พรบ ทารุณกรรมสัตว์ฉบับปัจจุบั ผลักดันโดยมูลนิธิและองค์กรด้านหมา และคนที่เป้นที่รุ้จักกัน เช่น เก๋ ชลดา
โดยพยายามสร้างวาทกรรมผ่านความเมตตาเป้นหลัก ผลักดันเป็นกระแสสังคม ในการล่ารายชื่อให้มากที่สุดเ
ในขณะที่คนมากมายคนหลงเชื่อ คิดว่าจะได้เห้นประเทศไทยจะปฏิรุประบบสัตว์ให้ทัดเทียบกับเมืองนอก ..มีระบบควบคุมดูแลสัตว์ ตั้งแต่เจ้าของ ในที่สาธารณะ รวมไปถึงการป้องกันการทารุณกรรมสัตว์
แต่แท้จริงแล้ว กลับตรงกันข้าม พรบนี้กลายเป้น พรบ ลักไก่ ที่ลอกเมืองนอกมาด้านเดียว แต่อีกด้านที่สำคัญที่สุด กลับไร้แม้แต่เงา
ทุกวันนี้เลยกลายเป้น พรบ ที่ตรงข้ามกับเจตนารมย์ที่แท้จริง แตกต่างกับเมืองนอกอย่างชีดเจน ..ทั้งยังสร้างความอุบาวก์ และไร้ความรับผิดชอบต่อสังคมมากที่สุดดดดด ...
เป้นช่องว่างให้คนที่เห้นแก่ตัวเอาสุนัขมาไว้ในที่สาธารณะมากขึ้น สร้างปัญหามากขึ้น ในขณะที่ผุ้เดือดร้อนไม่มีกฎหมายใดรองรับ ส่วนคนในสังคมกลับต้องมาทะเลาะกันเอง ในขณะที่ปัญหาหมาจรจีดไม่ได้หมดไป อีกทั้งภาครัฐยังไร้อำนาจ และความสามารถในการสร้างสวัสดิภาพให้กับสังคม ..สังคมเลยวุ่นวายไม่จบสิ้น เพียงเพราะความเห้นแก่ตัวและไร้สามัญสำนึกของคนกลุ่มหนึ่ง ที่โยนปัญหาส่วนตัวมาให้สังคมรองรับ
ความอ้ปลักษณ์ ของพรบ นี เริ่มตั้งแต่ใจความสำคัญที่กล่าวถึงด้านสวัสดิภาพการเลี้ยงสัตว์แบบลอยๆ ไม่มีอะไรอะไรที่เชื่อมโยงไปถึงคุณภาพ เลยแม้แต่ข้อเดียว
...ไม่มีการกล่าวถึงความผิด และบทลงโทษของเจ้าของสุนัขที่ปล่อยให้สัตว์เลี้ยงตัวเองไปสร้างความเดือดร้อนแก่สังคม ไม่มีเลยข้อนี้
..ไม่มีกระบวนการควบคุมสัตว์ ใดๆทั้งสิ้น เช่นไม่มีระบบลงทะเบียนเจ้าของ ไม่มีระบบคัดแยกสัตว์จรจัดออกจากสังคม
...ในขณะที่กำหนดการกระทำของการทารุณกรรมไว้อย่างละเอียดยิบ
นอกจากนี้แล้ว ปัญหาที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ เมื่อนำมาใช้จริง ผุ้มีส่วนเกี่ยวข้องทางกฎหมาย กลับเอาบริบทการป้องกันตัวแบบคน มาตัดสินในบริบทแบบหมา ซึ่งมันใช้ไม่ได้...ส่งผลให้ยิ่งเกิดความเหลื่อมล้ำ และความไม่ยุติธรรมต่อผุ้ได้รับผลกระทบ และสังคมอย่างทวีคูณไม่รุ้จักจบจักสิ้น
และนี่คือต้นตอของปัญหา พรบ ทารุณกรรมสัตว์ อยากให้ลองอ่านดู และลองวิเคราะห์เปรียบเทีบกับข้อเท้จจริง ทั้งจากเมืองนอกและเมืองไทย
http://library2.parliament.go.th/giventake/content_nla2557/law87-261257-4.pdf
พรบ ทารุณกรรมสัตว์ เป็น พรบ ที่อุบาวก์ และไร้ความรับผิดชอบต่อสังคมมากที่สุดด
โดยพยายามสร้างวาทกรรมผ่านความเมตตาเป้นหลัก ผลักดันเป็นกระแสสังคม ในการล่ารายชื่อให้มากที่สุดเ
ในขณะที่คนมากมายคนหลงเชื่อ คิดว่าจะได้เห้นประเทศไทยจะปฏิรุประบบสัตว์ให้ทัดเทียบกับเมืองนอก ..มีระบบควบคุมดูแลสัตว์ ตั้งแต่เจ้าของ ในที่สาธารณะ รวมไปถึงการป้องกันการทารุณกรรมสัตว์
แต่แท้จริงแล้ว กลับตรงกันข้าม พรบนี้กลายเป้น พรบ ลักไก่ ที่ลอกเมืองนอกมาด้านเดียว แต่อีกด้านที่สำคัญที่สุด กลับไร้แม้แต่เงา
ทุกวันนี้เลยกลายเป้น พรบ ที่ตรงข้ามกับเจตนารมย์ที่แท้จริง แตกต่างกับเมืองนอกอย่างชีดเจน ..ทั้งยังสร้างความอุบาวก์ และไร้ความรับผิดชอบต่อสังคมมากที่สุดดดดด ...
เป้นช่องว่างให้คนที่เห้นแก่ตัวเอาสุนัขมาไว้ในที่สาธารณะมากขึ้น สร้างปัญหามากขึ้น ในขณะที่ผุ้เดือดร้อนไม่มีกฎหมายใดรองรับ ส่วนคนในสังคมกลับต้องมาทะเลาะกันเอง ในขณะที่ปัญหาหมาจรจีดไม่ได้หมดไป อีกทั้งภาครัฐยังไร้อำนาจ และความสามารถในการสร้างสวัสดิภาพให้กับสังคม ..สังคมเลยวุ่นวายไม่จบสิ้น เพียงเพราะความเห้นแก่ตัวและไร้สามัญสำนึกของคนกลุ่มหนึ่ง ที่โยนปัญหาส่วนตัวมาให้สังคมรองรับ
ความอ้ปลักษณ์ ของพรบ นี เริ่มตั้งแต่ใจความสำคัญที่กล่าวถึงด้านสวัสดิภาพการเลี้ยงสัตว์แบบลอยๆ ไม่มีอะไรอะไรที่เชื่อมโยงไปถึงคุณภาพ เลยแม้แต่ข้อเดียว
...ไม่มีการกล่าวถึงความผิด และบทลงโทษของเจ้าของสุนัขที่ปล่อยให้สัตว์เลี้ยงตัวเองไปสร้างความเดือดร้อนแก่สังคม ไม่มีเลยข้อนี้
..ไม่มีกระบวนการควบคุมสัตว์ ใดๆทั้งสิ้น เช่นไม่มีระบบลงทะเบียนเจ้าของ ไม่มีระบบคัดแยกสัตว์จรจัดออกจากสังคม
...ในขณะที่กำหนดการกระทำของการทารุณกรรมไว้อย่างละเอียดยิบ
นอกจากนี้แล้ว ปัญหาที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ เมื่อนำมาใช้จริง ผุ้มีส่วนเกี่ยวข้องทางกฎหมาย กลับเอาบริบทการป้องกันตัวแบบคน มาตัดสินในบริบทแบบหมา ซึ่งมันใช้ไม่ได้...ส่งผลให้ยิ่งเกิดความเหลื่อมล้ำ และความไม่ยุติธรรมต่อผุ้ได้รับผลกระทบ และสังคมอย่างทวีคูณไม่รุ้จักจบจักสิ้น
และนี่คือต้นตอของปัญหา พรบ ทารุณกรรมสัตว์ อยากให้ลองอ่านดู และลองวิเคราะห์เปรียบเทีบกับข้อเท้จจริง ทั้งจากเมืองนอกและเมืองไทย
http://library2.parliament.go.th/giventake/content_nla2557/law87-261257-4.pdf