Tempy Movies Review รีวิวหนัง: Take Me Home {Kongkiat Khomsiri}, 2016


ก้องเกียรติเป็นส่วนหนึ่งของทีมงานสร้างหนังผีที่ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำในวัยรุ่นของเราตอนช่วงมัธยมฯ จากทั้งเรื่อง “ลองของ” และ “เปนชู้กับผี” ซึ่งทั้งสองเรื่อง เราไมได้ตีค่ามันในเชิงคุณค่าทางภาพยนตร์เท่าไหร่นัก ความทรงจำระหว่างเรากับมันหลงเหลือแต่เพียง ความรู้สึกพรั่นพรึง ที่เกิดขึ้น และในใจเราก็จัดจำแนกหนังทั้งสองเรื่องไว้ในจำพวกหนังผีไทยที่เราประทับใจ ในวัยนั้นประสบการณ์ทางภาพยนตร์เราเรียกได้ว่าน้อยมากๆ หนังผีส่วนใหญ่ก็ดูแต่ของคนไทยทำ หนังผีทางฝั่งตะวันตกก็ไม่เคยได้พบได้เห็น ดังนั้นความรู้สึกเราต่อหนังทั้งสองเรื่องจึงถือว่าเป็นประสบการณ์แปลกใหม่

พอเราเติบโตขึ้น ประสบการณ์ทางภาพยนตร์ผีฝรั่งก็เยอะขึ้นตาม ซึ่งเอาจริงๆก็ยังน้อยมาก เพราะหนังในหมวดนี้เราไม่ค่อยได้เจียดเวลาไปดูเท่าไหร่ และสำหรับการที่เราจะได้ไปดู “Take Me Home” นอกจากจะได้ไปผ่อนคลายแล้ว ส่วนหนึ่งนี่ยังเป็นการย้อนหวนรำลึกความทรงจำในวัยนั้น

สิ่งที่รู้สึกได้อย่างรุนแรงและปฏิเสธไม่ได้ระหว่างดูหนังเลย คือ ตัวหนังมีรสชาติของหนังผีตะวันตกยุคใหม่มาก การทำข้อตกลงกับวิญญาณที่ให้รสชาติเหมือนใน Paranormal Activity หรือ Insidious มากกว่าจะดูคล้ายกับ “การบนผี” ของไทย และยังมีองค์ประกอบอีกหลายๆอย่าง ในหนังทั้งสถานที่ ของตกแต่ง และเครื่องแต่งกายที่เอื้อให้เรารู้สึกถึงความเป็นตะวันตกมากกว่า

เอาจริงๆ แล้วเราไม่ได้จงเกลียดจงชังการที่ผู้กำกับไทยจะอยากทำหนังให้มีรสหรือพลอตให้ดูมีความเป็นต่างชาติหรอก แต่ความเป็นตะวันตกที่ predominate ในหนังเกือบทั้งเรื่อง แล้วจู่ๆ มันก็มีความเป็นไทยปนเข้ามาแบบไม่มีที่มาอย่าง คณะผีรำไทย ตรงนี้เลยทำให้เรารู้สึกผู้กำกับเขาอยากทำหนังให้เอาไปขายให้ต่างชาติดูมากเกินพอดี เหมือนอยากขายความเป็นไทยอย่างบอกไม่ถูก

แต่สิ่งที่เราชอบคือการใส่ฉากบางฉากเข้าไปเพื่อรำลึกถึงผลงานเก่าๆของเขา อย่างฉากผูกคอตายใต้ต้นไม้เหมือนที่ตายของนวลจัน บุคลิกของคุณหญิงเจ้าของที่ที่เหมือนคุณรัญจวน และการเวียนวนของวิญญาณก็ชวนให้นึกถึง เปนชู้กับผี ที่ก้องเกียรติก็เป็นคนเขียนบทหนัง และฉากไล่ผีที่มีอักษรเขมรบนผ้ายันต์ และผมหยิกของคุณหญิงเจ้าของที่ทำให้นึกถึงครูพะนอใน ลองของ หนังเรื่องนี้นอกจากธีมหลักของมันคือการย้อนอดีตของแทนแล้ว เราว่าเราเอง และก้องเกียรติก็ได้ร่วมย้อนอดีตความทรงจำไปด้วยเช่นกัน

อีกหนึ่งสิ่งที่ชอบมากๆ คือการกล้าจบหนังพาร์ทที่ตัวละครรอบๆ ตัวแทนเป็นคนภายในครึ่งแรก (น่าจะไม่ถึงด้วยซ้ำ) ซึ่งพาร์ทตอนที่เป็นคนมันก็สนุกในแง่ที่เราไม่อาจไว้ใจในความเป็นของตัวละครในบ้านที่สภาพจิตใจดูไม่ปกตินัก แต่พอมาในพาร์ทหลังคือ ฉากที่แทนกำลังนั่งรถกอล์ฟกลับเข้าไปในตัวบ้าน มันเหมือน ความรู้สึกเราตอนนั้น น่าจะไม่ต่างจากตอนที่เรากำลังจะเข้าไปเล่นบ้านผีสิง ซึ่งเราว่าหนังโหดอยู่เหมือนกันที่พาเราไปอยู่ในบ้านผีสิ่งที่ผีอะไรจะมาลองเรา ในรูปแบบไหน ตอนไหนก็ได้ ระดับความไม่น่าไว้วางใจเหนือกว่าพาร์ทตอนเป็นคนหลายเท่า นี่คือจุดที่เราว่าแข็งแรงที่สุดในหนังเลย

หากลองมาพูดถึงบทหนัง เราว่าตัวเรื่องค่อนข้างเฉลยเรื่องราวน้อย เมื่อเทียบกับหนังผีตลาดที่มักเฉลยจนหมดเปลือกในตอนท้ายแบบ The Haunting in Connecticut แต่หนังเองก็ไม่ได้มีท่าทีจะเป็นหนังผีแบบ It follows หรือแม้แต่ Under the Skin ที่มีการสัญญะ สำหรับเรา “Take Me Home” เลยกลายเป็นหนังตลาดที่พยายามคล้ายปมน้อยๆ ผู้กับกับเนรมิตที่ดินผืนนั้นให้เป็นเหมือนห้วงความทรงจำที่จู่ๆ เหตุการณ์ก็โผล่เข้ามา แล้วก็หายไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย คนดูที่ต้องปะติดปะต่อเอง หลายเหตุการณ์ที่เราเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ และมันลดทอนพลังในการที่ตัวละครจะแสดงอะไรออกมา หรือจะพูดให้ง่ายว่า “เผยน้อย เสียจนเอาไปคิดอะไรต่อได้น้อยเช่นกัน”

แต่ในการที่หนังเลือกเปิดเผยเรื่องราวน้อย ส่วนที่เปิดเผยก็ใช่ว่ามันจะสร้างพลังให้กับ act ของตัวละครได้ดีพอ อย่างการที่ผีปริ้นข่าวในหนังสือพิมพ์ให้ หรือการพยายามปกปิดลูกอีกคน ที่เรารู้สึกว่าพลอตมันเชยมากๆ ในยุคสมัยนี้

แต่ก็เอาเถอะ เราก็ยังรู้สึกดีที่ได้ดูหนังเรื่องนี้นะ น่าจะเป็นเพราะเป้าหมายที่เราดูเรื่องนี้ก็เพราะอยากได้รับประสบการณ์ขนหัวลุกอยู่แล้ว ไม่ได้มาคาดหวังบทหนังที่จะล้ำลึก อย่าง it follows ก็เกินคาดเรามากๆ เพราะในส่วนของความน่ากลัวของหนังก็เรียกว่าใช้ได้เลย อย่างน้อยหนังเรื่องนี้มันก็พอจะบอกกับเราได้ว่าทิศทางของหนังผีไทยก็น่าจะไปในทางที่ดีขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์ทางเฟสได้เลยนะครับ https://www.facebook.com/survival.king
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่