วันนี้คุณเบื่อการโดน Cache Speedtest ของ Speedtest ยอดนิยม อยู่ใช่ไหม เราขอแนะนำ nperf (
https://www.nperf.com)
การทดสอบจะแบ่งออกเป็น 2 แบบทดสอบ ผ่าน Application บน Android, iOS และ Windows Phone และผ่านหน้า Web Browser (คือเปิด IE, Edge, Chrome หรือ Firefox แล้ว พิมพ์ www.nperf.com) งั้นเรามาดูรายละเอียดการทดสอบกัน
ในการทดสอบผ่าน Application บน Android และ IOS นั้นจะแบ่งเป็นหัวข้อการทดสอบดังนี้ ส่วนการทดสอบผ่าน Web Browser จะมีแค่ทดสอบในแบบ แรก คือพื้นฐานทั่วๆไป Download, Upload, Latency จบ)
ทดสอบแรกก็แบบพื้นๆที่ พวกเว็บทดสอบทั่วไปนิยมใช้กันแพร่หลาย ก็มี อันนี้มีทั้งใน Application และทดสอบผ่าน WWW บน PC Browser (คือการเปิด Firefox, Chrome, Edge แล้วพิมพ์ URL
1. ทดสอบความเร็ว Download
ตรงนี้คนเข้าใจกันคลาดเคลือนมากๆ คือหน่วยของมัน b, Kb,Mb, อันนี้เป็นหน่วยของความเร็วย่อมาจาก K= Kilo, b (บีตัวเล็ก) = bit) ค่านี้แหละที่แสดงใน Package 3G/4G เช่น ใช้ได้ความเร็วสูงสุด 42 Mbps หรือ 100 Mbps จำไว้ให้แม่น บีตัวเล็กคือ bit
2. ทดสอบความเร็ว Upload
3. Latency ทดสอบช่วงเวลา (หน่วงเวลา) การตอบสนองระหว่างมือถือของเรากับ Server ที่ให้บริการนั้นๆ หรือที่เราเรียกว่า Latency ค่านี้ยิ่งน้อยยิงดีนะ ยิ่งมากยิ่งแย่คือ อารมณ์ประมาณว่า ข้อมูลมัน Slow life ระหว่างทาง เช่น มีคนใช้งาน ที่เดียวกัน 2 คน แต่คนละเครือข่าย แต่เพื่อนอีกคนเปิดหน้าเว็บ เสร็จละ เรายังเป็นหน้าขาวๆ อยู่เลย แบบนี้ตัว Latency จะสูงมาก (จริงๆมีปัจจัยอื่นๆอีก ยกตัวอย่างประมาณนี้ก่อนละกัน)
ตัวอย่างผลทดสอบแรก ตามรูปนี้เลยครับ
ตามมาด้วยทดสอบที่สอง
ทดสอบเปิดเว็บ... โดยใน Application จะใช้ เว็บของ www.google.co.th, www.facebook.com, www.ppantip.com, www.wikipedia.org และจบด้วย www.yahoo.com ในการทดสอบเปิดหน้าเว็บ (Web Page Load Time) และดูว่าใช้เวลาเปิดหน้าเว็บนานขนาดไหน คิดเป็น วินาที พร้อมแสดงขนาดหน้าเว็บที่ โหลดว่าขนาดกี่ Byte เพื่อนำมาให้คะแนน
ค่าที่ได้จากการทดสอบ
1. Time ตัวนี้ยิ่งน้อยยิ่งดีนะ ยิ่งมากยิ่งห่วย หรือเรียกว่า Internet โคตรช้า
2. Wight คือ Data ที่เราเสียไปใน Package 3G/4G ว่า กี่ KB หรือ GB
ตัวอย่างผลทดสอบที่สอง ตามรูปนี้ด้านล่างนี้เลย
ยังครับยังยังไม่หมดแค่ มีการทดสอบที่ สาม
ทดสอบเล่น Video ทดสอบเปิด Youtube กันไปเลยให้รู้ๆกันไปว่าใช้เวลานานไหมในการเปิด โดยจะแบ่งความละเอียดของ Video ที่ทดสอบเป็นดังนี้
1. ความละเอียด 240p (หยาบๆหน่อยไม่ค่อยนิดยมกัน จะนิยมโดยอัตโนมัติตอนติด FUP ฮๆา ก็มันปรับให้เอง)
2. ถักมาก็ ทดสอบที่ความละเอียด 360p (อันนี้ผู้ใช้อย่างเราก็นิยมใช้กัน ไม่ใช่เพราะอยากใช้ แต่มันติด FUP เลยต้องใช้ไปโดยปริยาย แอปมันปรับให้เอง ปรับความคมชัด หรือเรียกว่าความละเอียดเพิ่ม ก็จะกระตุก ดูแล้วสะดุด เสียรมณ์ ดูนางร้ายโดยตบ)
3. ทดสอบความละเอียดแบบความละเอียดสูงกว่าทีวีปกติ หรือที่เรียกกันว่า SD แต่นี่เรามาทดสอบกับแบบ HD ที่ความคมชัดหรือความละเอียดที่ 720p กันให้รู้กันไปว่า 3G/4G ที่เราใช้ มันดูไหวไหม
อ่อลืมบอกไปว่า รายละเอียดที่ได้ในการทดสอบนี้คือ
1. Intial Loading เวลาเรากดดู Video ครั้งแรก เราต้องรอนานขนาดไหน กว่า Video จะเล่นให้เราดู
2. Buffering Total Time ที่ต้องใช้ในการเล่น Video ถ้า Internet เราช้า หรือไม่เสถียร เวลาเราดู Video มันจะโหลดมาเก็บไว้ก่อนช่วงสั้นๆ เพื่อให้เราดูไม่สะดุด ตรงนี้ ไม่มีค่านี้แสดง คือดีมาก แต่ถ้ามีตัวเลขนี้ยิ่งมาก คือยิ่งห่วย
3. Data Used ก็แสดงให้เห็นว่า ทดสอบเนี่ย เราเสีย Data 3G/4G หรือ WiFI ไปเท่าไหร่ กี่ KB หรือ MB
ตัวอย่างก็ตามรูปนี้เลยจ้า
ผลทดสอบโดยรวมก็จะออกมาตามรูปนี้เลย อ่อมันแสดง ผู้ให้บริการที่เราใช้ และ Technology ที่เราใช้ด้วยนะ
ทีนี้พอเราทดสอบกันเสร็จ หลายๆคนก็อยากรู้ว่า เอ่ะ เครือข่ายอื่นที่เราไม่ได้ใช้เป็นยังไง นี่เลยครับ กดปุ่ม Compare สะจะได้เทียบกันไปเลย ใครชอบใช้ Program benchmark ก็จะคุ้นๆกับการเทียบแบบนี้
ของแถมที่ได้มาจาก App นี้ จะเรียกว่าแถมก็ไม่ถูก ต้องบอกว่า พอมีผู้ใช้หลายๆ คนช่วยทดสอบ ตัว App ก็จะเก็บข้อมูล และแสดงบนแผนที่ว่า บริเวณไหน ความเร็วดีไม่ดียังไง อ่อ มันแยกเป็น 2G / 3G / 4G และ 4G+ ด้วยนะ
ตัวอย่าง Coverage and Speed Maps
สุดท้ายตัวอย่างการทดสอบบน PC ผ่าน Browser (Chrome)
หาโหลดได้ที่ ไหน ก็ ตามด้านล่างนี้เลย ใช้ดีไม่ดียังไง comment กันเลยให้ผู้ใช้หลายๆท่าน ไม่โดน Operator หลอกด้วยการ speedtest ได้สูงๆ แต่ใช้งานจริงๆช้า
Android
http://android.nperf.com/?s=com.mobapp.bottom
iOS
http://ios.nperf.com/?s=com.mobapp.bottom
Windows Phone
http://wp.nperf.com/?s=com.mobapp.bottom
จบแล้วครับ ลองใช้กันดูนะครับ ผมเห็นว่ามันดี เลยอยากเล่าสู่กันฟัง
[CR] มาดู App ทดสอบความเร็ว Internet ที่เป็นมากกว่า Speedtest ที่น่าใช้มากขึ้น
การทดสอบจะแบ่งออกเป็น 2 แบบทดสอบ ผ่าน Application บน Android, iOS และ Windows Phone และผ่านหน้า Web Browser (คือเปิด IE, Edge, Chrome หรือ Firefox แล้ว พิมพ์ www.nperf.com) งั้นเรามาดูรายละเอียดการทดสอบกัน
ในการทดสอบผ่าน Application บน Android และ IOS นั้นจะแบ่งเป็นหัวข้อการทดสอบดังนี้ ส่วนการทดสอบผ่าน Web Browser จะมีแค่ทดสอบในแบบ แรก คือพื้นฐานทั่วๆไป Download, Upload, Latency จบ)
ทดสอบแรกก็แบบพื้นๆที่ พวกเว็บทดสอบทั่วไปนิยมใช้กันแพร่หลาย ก็มี อันนี้มีทั้งใน Application และทดสอบผ่าน WWW บน PC Browser (คือการเปิด Firefox, Chrome, Edge แล้วพิมพ์ URL
1. ทดสอบความเร็ว Download ตรงนี้คนเข้าใจกันคลาดเคลือนมากๆ คือหน่วยของมัน b, Kb,Mb, อันนี้เป็นหน่วยของความเร็วย่อมาจาก K= Kilo, b (บีตัวเล็ก) = bit) ค่านี้แหละที่แสดงใน Package 3G/4G เช่น ใช้ได้ความเร็วสูงสุด 42 Mbps หรือ 100 Mbps จำไว้ให้แม่น บีตัวเล็กคือ bit
2. ทดสอบความเร็ว Upload
3. Latency ทดสอบช่วงเวลา (หน่วงเวลา) การตอบสนองระหว่างมือถือของเรากับ Server ที่ให้บริการนั้นๆ หรือที่เราเรียกว่า Latency ค่านี้ยิ่งน้อยยิงดีนะ ยิ่งมากยิ่งแย่คือ อารมณ์ประมาณว่า ข้อมูลมัน Slow life ระหว่างทาง เช่น มีคนใช้งาน ที่เดียวกัน 2 คน แต่คนละเครือข่าย แต่เพื่อนอีกคนเปิดหน้าเว็บ เสร็จละ เรายังเป็นหน้าขาวๆ อยู่เลย แบบนี้ตัว Latency จะสูงมาก (จริงๆมีปัจจัยอื่นๆอีก ยกตัวอย่างประมาณนี้ก่อนละกัน)
ตัวอย่างผลทดสอบแรก ตามรูปนี้เลยครับ
ตามมาด้วยทดสอบที่สอง
ทดสอบเปิดเว็บ... โดยใน Application จะใช้ เว็บของ www.google.co.th, www.facebook.com, www.ppantip.com, www.wikipedia.org และจบด้วย www.yahoo.com ในการทดสอบเปิดหน้าเว็บ (Web Page Load Time) และดูว่าใช้เวลาเปิดหน้าเว็บนานขนาดไหน คิดเป็น วินาที พร้อมแสดงขนาดหน้าเว็บที่ โหลดว่าขนาดกี่ Byte เพื่อนำมาให้คะแนน
ค่าที่ได้จากการทดสอบ
1. Time ตัวนี้ยิ่งน้อยยิ่งดีนะ ยิ่งมากยิ่งห่วย หรือเรียกว่า Internet โคตรช้า
2. Wight คือ Data ที่เราเสียไปใน Package 3G/4G ว่า กี่ KB หรือ GB
ตัวอย่างผลทดสอบที่สอง ตามรูปนี้ด้านล่างนี้เลย
ยังครับยังยังไม่หมดแค่ มีการทดสอบที่ สาม
ทดสอบเล่น Video ทดสอบเปิด Youtube กันไปเลยให้รู้ๆกันไปว่าใช้เวลานานไหมในการเปิด โดยจะแบ่งความละเอียดของ Video ที่ทดสอบเป็นดังนี้
1. ความละเอียด 240p (หยาบๆหน่อยไม่ค่อยนิดยมกัน จะนิยมโดยอัตโนมัติตอนติด FUP ฮๆา ก็มันปรับให้เอง)
2. ถักมาก็ ทดสอบที่ความละเอียด 360p (อันนี้ผู้ใช้อย่างเราก็นิยมใช้กัน ไม่ใช่เพราะอยากใช้ แต่มันติด FUP เลยต้องใช้ไปโดยปริยาย แอปมันปรับให้เอง ปรับความคมชัด หรือเรียกว่าความละเอียดเพิ่ม ก็จะกระตุก ดูแล้วสะดุด เสียรมณ์ ดูนางร้ายโดยตบ)
3. ทดสอบความละเอียดแบบความละเอียดสูงกว่าทีวีปกติ หรือที่เรียกกันว่า SD แต่นี่เรามาทดสอบกับแบบ HD ที่ความคมชัดหรือความละเอียดที่ 720p กันให้รู้กันไปว่า 3G/4G ที่เราใช้ มันดูไหวไหม
อ่อลืมบอกไปว่า รายละเอียดที่ได้ในการทดสอบนี้คือ
1. Intial Loading เวลาเรากดดู Video ครั้งแรก เราต้องรอนานขนาดไหน กว่า Video จะเล่นให้เราดู
2. Buffering Total Time ที่ต้องใช้ในการเล่น Video ถ้า Internet เราช้า หรือไม่เสถียร เวลาเราดู Video มันจะโหลดมาเก็บไว้ก่อนช่วงสั้นๆ เพื่อให้เราดูไม่สะดุด ตรงนี้ ไม่มีค่านี้แสดง คือดีมาก แต่ถ้ามีตัวเลขนี้ยิ่งมาก คือยิ่งห่วย
3. Data Used ก็แสดงให้เห็นว่า ทดสอบเนี่ย เราเสีย Data 3G/4G หรือ WiFI ไปเท่าไหร่ กี่ KB หรือ MB
ตัวอย่างก็ตามรูปนี้เลยจ้า
ผลทดสอบโดยรวมก็จะออกมาตามรูปนี้เลย อ่อมันแสดง ผู้ให้บริการที่เราใช้ และ Technology ที่เราใช้ด้วยนะ
ทีนี้พอเราทดสอบกันเสร็จ หลายๆคนก็อยากรู้ว่า เอ่ะ เครือข่ายอื่นที่เราไม่ได้ใช้เป็นยังไง นี่เลยครับ กดปุ่ม Compare สะจะได้เทียบกันไปเลย ใครชอบใช้ Program benchmark ก็จะคุ้นๆกับการเทียบแบบนี้
ของแถมที่ได้มาจาก App นี้ จะเรียกว่าแถมก็ไม่ถูก ต้องบอกว่า พอมีผู้ใช้หลายๆ คนช่วยทดสอบ ตัว App ก็จะเก็บข้อมูล และแสดงบนแผนที่ว่า บริเวณไหน ความเร็วดีไม่ดียังไง อ่อ มันแยกเป็น 2G / 3G / 4G และ 4G+ ด้วยนะ
ตัวอย่าง Coverage and Speed Maps
สุดท้ายตัวอย่างการทดสอบบน PC ผ่าน Browser (Chrome)
หาโหลดได้ที่ ไหน ก็ ตามด้านล่างนี้เลย ใช้ดีไม่ดียังไง comment กันเลยให้ผู้ใช้หลายๆท่าน ไม่โดน Operator หลอกด้วยการ speedtest ได้สูงๆ แต่ใช้งานจริงๆช้า
Android http://android.nperf.com/?s=com.mobapp.bottom
iOS http://ios.nperf.com/?s=com.mobapp.bottom
Windows Phone http://wp.nperf.com/?s=com.mobapp.bottom
จบแล้วครับ ลองใช้กันดูนะครับ ผมเห็นว่ามันดี เลยอยากเล่าสู่กันฟัง