เด็กหนุ่มเพียงคนเดียวที่หักหน้าฮิตเลอร์กลางคนนับหมื่น เจสซี่ โอเว่นส์ ฮีโร่โอลิมปิกตัวจริงใน "RACE ต้องกล้าวิ่ง"
.
ยอดตำนานลมกรดผิวสีสหรัฐฯ กำลังจะกลับมาในเวอร์ชั่นหนังชื่อ ‘Race’ และวันนี้ลุงมีข้อน่ารู้ก่อนไปดูหนังเรื่องนี้มาฝาก
1. หนึ่งในบันทึกหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประวัติศาสตร์กีฬาโอลิมปิกคือ งานแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ปี 1936 ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ภายใต้การนำของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำลัทธินาซี เป็นเจ้าภาพใหญ่ ถือเป็นงานที่จัดได้อย่างเกรียงไกรสมฐานะ เนื่องจากฮิตเลอร์ ต้องการใช้งานนี้เป็นโฆษณาชวนเชื่อเพื่อประกาศศักดาของประเทศเยอรมนี และเป็นการเผยแพร่แนวคิดนาซีต่อสายตาชาวโลก
.
2. ฮิตเลอร์ประกาศก้องว่า ชาวอารยัน (หรือเยอรมัน) นั้นยิ่งใหญ่เหนือชนชาติใดในโลก และการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกนั้นจะเป็นเวทีที่จะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ไม่มีใครสามารถสู้กับชาวเยอรมันได้แน่นอน
.
3. แต่คำอวดอ้างนั้น กลับถูกหักล้างลงอย่างยับเยิน เมื่อนักกรีฑาผิวดำ ตัวแทนจากสหรัฐอเมริกา ที่ชื่อ เจสซี่ โอเว่นส์ สามารถชนะเลิศคว้าเหรียญทองไปได้ถึง 4 รายการ เอาชนะชาวอารยันที่ฮิตเลอร์อ้างว่าไม่มีใครสู้ได้ และที่สำคัญ สร้างความอับอายให้กับผู้นำนาซีเป็นอย่างมาก ท่ามกลางความสะใจของนานาชาติ
4. เจสซี่ โอเว่นส์ เป็นเด็กหนุ่มผิวดำฐานะยากจนจากรัฐโอไฮโอ ที่เติบโตมาอย่างพลเมืองชั้นสองในประเทศตัวเอง แต่ด้วยความสามารถ บวกกับความมุมานะอย่างแรงกล้า โอเว่นส์ได้ผลักดันตัวเองมาถึงสนามแข่งที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างสนามโอลิมปิก
5. รองเท้าที่ใส่วิ่งจนได้เหรียญทองทำโดย ‘อดอล์ฟ แดสส์เลอร์’ ผู้ก่อตั้ง ‘อาดิดาส’ ทำให้ด้วยมือตัวเอง
.
6. ชื่อตอนแจ้งเกิดของเขาคือ เจมส์ เคลฟเวลแลนด์ โอเว่นส์ (James Cleveland Owens) หรือเรียกสั้นๆ ก็ เจ ซี โอเว่นส์ แต่ครูของเขากลับอ่านออกเสียงผิดเป็น เจสซี่ ตอนเขาออกไปแนะนำตัวหน้าห้อง จากนั้นเขาก็ได้ใช้ชื่อนี้มาโดยตลอด
.
7. หลังจากพัฒนาตัวเองมาตั้งแต่ระดับมัธยมในเคลฟเวลแลนด์จนถึงระดับมหาวิทยาลัยที่โอไฮโอ โดยเจสซี่ โอเว่นส์ ถือเป็นคนผิวสีคนแรก ซึ่งได้รับคัดเลือกจากกัปตันทีมวิ่งของโอไฮโอ สเตท บัคอาย จนได้ฉายาว่า ‘กระสุนปืนแห่งบัคอาย’
8. แม้จะเป็นยอดนักวิ่งที่คว้ามาได้ถึง 4 เหรียญทองในโอลิมปิก แต่สมัยนั้น ไม่ได้มีระบบอัดฉีดอู้ฟู่อย่างทุกวันนี้ โดยเจสซี่ โอเว่นส์ ต้องรับจ็อบวิ่งโชว์แข่งกับทั้งหมา, มอเตอร์ไซค์และม้า ในระหว่างพักครึ่งเบสบอลลีก นิโกร ซึ่งเขาสามารถเอาชนะไปได้อย่างเฉียดฉิว เขากล่าวว่า ถึงจะน่าอายที่นักกีฬาต้องมาทำแบบนี้ แต่พวกเหรียญทองที่ได้มา กินได้ที่ไหนกัน
.
9. Race ผลงานกำกับของ สตีเฟ่น ฮอพกินส์ นำชีวิตของเจสซี่ โอเว่นส์มาถ่ายทอด โดยเก็บทุกรายละเอียดที่ยิ่งใหญ่ ทุกแง่มุมที่ชวนขื่นชม และทุกช่วงจังหวะที่น่าประทับใจในชีวิตของวีรบุรุษคนนี้ มาไว้บนจอภาพยนตร์ รวมถึงการจำลองสนามแข่งกีฬาโอลิมปิก ณ กรุงเบอร์ลินในปี 1936 ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
.
ประวัติศาสตร์ถูกปลุกขึ้นมาใหม่จะน่าตื่นตาตื่นใจแค่ไหน 21 เมษายนนี้ ในโรงภาพยนตร์
ตัวอย่างฮะ
https://youtu.be/s6xhll2d7Y4
Cr.
https://www.facebook.com/Universalreviews/photos/a.1582452788706269.1073741829.1582134785404736/1699995900285290/?type=3&theater
เด็กหนุ่มเพียงคนเดียวที่หักหน้าฮิตเลอร์กลางคนนับหมื่น เจสซี่ โอเว่นส์ ฮีโร่โอลิมปิกตัวจริงใน "RACE ต้องกล้าวิ่ง"
เด็กหนุ่มเพียงคนเดียวที่หักหน้าฮิตเลอร์กลางคนนับหมื่น เจสซี่ โอเว่นส์ ฮีโร่โอลิมปิกตัวจริงใน "RACE ต้องกล้าวิ่ง"
.
ยอดตำนานลมกรดผิวสีสหรัฐฯ กำลังจะกลับมาในเวอร์ชั่นหนังชื่อ ‘Race’ และวันนี้ลุงมีข้อน่ารู้ก่อนไปดูหนังเรื่องนี้มาฝาก
1. หนึ่งในบันทึกหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประวัติศาสตร์กีฬาโอลิมปิกคือ งานแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ปี 1936 ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ภายใต้การนำของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำลัทธินาซี เป็นเจ้าภาพใหญ่ ถือเป็นงานที่จัดได้อย่างเกรียงไกรสมฐานะ เนื่องจากฮิตเลอร์ ต้องการใช้งานนี้เป็นโฆษณาชวนเชื่อเพื่อประกาศศักดาของประเทศเยอรมนี และเป็นการเผยแพร่แนวคิดนาซีต่อสายตาชาวโลก
.
2. ฮิตเลอร์ประกาศก้องว่า ชาวอารยัน (หรือเยอรมัน) นั้นยิ่งใหญ่เหนือชนชาติใดในโลก และการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกนั้นจะเป็นเวทีที่จะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ไม่มีใครสามารถสู้กับชาวเยอรมันได้แน่นอน
.
3. แต่คำอวดอ้างนั้น กลับถูกหักล้างลงอย่างยับเยิน เมื่อนักกรีฑาผิวดำ ตัวแทนจากสหรัฐอเมริกา ที่ชื่อ เจสซี่ โอเว่นส์ สามารถชนะเลิศคว้าเหรียญทองไปได้ถึง 4 รายการ เอาชนะชาวอารยันที่ฮิตเลอร์อ้างว่าไม่มีใครสู้ได้ และที่สำคัญ สร้างความอับอายให้กับผู้นำนาซีเป็นอย่างมาก ท่ามกลางความสะใจของนานาชาติ
4. เจสซี่ โอเว่นส์ เป็นเด็กหนุ่มผิวดำฐานะยากจนจากรัฐโอไฮโอ ที่เติบโตมาอย่างพลเมืองชั้นสองในประเทศตัวเอง แต่ด้วยความสามารถ บวกกับความมุมานะอย่างแรงกล้า โอเว่นส์ได้ผลักดันตัวเองมาถึงสนามแข่งที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างสนามโอลิมปิก
5. รองเท้าที่ใส่วิ่งจนได้เหรียญทองทำโดย ‘อดอล์ฟ แดสส์เลอร์’ ผู้ก่อตั้ง ‘อาดิดาส’ ทำให้ด้วยมือตัวเอง
.
6. ชื่อตอนแจ้งเกิดของเขาคือ เจมส์ เคลฟเวลแลนด์ โอเว่นส์ (James Cleveland Owens) หรือเรียกสั้นๆ ก็ เจ ซี โอเว่นส์ แต่ครูของเขากลับอ่านออกเสียงผิดเป็น เจสซี่ ตอนเขาออกไปแนะนำตัวหน้าห้อง จากนั้นเขาก็ได้ใช้ชื่อนี้มาโดยตลอด
.
7. หลังจากพัฒนาตัวเองมาตั้งแต่ระดับมัธยมในเคลฟเวลแลนด์จนถึงระดับมหาวิทยาลัยที่โอไฮโอ โดยเจสซี่ โอเว่นส์ ถือเป็นคนผิวสีคนแรก ซึ่งได้รับคัดเลือกจากกัปตันทีมวิ่งของโอไฮโอ สเตท บัคอาย จนได้ฉายาว่า ‘กระสุนปืนแห่งบัคอาย’
8. แม้จะเป็นยอดนักวิ่งที่คว้ามาได้ถึง 4 เหรียญทองในโอลิมปิก แต่สมัยนั้น ไม่ได้มีระบบอัดฉีดอู้ฟู่อย่างทุกวันนี้ โดยเจสซี่ โอเว่นส์ ต้องรับจ็อบวิ่งโชว์แข่งกับทั้งหมา, มอเตอร์ไซค์และม้า ในระหว่างพักครึ่งเบสบอลลีก นิโกร ซึ่งเขาสามารถเอาชนะไปได้อย่างเฉียดฉิว เขากล่าวว่า ถึงจะน่าอายที่นักกีฬาต้องมาทำแบบนี้ แต่พวกเหรียญทองที่ได้มา กินได้ที่ไหนกัน
.
9. Race ผลงานกำกับของ สตีเฟ่น ฮอพกินส์ นำชีวิตของเจสซี่ โอเว่นส์มาถ่ายทอด โดยเก็บทุกรายละเอียดที่ยิ่งใหญ่ ทุกแง่มุมที่ชวนขื่นชม และทุกช่วงจังหวะที่น่าประทับใจในชีวิตของวีรบุรุษคนนี้ มาไว้บนจอภาพยนตร์ รวมถึงการจำลองสนามแข่งกีฬาโอลิมปิก ณ กรุงเบอร์ลินในปี 1936 ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
.
ประวัติศาสตร์ถูกปลุกขึ้นมาใหม่จะน่าตื่นตาตื่นใจแค่ไหน 21 เมษายนนี้ ในโรงภาพยนตร์
ตัวอย่างฮะ https://youtu.be/s6xhll2d7Y4
Cr.https://www.facebook.com/Universalreviews/photos/a.1582452788706269.1073741829.1582134785404736/1699995900285290/?type=3&theater