อาหารมื้อแรกหลังจากฝ่าฟันรถติด ในกรุงเทพมหานคร อมรรัตรโกสินทร์ มหินทรายุธยา....
ด้วยคอนเซ็ปของเราวันนี้ก็คือ เที่ยวอย่างไรให้เงินหมดน้อยที่สุด (เพื่อให้กลับไปจะได้ไม่ต้องกินมาม่า 555) จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าเราจะนั่งรถไฟฟรีไปกันก่อนนั่นเอง นานๆทีจะได้ชื่นชมบรรยากาศอันแสนสโลไลฟ์เช่นนี้ช่างสุขใจเสียจริงเชียว การนั่งรถไฟที่แสนวิเศษที่ความเร็วรถรวดเร็วปานจรวดพุ่งแบบเครื่องขัดข้องกันเลยทีเดียว แถมยังมีห้องน้ำราวกับโรงแรมหรูสิบดาวที่ร้างมานับสิบปีให้บริการ รู้สึกดีที่ตัดสินใจมานั่งรถไฟแสนน่าประทับใจขนาดนี้ โดยไม่ได้เรื่องเงินเลยสักนิดเดียวจริงจรี๊ง(โปรดกลับไปอ่านบรรทัดแรกใหม่อีกครั้งหนึ่ง)
ห้องน้ำที่ห้ามเข้า เมื่อรถไฟหยุด555++
เมื่อมาถึงกันพร้อมเสร็จสรรพ เราก็ขึ้นไปหาที่นั่งกันรอเวลารถไฟออกจากชาน ชาลาลาลาล่า ชาลาลา อิน เดอะมอร์นิ่ง (วิญญาณปุ๊กกี้เข้าสิงทันใด หลงประเด็นอีกแล้ว) กลับมาที่รถไฟกันต่อและแล้วเสียงที่เรารอคอยก็ดังขึ้น แก๊งๆๆ ปู๊นปู๊นฉึกฉักฉึกฉัก เวลาประมาณ 7.10 น. รถไฟก็ออกวิ่งค่ะ กำลังจะไปหานะ เกาะสีชังจ๋า
มาถึงกันแล้ว สถานีเขาพระบาทนั่นเอง ทันทีที่ก้าวขาลงจากรถไฟก็มีสายลมและแสงแดดเข้ามาปะทะบนใบหน้าให้ความรู้สึกที่เกินจะอธิบายเป็นคำพูดได้ เพราะมันช่าง ช่าง ช่าง ร้อนมากกกกกกก ก.ไก่ ล้านตัวนั่นแหละค่ะ ทั่นผู้โช้มมมมม นอกจากนั้นบรรยากาศโดยรอบยังเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากให้เราได้ถามไถ่ตามรูปเลยค่ะ เต็มไปด้วยความอบอุ่นของผืนหญ้าและป่าเขาลำเนาไพร จอม เสียมแทบจะพร้อมใช้งานได้ทันทีเลยค่ะ
จากนั้นก็เดินไปที่ถนนใหญ่อย่างเงียบเหงาและวังเวง ทันใดนั้นเองเห็นรถสองแถวสีส้มๆวิ่งมาไกลๆค่า และเราก็ยื่นแขนออกมากันเร็วต่อจากนั้นก็โบกโบกโบกสบัดแขนโบกโบกโบกซ้ายโบกโบกโบกขวาโบกโบ๊กโบก โบกโบกโบกโบ๊กโบ๊กโบกโบก โบกโบกโบกโบ๊กโบ๊กโบกโบก ลาลาลาลั๊ลลาลั๊ลลาลาลา ลาลาลาลั๊ลลาลั๊ลลาลาลา (เพลง : โบก อย่าลืมคิดทำนองตามด้วยนะคะ(ใส่อีโมขยิบตาข้างเดียว))
สอบถามทางไปท่าเรือเกาะลอยเพื่อข้ามฝั่งไปยังเกาะสีชัง ซึ่งคุณลุงคนขับรถก็ใจดีมากๆเลยค่ะ บอกให้ขึ้นรถเลยเดี๋ยวไปส่ง ซึ่งคิดค่าโดยสารคนละ 20 บาทเท่านั้นเองค่า ส่งถึงที่แบบว่าแทบจะขับขึ้นไปส่งบนเรือกันเลยทีเดียว เราก็รีบวิ่งไปซื้อตั๋วเรือจุดหมายคือเกาะสีชัง มีค่าโดยสารคนละ 50 บาทค่ะ
เรือจะออกจากฝั่งก็เวลาประมาณ 11.00 น. ค่ะ ซึ่งเวลาที่เรามาถึงยังเกาะลอยนี้ก็ประมาณ 10.30 น. ตกลงกันได้ว่าขึ้นไปนั่งรอบนเรือเลยละกัน จะได้มีที่นั่งให้นั่งด้วยกัน ซี่งทางลงแอบชันเบาๆแถมลงมาหน้ายังเกือบทิ่มแตงกวาที่แม่ค้าขนขึ้นเรือเพื่อไปขายบนเกาะอีกต่างหาก
แต่บนเรือก็ไม่ใช่จะน่าเบื่อนะคะ เพราะว่าเรามีอาหารตาให้ชมกันค่า บอกเลยว่า ขาวๆล่ำๆทั้งน้านนนนผู้โดยสารที่ขึ้นมาบนเรือก็จะมีทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติแต่ก็จะมีน้อยกว่าคนไทยนะคะ ถึงแม้ว่าจะน้อยแต่ก็ทำให้ชุ่มชื่นหัวใจได้บ้างนะเออ อิอิ
ระหว่างนั่งส่องหนุ่มหล่ออยู่บนเรือเพื่อตารางเวลาเดินเรือ ก็มีคนทยอยเดินลงมาบนเรือนี้จำนวนไม่น้อยแสดงให้เห็นว่าเกาะสีชังก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คนนิยมอยู่พอสมควร ถึงแม้ว่าวันนี้จะเป็นวันธรรมดาที่ไม่ใช่วันหยุดหรือหน้าเทศกาลใดๆ ก็ตาม
อากาศในวันนี้ค่อนข้างร้อนอบอ้าวเลยทีเดียว นั่งมองอยู่บนเรือก็เห็นชาวบ้านละแวกนั้นออกมานั่งตกปลาบนสะพานเชื่อมเกาะลอย โดยไม่เกรงกลัวแสงยูวีของประเทศไทยที่คาดการณ์ว่าแม้จะทาครีมกันแดด SPF 1000+++ ก็ยังไม่สามารถต้านทานความแข็งแกร่งของแสงอาทิตย์ได้เลย
กลิ่นอายของลมทะเลโชยมาแตะจมูกผสมกับไอร้อนของแสงแดดทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย ราวกับรับรู้ว่ามันคือการได้มาพักผ่อนหลังจากตรากตรำจากงานการทั้งหลายมาเป็นเวลานาน ฝูงนกบินผ่านไปให้ความรู้สึกถึงการเป็นอิสระ และพวกเราก็กำลังจะปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระจากเรื่องราวทั้งหลาย แล้วไปสัมผัสกับความสุขและความสนุกที่รออยู่เบื้องหน้า...บนเกาะสีชัง
และแล้วคนขับเรือก็กดส่งสัญญาณหวูดเรือเพื่อเป็นนิมิตรหมายอันดีว่า เรากำลังจะได้ออกเดินทางกันแล้ว เงยหน้ามองไปด้านบนก็เห็นกับเสื้อชูชีพจำนวนมากแต่ก็ไม่เห็นมีใครสนใจจะหยิบลงมาใส่ เพื่อความปลอดภัยของตนเองเลยสักคน ระหว่างทางก็เห็นเรือบรรทุกสินค้าทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ทิ้งสมออยู่ตลอดเส้นทางไปเกาะสีชังเป็นจำนวนมาก
หอคอยบนเกาะสีชังตั้งเด่นเป็นสง่าให้เราเห็นกันมาแต่ไกลก่อนที่จะถึงเกาะเป็นสัญลักษณ์ว่าเราใกล้จะถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ใช้เวลาอีกไม่นานนักเรือก็เข้าเทียบท่าให้ผู้โดยสารได้ลงไปยังขาลงว่าลำบากแล้วขาขึ้นลำบากกว่าค่า เพราะแม้แต่บันไดชันๆก็ยังไม่มีให้เราได้ขึ้น ต้องพึ่งพาขาอันเรียวยาวขาวผ่องเป็นยองใยของตัวเองกันเท่านั้น แถมจะก้าวแต่ละทีเรือก็โคลงเคลง กว่าจะได้ข้ามก็เกือบเป็นคนสุดท้ายของเรือไปเสียแล้ว
ทันทีที่ก้าวลงจากเรือบรรยากาศบริเวณท่าเรือเต็มไปด้วยความสับสนอลหม่านแลดูวุ่นวายเป็นอย่างมาก เพราะเสียงของผู้ให้บริการทั้งรถสามล้อสกายแลปและรถมอเตอร์ไซค์ให้เช่าต่างก็ตะโกนเรียกหาลูกค้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ทำให้คำถามหนึ่งผุดขึ้นมาอยู่ในใจว่า นี่หรือคือความเงียบสงบอันเลื่องชื่อของเกาะสีชังที่เราตามหา
หลังจากที่ผิดหวังกับความวุ่นวายที่ไม่ต่างอะไรกับเมืองกรุงเลยสักนิด ก็ต้องทำใจยอมรับและมองหารถที่จะมารับเราไปยังบ้านพัก เพราะว่าได้ติดต่อกับทางห้องพักไว้เรียบร้อยแล้ว เจอรถเป้าหมายก็กระโดดเข้าใส่กันเลยค่า... ณ อากาศตอนนี้ร้อนมากกันจนแทบละลายแล้ว
[CR] HUG JUNG ณ เกาะสีชัง
หากปราศจากวิชา GEN441 วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ที่ถือว่าเป็นจุดกำเนิดของเรื่องราวดีๆในครั้งนี้เลยก็ว่าได้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น