ในปี 2007 อดีตนายก ทักษิณ ชินวัตร ได้ซื้อแมนเชสเตอร์ ซิตี้ด้วยราคา 81,600,000 ปอนด์ ถือเป็นก้าวแรกที่นำคนไทยก้าวสู่วงการฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ความสำเร็จไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ภาพ: internet
แต่อย่างไรก็ตามในเวลาไม่นานเขาออกจากการเป็นประธานสโมสร และส่งมอบต่อให้กับกลุ่มทุนอย่างอาบูดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป สิ่งนี้เองสร้างความเศร้าใจให้กับคนไทยและคนเอเชียในการที่จะมีส่วนร่วมในวงการฟุตบอลยุโรป
3 ปีต่อมา คนไทยคนที่สอง ที่ก้าวเข้าสู่วงการฟุตบอลอังกฤษ คือ เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา แต่เขาไม่ได้เจริญรอยตามทักษิณ ชินวัตรแต่อย่างใด โดยเขาเริ่มจากการซื้อทีมในดิวิชั่น 1 อย่างเลสเตอร์ ซิตี้ และหลังจากนั้นเขาก็ได้พาทีมสร้างเทพนิยายเลสเตอร์ขึ้นมา
ในฤดูกาล 2013/2014 เลสเตอร์ยังอยู่ในดิวิชั่น 1 แต่อย่างไรก็ตามในปีนี้เองที่เลสเตอร์มีความก้าวหน้าอย่างชัดเจน พวกเขาสามารถคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 มาครองได้ และได้ตั๋วเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกที่เป็นลีกสูงสุดของอังกฤษ
แต่ในฤดูกาลถัดมาของเลสเตอร์ อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สู้จะดีนักในพรีเมียร์ลีก พวกเขาต้องพยายามอย่างหนักเพื่อให้อยู่รอด โดยพวกเขาจะต้องชนะให้ได้ ถึง 9 นัดในช่วงท้ายฤดูกาลเพื่อหนีการตกชั้น … ขณะที่อุณหภูมิกำลังร้อนระบุอยู่นั้น … ก็มีสิ่งพิเศษเกิดขึ้นและก็เปลี่ยนมาเทพนิยายเลสเตอร์ในปัจจุบัน
ท่านประธานวิชัยคือปัจจัยสำคัญของทีม ภาพข่าว: Internet
ในวันหนึ่ง ท่านประธานวิชัยได้เชิญโค้ช เคลาดิโอ รานิเอรี่ โค้ชชาวอิตาเลี่ยนกำลังอยู่ในช่วงสถานที่ย่ำแย่และเสี่ยงอันตรายจากการหนีตกชั้น และเขาคิดว่าเขาจะได้ยินเสียงบ่น เสียงจู้จี้ กดดัน ทำให้อึดอัดจากท่านประธานพร้อมด้วยสัญญาเลิกจ้างอย่างแน่นอน … แต่ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาคาดคิดไว้
คนส่วนใหญ่ได้สูญเสียศรัทธาไปแล้ว … แต่ท่านประธานวิชัยได้ถามว่า “โค้ชรานิเอรี่ ถ้าทีมตกชั้น, ถ้าจะยังอยู่ที่นี่ต่อไหม?” รานิเอรี่ไม่สามารถที่จะอธิบายความรู้สึกของเขาได้เกี่ยวกับคำพูดเหล่านั้น … เขาทำได้แค่เพียงเงียบและน้ำตาคลอเบ้า … ปรากฏว่าท่านประธานไม่ได้ไล่เขาออกเหมือนกับที่คนอื่นทำเวลาทีมตกชั้น … เขาต่างจากทักษิณ ตรงที่ทักษิณนั้นมีข้อกังวลทางการเมืองและไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับฟุตบอลเลย
รานิเอรี่กลับมามีความเชื่อมั่นอีกครั้ง …. เขาได้แชร์เรื่องราวเหล่านี้ให้กับผู้เล่นตัวหลักในทีมเลสเตอร์ฟัง … ความรู้สึกดีต่อท่านประธานเพิ่มขึ้นทวีคูณ … ขวัญและกำลังใจของเลสเตอร์เพิ่มสูงขึ้นกว่าที่เคยเป็น … พวกเขาจบเส้นทางได้อย่างมีมนต์ขลัง … เหมือนกับตอนนี้รานิเอรี่ได้ยินสิ่งที่ท่านประธานวิชัยพูดในวันนั้น
หนึ่งปีต่อมา …กาลเวลาเปลี่ยนไป … ในช่วงเวลาเดียวกับที่เกิดช่วงวิกฤติในปีที่แล้ว … แต่ต่างกันที่ตอนนี้เลสเตอร์มีคะแนนนำเดี่ยวและอยู่ในเส้นทางที่จะได้แชมป์พรีเมียร์ลีก … สื่อมวลชนอาจจะให้เครดิตรานิเอรี่ เจมี่ วาร์ดี้ ริยาด มาเรซ หรือ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ … แต่จริงๆ แล้วสาเหตุแห่งความสำเร็จมาจากคำพูดของท่านประธานวิชัย
ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้น … แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทั่วไปในเลสเตอร์ ทุกคนมีทัศนคติที่ดีต่อกันรักใคร่กลมเกลียวสามัคคีกัน … เหมือนกับว่าท่านประธานคนไทยได้นำวิถีเอเชียไปทำฟุตบอลในยุโรป … ได้นำความรักและความจริงใจไปเปลี่ยนเป็นชัยชนะ … และได้แบ่งปันสิ่งเหล่านี้ไปได้ทั่วโลก
source:
http://www.tinthethao365.com.vn/news/15/33355A/Chuyen-trong-ngay-Nguoi-Thai-mang-chan-tinh-den-nuoc-Anh
แปล : thailandwinds (ใช่มั้ย)
สื่อเวียดนามตีข่าว: คนไทยนำความ “จริงใจ” ไปสู่ประเทศอังกฤษ
ความสำเร็จไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ภาพ: internet
แต่อย่างไรก็ตามในเวลาไม่นานเขาออกจากการเป็นประธานสโมสร และส่งมอบต่อให้กับกลุ่มทุนอย่างอาบูดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป สิ่งนี้เองสร้างความเศร้าใจให้กับคนไทยและคนเอเชียในการที่จะมีส่วนร่วมในวงการฟุตบอลยุโรป
3 ปีต่อมา คนไทยคนที่สอง ที่ก้าวเข้าสู่วงการฟุตบอลอังกฤษ คือ เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา แต่เขาไม่ได้เจริญรอยตามทักษิณ ชินวัตรแต่อย่างใด โดยเขาเริ่มจากการซื้อทีมในดิวิชั่น 1 อย่างเลสเตอร์ ซิตี้ และหลังจากนั้นเขาก็ได้พาทีมสร้างเทพนิยายเลสเตอร์ขึ้นมา
ในฤดูกาล 2013/2014 เลสเตอร์ยังอยู่ในดิวิชั่น 1 แต่อย่างไรก็ตามในปีนี้เองที่เลสเตอร์มีความก้าวหน้าอย่างชัดเจน พวกเขาสามารถคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 มาครองได้ และได้ตั๋วเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกที่เป็นลีกสูงสุดของอังกฤษ
แต่ในฤดูกาลถัดมาของเลสเตอร์ อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สู้จะดีนักในพรีเมียร์ลีก พวกเขาต้องพยายามอย่างหนักเพื่อให้อยู่รอด โดยพวกเขาจะต้องชนะให้ได้ ถึง 9 นัดในช่วงท้ายฤดูกาลเพื่อหนีการตกชั้น … ขณะที่อุณหภูมิกำลังร้อนระบุอยู่นั้น … ก็มีสิ่งพิเศษเกิดขึ้นและก็เปลี่ยนมาเทพนิยายเลสเตอร์ในปัจจุบัน
ท่านประธานวิชัยคือปัจจัยสำคัญของทีม ภาพข่าว: Internet
ในวันหนึ่ง ท่านประธานวิชัยได้เชิญโค้ช เคลาดิโอ รานิเอรี่ โค้ชชาวอิตาเลี่ยนกำลังอยู่ในช่วงสถานที่ย่ำแย่และเสี่ยงอันตรายจากการหนีตกชั้น และเขาคิดว่าเขาจะได้ยินเสียงบ่น เสียงจู้จี้ กดดัน ทำให้อึดอัดจากท่านประธานพร้อมด้วยสัญญาเลิกจ้างอย่างแน่นอน … แต่ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาคาดคิดไว้
คนส่วนใหญ่ได้สูญเสียศรัทธาไปแล้ว … แต่ท่านประธานวิชัยได้ถามว่า “โค้ชรานิเอรี่ ถ้าทีมตกชั้น, ถ้าจะยังอยู่ที่นี่ต่อไหม?” รานิเอรี่ไม่สามารถที่จะอธิบายความรู้สึกของเขาได้เกี่ยวกับคำพูดเหล่านั้น … เขาทำได้แค่เพียงเงียบและน้ำตาคลอเบ้า … ปรากฏว่าท่านประธานไม่ได้ไล่เขาออกเหมือนกับที่คนอื่นทำเวลาทีมตกชั้น … เขาต่างจากทักษิณ ตรงที่ทักษิณนั้นมีข้อกังวลทางการเมืองและไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับฟุตบอลเลย
รานิเอรี่กลับมามีความเชื่อมั่นอีกครั้ง …. เขาได้แชร์เรื่องราวเหล่านี้ให้กับผู้เล่นตัวหลักในทีมเลสเตอร์ฟัง … ความรู้สึกดีต่อท่านประธานเพิ่มขึ้นทวีคูณ … ขวัญและกำลังใจของเลสเตอร์เพิ่มสูงขึ้นกว่าที่เคยเป็น … พวกเขาจบเส้นทางได้อย่างมีมนต์ขลัง … เหมือนกับตอนนี้รานิเอรี่ได้ยินสิ่งที่ท่านประธานวิชัยพูดในวันนั้น
หนึ่งปีต่อมา …กาลเวลาเปลี่ยนไป … ในช่วงเวลาเดียวกับที่เกิดช่วงวิกฤติในปีที่แล้ว … แต่ต่างกันที่ตอนนี้เลสเตอร์มีคะแนนนำเดี่ยวและอยู่ในเส้นทางที่จะได้แชมป์พรีเมียร์ลีก … สื่อมวลชนอาจจะให้เครดิตรานิเอรี่ เจมี่ วาร์ดี้ ริยาด มาเรซ หรือ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ … แต่จริงๆ แล้วสาเหตุแห่งความสำเร็จมาจากคำพูดของท่านประธานวิชัย
ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้น … แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทั่วไปในเลสเตอร์ ทุกคนมีทัศนคติที่ดีต่อกันรักใคร่กลมเกลียวสามัคคีกัน … เหมือนกับว่าท่านประธานคนไทยได้นำวิถีเอเชียไปทำฟุตบอลในยุโรป … ได้นำความรักและความจริงใจไปเปลี่ยนเป็นชัยชนะ … และได้แบ่งปันสิ่งเหล่านี้ไปได้ทั่วโลก
source: http://www.tinthethao365.com.vn/news/15/33355A/Chuyen-trong-ngay-Nguoi-Thai-mang-chan-tinh-den-nuoc-Anh
แปล : thailandwinds (ใช่มั้ย)