สวัสดีค่ะ ตอนนี้กลายเป็นจำเลยไปแล้วค่ะ ขอเล่าเรื่องราวเลยนะคะ
เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เราไปกู้เงินกับแบงค์ โดยจับคู่ค้ำกันกับพี่ที่ทำงานด้วยกัน (ข้าราชการ) โดยพี่เค้ากู้ 1ล้านบาท เรากู้ 5แสนบาทค่ะ และทำประกันวงเงินกับบริษัทประกันภัยไปด้วย จากนั้นเมื่อปลายเดือนกันยายน 2556 (ในปีเดียวกันที่ทำสัญญากู้) พี่เค้าเสียชีวิตค่ะ โดยสาเหตุคือเป็นมะเร็ง จากนั้นบริษัทประกันได้ดำเนินการตรวจสอบหาจนพบว่า พี่เค้าได้มีการรักษาก่อนหน้าที่จะมาเซ็นสัญญากู้เงินค่ะ (ไม่รู้ว่าการรักษามะเร็งหรือเปล่าไม่แน่ใจนะคะ แต่รุ้ว่าก่อนนี้พี่เค้าไปผ่าตัดเนื้องอกอ่ะค่ะ) แต่เราไม่รู้อ่ะค่ะว่าพี่เค้าเป็นมะเร็ง ทราบแค่ว่าแกไม่สบาย ไอบ่อย ๆ ผลก็คือประกันไม่จ่ายค่าชดเชยให้ค่ะ ต่อจากนั้นสามีพี่เค้าก็ไม่ได้จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ต่อ ทำให้ธนาคารฟ้องเราและทางสามีพี่เค้าค่ะ ก่อนขึ้นศาลจะมีทนายของธนาคารมาเจรจา เพื่อตกลงยอมความ เรากับสามีพี่เค้าก็ตกลงยอมความกับเขา (คือเราไม่รู้อะไรเลยอ่ะค่ะ ครั้งแรกในชีวิตที่ต้องขึ้นศาล) จากนั้นศาลก็มีคำพิพากษา ให้สามีพี่เค้าเป็นผู้รับมรดกของผู้ตาย เราเป็นจำเลยที่ 2 โดยหากจ่ายดอกเบี้ยไม่ตรงหรือไม่จ่าย ก็สามารถยึดทรัพย์มรดกของผู้ตายที่สามีรับมอบมา และยึดทรัพย์จำเลยที่ 2 ค่ะ
หลังจากนั้น ผ่านมา 2 ปี สามีผู้ตายเริ่มจ่ายดอกเบี้ยไม่ไหว เพราะเพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้ขาดส่งเป็นจำนวน 4 งวด ซึ่งช่วงนั้นเราที่เป็นผู้ค้ำไม่ได้รับหนังสือแจ้งเตือนจากธนาคารเลยสักฉบับ ทำให้ไม่รู้ว่าทางสามีผู้ตายไม่จ่ายดอกเบี้ย (เพราะเรากับสามีพี่เค้าไม่ได้สนิทกัน อยู่คนละอำเภอ ไม่ได้ติดต่อกันเลยค่ะ และเราก็ย้ายที่ทำงานด้วยค่ะ) และแล้วก็มีหมายจากบังคับคดีมาปิดที่หน้าบ้านเรา โดยประกาศยึดทรัพย์ตามระเบียบค่ะ เราตกใจมาก รีบโทรไปหาสามีพี่เค้า เค้าก็อ้างไปเรื่อยค่ะ การฟ้องครั้งนี้เราโดนก่อนที่จะมีพรบ.คุ้มครองประกาศใช้นะคะ (บ้านเราตอนนี้กู้ผ่อนกับ ธอส.อยู่ค่ะ)
ต่อไปนี้เป็นคำถามนะคะ ซึ่งเราไม่รู้จะปรึกษาใครที่มีความรู้หรือเคยประสบปัญหานี้
1. อยากทราบว่ามีหน่วยงานไหนพอจะช่วยผู้ค้ำได้บ้างไหมคะ เพราะตอนเซ็นเงินกู้เราไม่ทราบว่าพี่เค้าเป็นมะเร็ง ถ้าทราบว่าเป็น เราคงไม่ค้ำให้นะคะ
2. บริษัทประกันไม่ตรวจสุขภาพผู้กู้ก่อน หวังแต่จะเอาลูกค้าหรือเปล่าคะ เพราะวงเงินตั้ง 1ล้านบาท เราไปร้องเรียนได้ที่ไหนไหมคะ เพราะตอนนี้เราโดนคนเดียวค่ะ
3. พอจะร้องขอความเป็นธรรมจากใครได้บ้างไหมคะ เราต้องรับผิดชอบหนี้เรา 5 แสนแล้ว เราต้องรับผิดชอบหนี้อีก 1ล้าน บาท ซึ่งมันเยอะมากค่ะ ทั้งที่สามีเค้าก็มีงานทำตำแหน่งหัวหน้างานในโรงงาน มีเงินเดือนเหลือมากกว่าเราอีก
4. พอรู้มาว่าสามีมีบ้านที่กู้สร้างบ้านกับ ธอส. โดยแม่ของผู้ตายโอนที่ดินให้ผู้ตาย และผู้ตายโอนให้สามี สามีนำไปกู้เพื่อสร้างบ้าน แต่ทำไมบ้านหลังนี้ไม่โดนยึดทรัพย์คะ เพราะตอนกู้สร้างบ้านเขาจดทะเบียนสมรสกันแล้วค่ะ
5. ในการกู้เงินต่าง ๆ ตอนเซ็นสัญญากู้ของสามีหรือภรรยา โดยสามีหรือภรรยามาเซ็นต์ยินยอมในสัญญากู้ด้วย มันหมายถึงทั้งสามีภรรยาต้องยินยอมรับหนี้ของสามีหรือภรรยาด้วยหรือเปล่าคะ หรือแค่มารับรู้เฉย ๆ (เราเข้าใจว่าสามีภรรยาเป็นบุคคลๆเดียวกัน)
ธนาคารบอกว่าต้องฟ้องคนค้ำคนแรก ถ้าเป็นแบบนี้เราก็แย่สิคะ เราอยู่กับลูกแค่สองคน ดูแลกันเอง เงินเดือนก็พอบ้างไม่พอบ้าง แต่ไม่เคยบกพร่องในการชำระหนี้ของตัวเองเลย แต่ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ เราเคลียดมาก ๆ เลยค่ะ จะฟ้องเราล้มละลายด้วย
ท่านใดเคยมีประสบการณ์หรือมีความรู้ รบกวนช่วยแชร์หน่อยนะคะ ขอบพระคุณมาก ๆ ค่ะ
เครียดมากค่ะ ขอคำปรึกษาท่านผู้รู้ค่ะ เรื่องการโดนยึดทรัพย์ในฐานะเป็นผู้ค้ำประกัน
เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เราไปกู้เงินกับแบงค์ โดยจับคู่ค้ำกันกับพี่ที่ทำงานด้วยกัน (ข้าราชการ) โดยพี่เค้ากู้ 1ล้านบาท เรากู้ 5แสนบาทค่ะ และทำประกันวงเงินกับบริษัทประกันภัยไปด้วย จากนั้นเมื่อปลายเดือนกันยายน 2556 (ในปีเดียวกันที่ทำสัญญากู้) พี่เค้าเสียชีวิตค่ะ โดยสาเหตุคือเป็นมะเร็ง จากนั้นบริษัทประกันได้ดำเนินการตรวจสอบหาจนพบว่า พี่เค้าได้มีการรักษาก่อนหน้าที่จะมาเซ็นสัญญากู้เงินค่ะ (ไม่รู้ว่าการรักษามะเร็งหรือเปล่าไม่แน่ใจนะคะ แต่รุ้ว่าก่อนนี้พี่เค้าไปผ่าตัดเนื้องอกอ่ะค่ะ) แต่เราไม่รู้อ่ะค่ะว่าพี่เค้าเป็นมะเร็ง ทราบแค่ว่าแกไม่สบาย ไอบ่อย ๆ ผลก็คือประกันไม่จ่ายค่าชดเชยให้ค่ะ ต่อจากนั้นสามีพี่เค้าก็ไม่ได้จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ต่อ ทำให้ธนาคารฟ้องเราและทางสามีพี่เค้าค่ะ ก่อนขึ้นศาลจะมีทนายของธนาคารมาเจรจา เพื่อตกลงยอมความ เรากับสามีพี่เค้าก็ตกลงยอมความกับเขา (คือเราไม่รู้อะไรเลยอ่ะค่ะ ครั้งแรกในชีวิตที่ต้องขึ้นศาล) จากนั้นศาลก็มีคำพิพากษา ให้สามีพี่เค้าเป็นผู้รับมรดกของผู้ตาย เราเป็นจำเลยที่ 2 โดยหากจ่ายดอกเบี้ยไม่ตรงหรือไม่จ่าย ก็สามารถยึดทรัพย์มรดกของผู้ตายที่สามีรับมอบมา และยึดทรัพย์จำเลยที่ 2 ค่ะ
หลังจากนั้น ผ่านมา 2 ปี สามีผู้ตายเริ่มจ่ายดอกเบี้ยไม่ไหว เพราะเพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้ขาดส่งเป็นจำนวน 4 งวด ซึ่งช่วงนั้นเราที่เป็นผู้ค้ำไม่ได้รับหนังสือแจ้งเตือนจากธนาคารเลยสักฉบับ ทำให้ไม่รู้ว่าทางสามีผู้ตายไม่จ่ายดอกเบี้ย (เพราะเรากับสามีพี่เค้าไม่ได้สนิทกัน อยู่คนละอำเภอ ไม่ได้ติดต่อกันเลยค่ะ และเราก็ย้ายที่ทำงานด้วยค่ะ) และแล้วก็มีหมายจากบังคับคดีมาปิดที่หน้าบ้านเรา โดยประกาศยึดทรัพย์ตามระเบียบค่ะ เราตกใจมาก รีบโทรไปหาสามีพี่เค้า เค้าก็อ้างไปเรื่อยค่ะ การฟ้องครั้งนี้เราโดนก่อนที่จะมีพรบ.คุ้มครองประกาศใช้นะคะ (บ้านเราตอนนี้กู้ผ่อนกับ ธอส.อยู่ค่ะ)
ต่อไปนี้เป็นคำถามนะคะ ซึ่งเราไม่รู้จะปรึกษาใครที่มีความรู้หรือเคยประสบปัญหานี้
1. อยากทราบว่ามีหน่วยงานไหนพอจะช่วยผู้ค้ำได้บ้างไหมคะ เพราะตอนเซ็นเงินกู้เราไม่ทราบว่าพี่เค้าเป็นมะเร็ง ถ้าทราบว่าเป็น เราคงไม่ค้ำให้นะคะ
2. บริษัทประกันไม่ตรวจสุขภาพผู้กู้ก่อน หวังแต่จะเอาลูกค้าหรือเปล่าคะ เพราะวงเงินตั้ง 1ล้านบาท เราไปร้องเรียนได้ที่ไหนไหมคะ เพราะตอนนี้เราโดนคนเดียวค่ะ
3. พอจะร้องขอความเป็นธรรมจากใครได้บ้างไหมคะ เราต้องรับผิดชอบหนี้เรา 5 แสนแล้ว เราต้องรับผิดชอบหนี้อีก 1ล้าน บาท ซึ่งมันเยอะมากค่ะ ทั้งที่สามีเค้าก็มีงานทำตำแหน่งหัวหน้างานในโรงงาน มีเงินเดือนเหลือมากกว่าเราอีก
4. พอรู้มาว่าสามีมีบ้านที่กู้สร้างบ้านกับ ธอส. โดยแม่ของผู้ตายโอนที่ดินให้ผู้ตาย และผู้ตายโอนให้สามี สามีนำไปกู้เพื่อสร้างบ้าน แต่ทำไมบ้านหลังนี้ไม่โดนยึดทรัพย์คะ เพราะตอนกู้สร้างบ้านเขาจดทะเบียนสมรสกันแล้วค่ะ
5. ในการกู้เงินต่าง ๆ ตอนเซ็นสัญญากู้ของสามีหรือภรรยา โดยสามีหรือภรรยามาเซ็นต์ยินยอมในสัญญากู้ด้วย มันหมายถึงทั้งสามีภรรยาต้องยินยอมรับหนี้ของสามีหรือภรรยาด้วยหรือเปล่าคะ หรือแค่มารับรู้เฉย ๆ (เราเข้าใจว่าสามีภรรยาเป็นบุคคลๆเดียวกัน)
ธนาคารบอกว่าต้องฟ้องคนค้ำคนแรก ถ้าเป็นแบบนี้เราก็แย่สิคะ เราอยู่กับลูกแค่สองคน ดูแลกันเอง เงินเดือนก็พอบ้างไม่พอบ้าง แต่ไม่เคยบกพร่องในการชำระหนี้ของตัวเองเลย แต่ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ เราเคลียดมาก ๆ เลยค่ะ จะฟ้องเราล้มละลายด้วย
ท่านใดเคยมีประสบการณ์หรือมีความรู้ รบกวนช่วยแชร์หน่อยนะคะ ขอบพระคุณมาก ๆ ค่ะ