สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
เอาเรื่อง IPv4 กับ IPv6 ก่อนนะ
- IPv4 เป็นระบบ 32 Bit สามารถสร้าง Pubic IP Address ได้ 2^32 = 4,294,967,296 ซึ่งในปัจจุบัน ใช้เต็มไปเรียบร้อย
- IPv6 เป็นระบบ 128 Bit สามารถสร้าง Pubic IP Address ได้ 2^128 = 340,282,366,920,938,000,000,000,000,000,000,000,000
(อัตราส่วนของโลก IPv4 อยู่ที่ 98% และ IPv6 อยู่ที่ 2% อ้างอิง Express VPN)
กลับมาที่ประเด็นเรื่อง AIS
- Private IP หรือ ไอพีส่วนตัวภายในองค์กร อธิบายง่ายๆคือ ผู้ให้บริการนำ Pubic IP มาจัดสรรต่อให้กับผู้ใช้บริการอีกทอดนึง
เพื่อลดต้นทุนด้านการจดทะเบียน Pubic IP และแก้ปัญหา IP ไม่เพียงพอ โดยมักจะขึ้นต้นด้วย 10., 172., 192.
ข้อเสียคือ เครื่องของเรามองเห็นผู้อื่น แต่ผู้อื่นกลับมองไม่เห็นเรา(เพราะเสมือนเราอยู่ในวงอินเตอร์เน็ตอีกวงนึง แยกออกมา)
ผู้ให้บริการเลยแก้ปัญหาโดยจะ Forward Port ให้บาง Port เท่านั้น เช่น 80(HTTP), 443(HTTPS), 8292(DNS)
ที่เหลืออาจไม่สามารถใช้งานได้ เช่น ดูกล้องวงจรปิด, รับ-ส่งไฟล์ระยะไกล, โหลดบิด, เกมบางชนิดที่ต้องเปิด Port
- Public IP หรือ ไอพีสาธารณะ อธิบายง่ายๆคือ ผู้ให้บริการจัดสรร IP จริงๆ ตามข้อกำหนด InterNIC มาให้เรา
เครื่องของเรามองเห็นผู้อื่น และเครื่องของคนอื่นก็มองเห็นเรา เพราะเสมือนเรามีที่อยู่จริงๆ ที่คนอื่นมองเห็นได้
แต่ข้อเสียจะตกอยู่ที่ผู้ให้บริการ คือ มี IP ไม่เพียงพอที่จะจัดสรร ต้นทุนในการบริหาร และต้นทุนในการจดทะเบียน IP สูงขึ้น
สรุป 3 บรรทัด
- ผู้ใช้งานตามปรกติ เล่นเฟส ดูยูทูป ส่งไลน์ ไม่ต้องแคร์ว่าจะได้ Private IP หรือ Public IP เพราะใช้งานพื้นฐานได้ทั้งคู่
- ผู้ใช้งานที่ต้องการเข้าถึงการใช้งานบางประเภท (ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มผู้ที่ต้องการดูกล้องวงจรปิด, โหลดบิด, รับ-ส่งไฟล์ระยะไกล)
อันนี้ต้องแคร์ครับ เพราะอาจใช้ประเภทนี้งานไม่ได้ อาจจะต้องโทรไปร้องขอให้ได้ Public IP หรือซื้อ Package เพิ่ม
- IPv4 เป็นระบบ 32 Bit สามารถสร้าง Pubic IP Address ได้ 2^32 = 4,294,967,296 ซึ่งในปัจจุบัน ใช้เต็มไปเรียบร้อย
- IPv6 เป็นระบบ 128 Bit สามารถสร้าง Pubic IP Address ได้ 2^128 = 340,282,366,920,938,000,000,000,000,000,000,000,000
(อัตราส่วนของโลก IPv4 อยู่ที่ 98% และ IPv6 อยู่ที่ 2% อ้างอิง Express VPN)
กลับมาที่ประเด็นเรื่อง AIS
- Private IP หรือ ไอพีส่วนตัวภายในองค์กร อธิบายง่ายๆคือ ผู้ให้บริการนำ Pubic IP มาจัดสรรต่อให้กับผู้ใช้บริการอีกทอดนึง
เพื่อลดต้นทุนด้านการจดทะเบียน Pubic IP และแก้ปัญหา IP ไม่เพียงพอ โดยมักจะขึ้นต้นด้วย 10., 172., 192.
ข้อเสียคือ เครื่องของเรามองเห็นผู้อื่น แต่ผู้อื่นกลับมองไม่เห็นเรา(เพราะเสมือนเราอยู่ในวงอินเตอร์เน็ตอีกวงนึง แยกออกมา)
ผู้ให้บริการเลยแก้ปัญหาโดยจะ Forward Port ให้บาง Port เท่านั้น เช่น 80(HTTP), 443(HTTPS), 8292(DNS)
ที่เหลืออาจไม่สามารถใช้งานได้ เช่น ดูกล้องวงจรปิด, รับ-ส่งไฟล์ระยะไกล, โหลดบิด, เกมบางชนิดที่ต้องเปิด Port
- Public IP หรือ ไอพีสาธารณะ อธิบายง่ายๆคือ ผู้ให้บริการจัดสรร IP จริงๆ ตามข้อกำหนด InterNIC มาให้เรา
เครื่องของเรามองเห็นผู้อื่น และเครื่องของคนอื่นก็มองเห็นเรา เพราะเสมือนเรามีที่อยู่จริงๆ ที่คนอื่นมองเห็นได้
แต่ข้อเสียจะตกอยู่ที่ผู้ให้บริการ คือ มี IP ไม่เพียงพอที่จะจัดสรร ต้นทุนในการบริหาร และต้นทุนในการจดทะเบียน IP สูงขึ้น
สรุป 3 บรรทัด
- ผู้ใช้งานตามปรกติ เล่นเฟส ดูยูทูป ส่งไลน์ ไม่ต้องแคร์ว่าจะได้ Private IP หรือ Public IP เพราะใช้งานพื้นฐานได้ทั้งคู่
- ผู้ใช้งานที่ต้องการเข้าถึงการใช้งานบางประเภท (ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มผู้ที่ต้องการดูกล้องวงจรปิด, โหลดบิด, รับ-ส่งไฟล์ระยะไกล)
อันนี้ต้องแคร์ครับ เพราะอาจใช้ประเภทนี้งานไม่ได้ อาจจะต้องโทรไปร้องขอให้ได้ Public IP หรือซื้อ Package เพิ่ม
แสดงความคิดเห็น
AIS Fibre กับ IPV 6 คือ ยังไงหรอค่ะ อธิบายให้เข้าใจที
จะได้ iPV6 หรอคะ ตอนนี้ ที่ใช้ยัง iPV4 อยู่
แล้วจะใช้ได้ยังไง สมัครที่ว่า แล้วใช้อยู่ค่ะ อธิบายให้เข้าใจที
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ