ให้ 7.5/10 หนังดราม่าที่สร้างมาจากเรื่องจริงของ Jesse Owens นักกรีฑาผิวสี ที่อเมริกาส่งไปเป็นตัวแทนเข้าร่วมโอลิปิกที่เยอรมันในปี 1936 ช่วงเวลาก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 สมัยที่ฮิตเลอร์ขึ้นเป็นผู้นำประเทศและกำลังทยอยจับชาวยิวเข้าค่ายกักกัน ซึ่งในขณะเดียวกันตัวอเมริกาเองก็ยังมีการแบ่งแยกสีผิวกันอยู่เลย
หนังมีการ Casting ที่ดีมาก นักแสดงดีและเหมาสมกับบท ดูเรื่องราวเนื้อหาในหนังไปก็ทำให้นึกถึง ยูเซน โบลต์ นักวิ่งชาวเจเมกาที่มีช่วงนึงดังมากๆ เพราะเขาเป็นเจ้าของสถิติโลก แถมได้ไปแข่งโอลิปิกที่เยอรมันเหมือนกันในปี 2009
แม้จะเป็นหนังชีวประวัติและเนื้อหาอาจจะดูเครียดไปนิด แต่จริงๆมันคือหนังที่เล่าเรื่องราวตามจังหวะของหนังทั่วไปเลย ไม่ใช่แนวสารคดีหรืออะไร ซึ่งจะว่าไปแล้วมันคือหนังที่สนุกและดีไปจนถึงมีคุณค่าเลยหละ ที่สำคัญคือส่วนตัวเห็นว่า Race มีประเด็นที่อ่อนไหว ละเอียดอ่อน และน่าสนใจมากๆ แถมยังรวมเหตุการณ์
สำคัญๆทางประวัติโลกไว้ด้วยกัน โดยที่ไม่ยัดเยียดให้คนดูเลย
ทั้งหนังยังมีการตั้งชื่อหนังที่ดีมากๆ ให้ความรู้สึกและให้ความหมายได้ดี เพราะคำว่า “Race” ในที่นี้ นอกจากจะหมายถึง การแข่งขันแล้ว มันยังมีความหมายถึง “ชนชั้น” และ “สีผิว” ซึ่งคือใจความสำคัญหลักของหนังเรื่องนี้ ที่มีประเด็นขัดแย้งกันมากมาย แต่เรื่องของเรื่องก็คือคำว่า “สิทธิมนุษยชน” นั่นเอง ที่ตัวเองในฐานะเป็นมนุษย์ด้วยกันมองว่ามันค่อนนข้างหน้าเศร้านะกับหลายๆเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้น ทำไมคนบางคนถึงมีจิตใจคับแคบเสียเหลือเกิน
ป.ล. นี่เป็นการให้คะแนนจากความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น ซึ่งแต่ละคนมีมุมมอง ความชอบ ความคิด ประสบการณ์ สิ่งที่เจอหรือรู้สึกในช่วงที่ดูหนังเรื่องนั้นๆต่างกัน คะแนนของแต่ละเรื่องมาจากการเปรียบเทียบหนังใน Genre เดียวกัน จึงไม่สามารถไปเปรียบกับคะแนนเรื่องอื่นที่เป็นหนังคนละ Genre ได้ เมื่อคุณไปดูแล้วคุณอาจจะชอบหรือไม่ชอบก็ได้ ไม่มีอะไรถูกหรือผิด ทุกคนไม่จำเป็นต้องมีความคิดเห็นเหมือนกันค่ะ
สามารถอ่าน Review หนังเรื่องอื่นๆได้ที่เพจ Movies Stalker ค่ะ
https://www.facebook.com/MoviesStalker
[SR] รีวิวหนังเรื่อง Race
หนังมีการ Casting ที่ดีมาก นักแสดงดีและเหมาสมกับบท ดูเรื่องราวเนื้อหาในหนังไปก็ทำให้นึกถึง ยูเซน โบลต์ นักวิ่งชาวเจเมกาที่มีช่วงนึงดังมากๆ เพราะเขาเป็นเจ้าของสถิติโลก แถมได้ไปแข่งโอลิปิกที่เยอรมันเหมือนกันในปี 2009
แม้จะเป็นหนังชีวประวัติและเนื้อหาอาจจะดูเครียดไปนิด แต่จริงๆมันคือหนังที่เล่าเรื่องราวตามจังหวะของหนังทั่วไปเลย ไม่ใช่แนวสารคดีหรืออะไร ซึ่งจะว่าไปแล้วมันคือหนังที่สนุกและดีไปจนถึงมีคุณค่าเลยหละ ที่สำคัญคือส่วนตัวเห็นว่า Race มีประเด็นที่อ่อนไหว ละเอียดอ่อน และน่าสนใจมากๆ แถมยังรวมเหตุการณ์
สำคัญๆทางประวัติโลกไว้ด้วยกัน โดยที่ไม่ยัดเยียดให้คนดูเลย
ทั้งหนังยังมีการตั้งชื่อหนังที่ดีมากๆ ให้ความรู้สึกและให้ความหมายได้ดี เพราะคำว่า “Race” ในที่นี้ นอกจากจะหมายถึง การแข่งขันแล้ว มันยังมีความหมายถึง “ชนชั้น” และ “สีผิว” ซึ่งคือใจความสำคัญหลักของหนังเรื่องนี้ ที่มีประเด็นขัดแย้งกันมากมาย แต่เรื่องของเรื่องก็คือคำว่า “สิทธิมนุษยชน” นั่นเอง ที่ตัวเองในฐานะเป็นมนุษย์ด้วยกันมองว่ามันค่อนนข้างหน้าเศร้านะกับหลายๆเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้น ทำไมคนบางคนถึงมีจิตใจคับแคบเสียเหลือเกิน
ป.ล. นี่เป็นการให้คะแนนจากความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น ซึ่งแต่ละคนมีมุมมอง ความชอบ ความคิด ประสบการณ์ สิ่งที่เจอหรือรู้สึกในช่วงที่ดูหนังเรื่องนั้นๆต่างกัน คะแนนของแต่ละเรื่องมาจากการเปรียบเทียบหนังใน Genre เดียวกัน จึงไม่สามารถไปเปรียบกับคะแนนเรื่องอื่นที่เป็นหนังคนละ Genre ได้ เมื่อคุณไปดูแล้วคุณอาจจะชอบหรือไม่ชอบก็ได้ ไม่มีอะไรถูกหรือผิด ทุกคนไม่จำเป็นต้องมีความคิดเห็นเหมือนกันค่ะ
สามารถอ่าน Review หนังเรื่องอื่นๆได้ที่เพจ Movies Stalker ค่ะ https://www.facebook.com/MoviesStalker