บอกว่า ส่วนดีของธรรมกายเขาก็มี
ผมว่าตรงจุดนี้แหละคือส่วนที่ดีมากๆ ของสำนักธรรมกาย-การจัดองค์ประกอบทางกายภาพได้อย่างเนียนเนี้ยบ
การจัดองค์ประกอบทางกายภาพไม่ได้มีแค่อาคารสถานที่ แต่หมายรวมไปถึงบุคลิกของบุคลากร การนุ่งห่ม ระเบียบในการปรากฏตัวต่อสายตาประชาชน การสร้างหรือ “ปั้น” บุคลากรด้านต่างๆ ระบบการบริหารจัดการ ฯลฯ สำนักธรรมกายทำได้อย่างดีเยี่ยม
........
พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติสิกขาบทพระวินัยให้พระสงฆ์สาวกปฏิบัติโดยทรงระบุวัตถุประสงค์ไว้แน่ชัดถึง ๑๐ ข้อ ในจำนวนนี้มี ๒ ข้อบอกไว้ว่า
- เพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส
- เพื่อความเลื่อมใสยิ่งขึ้นของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว
เพราะฉะนั้น ภารกิจที่สำคัญของวัดหรือองค์กรทางศาสนาก็คือ การทำให้ชุมชนเลื่อมใส
แต่ที่ว่ามานั้นคือการขึ้นต้น หรือต้นทางในการสร้างศรัทธา การทำให้ชุมชนเลื่อมใสไม่ใช่ปลายทางของพระพุทธศาสนา ยังจะต้องตามไปดูให้ถึงปลายทางว่า ทำให้เขาเลื่อมใสศรัทธาแล้ว-อะไรต่อไป
ศรัทธาในพระพุทธศาสนามีเป้าหมายอยู่ที่การลงมือปฏิบัติธรรม
หมายความว่า เมื่อศรัทธาเกิดขึ้นแล้วต้องนำไปสู่ฉันทะวิริยะที่จะประพฤติปฏิบัติธรรมอย่างมุ่งมั่นต่อไปเพื่อบรรลุผลที่ต้องการ
ผลที่ต้องการในพระพุทธศาสนาก็คือฝึกหัดขัดเกลาพัฒนาตนจนอยู่เหนืออำนาจกิเลส จิตเป็นอิสระโปร่งโล่ง กล่าวตรงก็คือบรรลุมรรคผลตามสมควรแก่การปฏิบัติ
คนจะทำอย่างนี้ได้ต้องเริ่มด้วยมีศรัทธา-ศรัทธาในตัวบุคคลและศรัทธาในหลักคำสอน
ที่ต้องจำไว้ไม่ให้พลาดก็คือ พระพุทธศาสนาต้องการให้ผู้ที่มีศรัทธาแล้วลงมือปฏิบัติเพื่อประโยชน์ของผู้ปฏิบัติเอง มิใช่เพื่อประโยชน์ของผู้ทำให้เกิดศรัทธา
พูดชัดๆ พระพุทธเจ้าท่านทำให้คนเกิดศรัทธา แล้วมุ่งมั่นปฏิบัติธรรมเพื่อประโยชน์ของเขาเอง ไม่ใช่ให้เขาเกิดศรัทธาแล้วเอาผลประโยชน์อะไรมาให้พระองค์
พูดเป็นภาพรวมก็คือ-คำสอนในพระพุทธศาสนาเป็นไปเพื่อประโยชน์ของผู้ฟัง มิใช่เพื่อประโยชน์ของผู้สอน
เคยมีคนอธิบายว่า พระสอนคนให้ทำบุญตักบาตรก็เพื่อที่พระจะได้มีกินไม่อดตาย
น่าเสียใจที่ผู้อธิบายแบบนี้ก็คือชาวพุทธของเรานี่เอง
เมื่อรู้จักปลายทางที่ถูกต้องของศรัทธาในพระพุทธศาสนาแล้ว คราวนี้ก็ลองตามไปดูเถิดว่า สำนักธรรมกายใช้ศรัทธานั้นไปเพื่ออะไร
----------------
สำนักธรรมกายเคยจัดกิจกรรมตักบาตรพระสงฆ์ ๑,๐๐๐ รูปที่ถนนคฑาธรมาแล้วเมื่อไม่กี่ปีมานี้ คราวนั้นโฆษณาให้เหตุผลว่าเพื่อกระตุ้นเตือนให้คนไทยใส่บาตรกันให้มากขึ้นเนื่องจากปัจจุบันคนไทยใส่บาตรน้อยลง
ผมเป็นสามเณรมาอยู่วัดมหาธาตุ ราชบุรีเมื่อปี ๒๕๐๖ ไปบิณฑบาตที่ตลาดราชบุรีได้แต่ข้าวเปล่าเป็นพื้น กับข้าวแทบไม่มี ดังที่เคยเล่าให้ฟังแล้วว่าบางวันได้ไข่เค็มมาใบหนึ่ง ผ่าซีก ฉันเช้าซีกหนึ่ง เก็บไว้ฉันเพลซีกหนึ่ง อาศัยที่ทางวัดมี “แกงเวร” คือกับข้าวที่ทางวัดมอบหมายให้แม่ชีในสำนักประชุมนารีทำขึ้นวันละ ๑ หม้อใหญ่ มีแกงเป็นพื้นจึงเรียกว่า “แกงเวร” แล้วตักแจกพระเณรรูปละ ๒ ปิ่นโต จึงพอยังอัตภาพให้เป็นไป
เดี๋ยวนี้ของที่คนใส่บาตร พระไปบิณฑบาตหอบหิ้วกันไม่ไหว ต้องใส่รถเข็นกลับวัดทุกวัน
แต่สำนักธรรมกายบอกว่าปัจจุบันคนไทยใส่บาตรน้อยลง
-----------------
ตักบาตรพระ ๑,๐๐๐ รูปครั้งนั้นอลังการมาก เหลืองอร่ามไปทั้งถนนคฑาธร ผมไปสังเกตการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ สิ่งที่สะดุดตาคือ “ไม้สวรรค์” เดินสะพัดไปทั้งสองฟากถนน แบงก์ร้อย แบงก์ห้าร้อย แม้กระทั่งแบงก์พันโบกไสวไกวแกว่งด้วยแรงศรัทธาอันเต็มเปี่ยม รวมกันแล้วไม่มีรายงานว่าเป็นเงินมหาศาลขนาดไหน สำนักธรรมกายจัดกิจกรรมตักบาตรขนาดมหึมาแบบนี้ในหลายๆ จังหวัด ลองคูณกันเอาเอง
ไม่มีรายงานเช่นเดียวกันว่า หลังจากจัดกิจกรรมตักบาตรครั้งนั้นแล้วคนไทยใส่บาตรกันมากขึ้นแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ ความมั่งคั่งของสำนักธรรมกายเพิ่มขึ้นอีกมาก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การตักบาตรสามเณร ๑๐,๐๐๐ รูป ในวันที่ ๙ เมษายน ที่ผ่านมาถ้าจัดขึ้นได้ตามแผน ไม่ว่าจะเป็นที่ถนนคฑาธรอันเป็นที่ซึ่งเคยดูดทรัพย์อันเกิดจากศรัทธาไปได้เป็นจำนวนมากมาแล้ว หรือที่สนามกีฬากลาง หรือแม้แต่ที่ตลาดกอบกุล เราก็จะได้เห็นความอลังการมหึมายิ่งกว่าเมื่อคราวตักบาตรพระ ๑,๐๐๐ รูปครั้งนั้นเพิ่มขึ้นอีก ๑๐ เท่า และนั่นหมายความว่าจำนวนทรัพย์อันเกิดจากศรัทธาก็จะถูกดูดไปได้เพิ่มขึ้นอีก ๑๐ เท่าเช่นกัน
พอจะมองเห็นคำตอบไหมครับว่า ทำไมสำนักธรรมกายจึงพยายามนักหนาที่จะจัดกิจกรรมตักบาตรสามเณร ๑๐,๐๐๐ รูปให้จงได้ แม้จะต้องใช้วิธีที่ไม่สุจริตก็ตาม
-----------------
คราวนี้มาพิจารณาถึงหลักการกันบ้าง
การทำบุญในพระพุทธศาสนา ไม่ว่าจะเป็นทาน ศีล ภาวนา หรือบุญอื่นใดอีกก็ตามท่านทำกันเป็นกิจวัตร คือทำในชีวิตประจำวันจริงๆ ไม่ใช่จัดกิจกรรมเป็นครั้งคราวเพื่อถ่ายรูปเอาไว้เป็นที่ระลึก
จะมีใครเห็นหรือไม่เห็น จะมีใครถ่ายรูปหรือไม่ถ่าย ท่านก็ทำกันเป็นประจำ
ทีนี้การบิณฑบาตนี้คืออะไร
การบิณฑบาตเป็น “นิสัย” คือวิธีครองชีพของพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ซึ่งมี ๔ อย่าง คือ เที่ยวบิณฑบาต นุ่งห่มผ้าบังสุกุล อยู่โคนไม้ ฉันยาดองด้วยน้ำมูตร นี่ก็คือที่เรารู้จักกันดีว่า ปัจจัย ๔ นั่นเอง (อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค)
ตามหลักแล้ว อาหารที่ใช้ดำรงชีวิตของพระเณรต้องได้มาจากการออกบิณฑบาต ดังนั้นพระเณรจึงมีกิจที่จะต้องออกบิณฑบาตทุกวัน มีข้อยกเว้นได้บ้าง เช่นได้รับนิมนต์ไปฉันเป็นครั้งคราว หรือได้รับนิตยภัตเป็นต้น
หลักในเรื่องนี้ก็คือ การออกบิณฑบาตเป็น “กิจวัตร” คือกิจที่ต้องทำเป็นประจำ ไม่ใช่ “กิจกรรม” คือกิจที่จัดขึ้นเป็นครั้งคราว
พูดให้ชัดกว่านี้ก็คือ พระเณรออกบิณฑบาตต้องเป็นของจริง ทำจริง ทำเป็นประจำวัน ไม่ใช่จัดฉากเป็นครั้งคราวอย่างที่สำนักธรรมกายขอจัด
ลองตั้งคำถามดูก็ได้ สามเณร ๑๐,๐๐๐ รูป ที่สำนักธรรมกายจะเอามาเข้าฉากบิณฑบาตนั้น ณ เวลานั้นอยู่ที่ไหน และ ณ เวลานี้กำลังอยู่ที่ไหน