เทพนิยายลูกหนังของ "จิ้งจอกสยาม"

แต่ถึงวันนี้หลังฤดูกาล 2015/16 ผ่านไป 33 นัด เลสเตอร์ ซึ่งรั้งอันดับบ๊วยเมื่อช่วงคริสต์มาสที่แล้วกลับผงาดขึ้นมารั้งบัลลังก์จ่าฝูง และมีคะแนนนำห่าง ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ทีมอันดับ 2 ถึง 7 แต้ม

วันศุกร์ที่ 15 เมษายน 2559 เวลา 6:24 น.

เคลาดิโอ รานิเอรี ยอดกุนซือของ เลสเตอร์ ซิตี เปิดเผยระหว่างการให้สัมภาษณ์เมื่อไม่นานมานี้ว่า ครั้งแรกที่เขาได้นั่งจับเข่าคุยกับ วิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าของสโมสร เดอะ ฟ็อกซ์ส เป้าหมายสำคัญสำหรับการทำทีมในฤดูกาลนี้ก็คือการอยู่รอดปลอดภัยในพรีเมียร์ลีกเท่านั้น

เมื่อมองจากผลงานของทีมในฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งต้องดิ้นรนหนีการตกชั้นอย่างหนักก่อนจะปิดฉากซีซั่นด้วยอันดับ 14 ก็ไม่น่าแปลกใจที่บิ๊กบอสของเลสเตอร์จะมองที่เป้าหมายต่ำสุดนั่นคือการรอดตกชั้นเอาไว้ก่อน

ขณะที่ในมุมมองของบรรดาบริษัทรับพนันถูกกฎหมายของอังกฤษก็เห็นเลสเตอร์เป็นเพียงม้านอกสายตา และตั้งอัตราต่อรองในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกของพวกเขาไว้ถึง 5,000/1 หรือ แทง 1 ได้ 5,000 หรือพูดง่าย ๆ ก็พวกเขามองว่า “จิ้งจอกสยาม” ไม่มีทางไปถึงตำแหน่งแชมป์นั่นแหละ

แต่ถึงวันนี้หลังฤดูกาล 2015/16 ผ่านไป 33 นัด เลสเตอร์ ซึ่งรั้งอันดับบ๊วยเมื่อช่วงคริสต์มาสที่แล้วกลับผงาดขึ้นมารั้งบัลลังก์จ่าฝูง และมีคะแนนนำห่าง ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ทีมอันดับ 2 ถึง 7 แต้ม ในขณะที่เหลือโปรแกรมให้เล่นอีกเพียง 5 นัด

นั่นหมายความว่า ทีมดังแห่งถิ่นคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ต้องการอีกเพียง 9 คะแนนจากโปรแกรมที่เหลืออยู่ก็จะสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษได้สำเร็จเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรเมื่อปี 1884 หรือ 132 ปีก่อนทันที

บรรดาเกจิจากทุกสำนักต่างมองว่า เลสเตอร์ กำลังจะสร้างเทพนิยายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่วงการลูกหนังเคยประสบพบเจอมา

จริงอยู่ที่ในอดีตเคยมียักษ์เล็กที่สร้างเซอร์ไพร้ส์ก้าวขึ้นคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษให้เห็นบ้างแล้ว โดยเฉพาะ นอตติงแฮม ฟอเรสต์ ของ ไบรอัน คลัฟฟ์ ที่ก้าวขึ้นมาหยิบแชมป์ดิวิชั่น 1 แบบโลกตะลึงเมื่อฤดูกาล 1977/78 แถมยังก้าวไปหยิบแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ได้ถึง 2 สมัยซ้อนในฤดูกาล 1978/79 และ 1979/80 อีกต่างหาก

อย่างไรก็ตาม แม้ “เจ้าป่า” จะสร้างผลงานเอาไว้ได้อย่างยิ่งใหญ่ในยุคนั้น แต่ เจมี คาร์ราเกอร์ อดีตเซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติอังกฤษ และลิเวอร์พูล ก็ให้ความเห็นเอาไว้อย่างน่าฟังว่า การสร้างตำนานแจ็คผู้ฆ่ายักษ์ในยุค 60, 70 หรือ 80 ที่ช่องว่างระหว่างสโมสรใหญ่กับสโมสรเล็กยังไม่ห่างกันราวฟ้ากับเหวเหมือนในทุกวันนี้ดูจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้มากกว่า

ดังนั้นหาก เลสเตอร์ ไปถึงฝั่งฝันคือตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกในยุคที่ศักยภาพของทีมขนาดใหญ่และขนาดเล็กแทบจะสู้กันไม่ได้เลยนั้น เรื่องราวของพวกเขาจึงน่าจะถูกยกให้เป็นเทพนิยายลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ลูกหนังอังกฤษ และประวัติศาสตร์ลูกหนังโลกเลยทีเดียว

มาถึงคำถามที่ว่าเพราะอะไร เลสเตอร์ ซิตี จึงสามารถก้าวขึ้นมาทำผลงานได้ดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตาในฤดูกาลนี้

อย่างแรกที่ต้องพูดถึงก็คือการบริหารงานที่ยอดเยี่ยมของฝ่ายบริหารที่นำโดยเจ้าสัววิชัย และ “คุณต๊อบ” อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ลูกชายคนเล็ก ที่เข้ามาช่วยบริหารเลสเตอร์ในตำแหน่งรองประธานสโมสร

สิ่งที่สื่ออังกฤษชื่นชมในตัวเจ้าของสโมสรชาวไทยอย่างมากก็คือการให้อิสระผู้จัดการทีมได้ทำงานของตัวเองอย่างเต็มที่ โดยไม่เข้าไปก้าวก่ายเหมือนกับเจ้าของทีมของหลาย ๆ สโมสร

บางคนอาจจะแอบอมยิ้มเมื่อครั้งที่เจ้าสัววิชัยให้สัมภาษณ์เอาไว้เมื่อปี 2014 ว่า เขาอยากเห็น เลสเตอร์ ก้าวขึ้นมาเป็นทีมระดับท็อป 5 ของอังกฤษภายในเวลา 3 ปี

ทว่าถึงตอนนี้เจ้าของอาณาจักรคิง เพาเวอร์ก็ทำได้อย่างที่ตั้งใจจริงๆ เพราะหลังจากบุกไปทุบ ซันเดอร์แลนด์ 2-0 ในเกมล่าสุด “จิ้งจอกสยาม” ก็การันตีอันดับท็อป 4 พร้อมตั๋วแชมเปี้ยนส์ ลีก ใบแรกของสโมสรได้เรียบร้อย

ลำดับต่อมาที่มีส่วนสำคัญมากๆ ต่อการพัฒนาแบบก้าวกระโดดของ เลสเตอร์ ก็คือผู้จัดการทีมอย่าง รานิเอรี

ครั้งแรกที่มีการแบโผออกมาว่า รานิเอรี จะเข้ามารับงานต่อจาก ไนเจล เพียร์สัน ผู้จัดการทีมที่พา เลสเตอร์ รอดตกชั้นในซีซั่นก่อน หลายคนรวมทั้ง แกรี ลินิเกอร์ ตำนานดาวยิง “เดอะ ฟ็อกซ์ส” ดูจะไม่เชื่อน้ำยากุนซืออิตาเลียนเท่าไรนัก

“มิสเตอร์ ไนซ์กาย” พูดถึงการเลือก รานิเอรี ผ่านทางรายการ แมตช์ ออฟ เดอะ เดย์ ว่า เป็น “ตัวเลือกที่ไร้แรงจูงใจ” ไม่มีอินสไปเรชั่นอะไรทำนองนั้น ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเพราะตลอดเส้นทางโค้ชของ รานิเอรี ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรมากนัก โดยเฉพาะแชมป์ลีกที่เจ้าตัวไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลย

กระนั้น เมื่อกุนซือ และสโมสรที่ไม่เคยสัมผัสแชมป์ลีกสูงสุดโคจรมาบรรจบกันสิ่งมหัศจรรย์ก็ได้เกิดขึ้นในฤดูกาลนี้

รานิเอรีอาจจะไม่ใช่กุนซือที่มากด้วยแรงจูงใจในสายตาของคนอื่น แต่กับนักเตะเลสเตอร์แล้วเขาได้รับการยอมรับนับถือ และสามารถปลุกใจลูกทีมให้ลงไปสู้ในสนามได้เป็นอย่างดี

การเดินหมากที่ชาญฉลาดอีกอย่างหนึ่งของ รานิเอรี ก็คือเขาเลือกที่จะเก็บทีมสตาฟฟ์โค้ชชุดเดิมที่เคยร่วมงานกับ เพียร์สัน เอาไว้ หนึ่งในนั้นคือ สตีฟ วอช ยอดแมวมองที่ค้นพบเพชรเม็ดงามอย่าง ริยาด มาห์เรซ

ขณะที่เรื่องของแทคติก รานิเอรี ก็ได้รับคำชมอย่างมาก กุนซือชาวอิตาเลียนเลือกใช้ระบบที่หลายคนมองว่าตกยุคอย่าง 4-4-2 ซึ่งเป็นระบบที่นักเตะเลสเตอร์คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว

สิ่งที่ทำให้เลสเตอร์แตกต่างจากหลายทีมในฟุตบอลยุคโมเดิร์นก็คือพวกเขาไม่ได้สนใจเปอร์เซ็นต์การครองบอลมากนัก แต่เน้นไปที่การพาบอลขึ้นไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วมากกว่า

ด้วยเหตุนี้เราจึงเห็นเลสเตอร์เคาะบอลกันเพียงไม่กี่ครั้งก็ถึงปากประตูคู่ต่อสู้ ยิ่งเมื่อมีผู้เล่นแนวรุกที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพอย่าง วาร์ดี และมาห์เรซ ยืนค้ำอยู่ข้างหน้า พวกเขาก็ยิ่งเหมือนจิ้งจอกติดปีกที่พร้อมจะเล่นงานแนวรับของทุกทีมในพรีเมียร์ลีก

ยิ่งไปกว่านั้นด้วยสภาพความฟิตที่เกินร้อยของขุนพล เดอะ ฟ็อกซ์ส ยังทำให้พวกเขาสามารถวิ่งไล่บี้คู่แข่ง และเล่นเกมสวนกลับได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดทั้ง 90 นาที

ตรงนี้เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้พวกเขาเล่นบอลเร็วได้ตลอดทั้งเกม และเป็นข้อแตกต่างกับอีกหลายทีมในลีกที่เล่นในสไตล์คล้าย ๆ กัน

ส่วนนักเตะที่เคยถูกมองข้ามจากอดีตต้นสังกัดอย่าง มาร์ก อัลไบรท์ตัน, แดนนี ซิมป์สัน และแดนนี ดริงค์วอเตอร์ ก็มีส่วนสำคัญในการพา เลสเตอร์ ทะยานขึ้นมาลุ้นแชมป์อยู่ในเวลานี้เช่นกัน โดยเฉพาะรายหลังสุดที่เบียดนักเตะที่มีชื่อชั้นเหนือกว่าอย่าง โกคาน อินเลอร์ ขึ้นมาเป็นตัวตายตัวแทนของ เอสเตบัน กัมบิอัสโซ ได้อย่างยอดเยี่ยม

ขณะที่ เอ็นโกโล ก็องเต ห้องเครื่องจอมขยัน ที่ถูกคว้าตัวมาจาก ก็อง สโมสรในระดับ ลีก เดอซ์ หรือ ดิวิชัน 2 ของฝรั่งเศส ก็ถือว่าเป็นการค้นพบแห่งฤดูกาลเลยทีเดียว

เรื่องสุดท้ายที่หลายคนเชื่อว่า มีผลต่อฟอร์มอันยอดเยี่ยม และขวัญกำลังใจของนักเตะเลสเตอร์ไม่น้อยก็คือการที่เจ้าสัววิชัยได้เชิญคณะสงฆ์นำโดยพระพรหมมังคลาจารย์ หรือ “เจ้าคุณธงชัย” แห่งวัดไตรมิตรวิทยาราม ไปสวดเพื่อความเป็นสิริมงคล ที่สนาม คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม อยู่เสมอ

ด้วยผลงานที่เปรี้ยงปร้างของ “จิ้งจอกสยาม” ทำให้ในตอนนี้ชื่อของ “เจ้าคุณธงชัย” และผ้ายันต์เลสเตอร์ของท่านถูกกล่าวขวัญถึงเป็นอย่างมากทีเดียว ทั้งหมดทั้งมวลคือเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จอันงดงามของ เลสเตอร์ ซิตี ในฤดูกาลนี้ ส่วนท้ายที่สุดแล้วเทพนิยายของพวกเขาจะจบลงอย่างแฮปปี้เอนดิงหรือไม่ อีกไม่นานเกินรอเราคงจะได้รู้กันอย่างแน่นอน“

ที่มา : http://www.dailynews.co.th/sports/391746
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่