Osaka Hokkaido Tokyo เที่ยวไป Dak ไป 13 วัน มันส์ยกแก๊ง #5sahaidakmhodjapan

ติดตามกระทู้ทั้งหมดได้จากที่นี่
♡chapter1- from DMK to KIX
http://ppantip.com/topic/34425355
♡chapter2- hello universal city & dotonburi nightlife.
http://ppantip.com/topic/34427250
♡chapter3- byebye osaka, say hi sapporo.
http://ppantip.com/topic/34434693
♡chapter4- downtown sapporo.
http://ppantip.com/topic/34440345
♡chapter5- stay a child at maruyama zoo & shiroi koibito chocolate factory
http://ppantip.com/topic/34447453
♡chapter6- rainy otaru.
http://ppantip.com/topic/34472663
♡chapter7- hell valley, noboribetsu.
http://ppantip.com/topic/34533005
♡chapter8- breathtaking hakodate.
http://ppantip.com/topic/34552687
♡chapter9- matane hokkaido,ohayo tokyo.
http://ppantip.com/topic/34709894
♡special chapter- 24-hour-eating.
http://ppantip.com/topic/34878346
♡chapter10- slowlife tokyo.
http://ppantip.com/topic/34905940
♡chapter11- once in sendai.
http://ppantip.com/topic/35038036
♡last chapter- disney sea.
http://ppantip.com/topic/35130340


♡chapter11- once in sendai.

โปรแกรมการท่องเที่ยวในวันนี้คือ เมืองเซนได เมืองแห่งต้นไม้เมืองเล็กๆ อันแสนอบอุ่น ที่อยู่ห่างจากโตเกียวไปเพียงชั่วสองชั่วโมงรถไฟชินคันเซนเท่านั้น เมื่อมาถึงสถานีเซนได เราจะได้พบกับร้านขายอาหารจำนวนมาก แต่ว่าอะไรที่อร่อยนั้น เราจะขออุบไว้ก่อน




สำหรับสภาพอากาศในวันนี้ ครึ้มๆ ฝนตกปรอยๆ พอให้รู้สึกอยากซื้อร่ม (แต่พอซื้อร่มปุ๊บ ฝนก็หยุดตกจ้า 5555) ที่เด่นมากๆ ของเมืองเซนไดเลยก็คือต้นไม้ ต้นไม้เต็มไปหมด เค้าบอกว่าชื่อ ต้นเคยะขิ ซึ่งตอนที่เราไปในเดือนพฤศจิกายน มันจะเปลี่ยนสีพอดี สวยงามไปตลอดแนวถนน





ตอนนั้นเป็นเวลาสายๆ ยังไม่ค่อยมีร้านอะไรเปิดมากนัก เราเลยเดินไปตามถนนคล้ายๆ ถนนคนเดิมของที่นี่ก่อน ถนนที่เราเดินชื่อ Clis Road ส่วนใหญ่จะเป็นร้านของแบรนด์เนม และยังไม่ค่อยเปิด5555



เราเดินไปเรื่อยๆ จนถึงถนนท้ายสุด ซึ่งจำชื่อไม่ได้แล้ว5555 แต่จะมีพวกร้าน daiso ร้านเกมตู้ คีบตุ๊กตา หยอดเหรียญ โดนดูดเหรียญไปเยอะเหมือนกัน



มาถึงตรงนี้เราก็ซื้อขนมกันประปราย มีพวกเมล่อนปังกลิ่นหอมฉุย ขนมที่ทำจากแป้งทั้งหลาย มีเป็นดงๆ ไปตามทาง

สำหรับทริปญี่ปุ่นในครั้งนี้ เรายังไม่ได้กินข้าวหน้าปลาไหลกันเลย ก็เลยต้องจัดไปเป็นอาหารกลางวันซะหน่อย เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึงญี่ปุ่น ร้านนี้ค่อนข้างจะลึกลับนิดนึง ให้ลองดูจากทางเข้า



เมนูจะมีเด่นๆ คือข้าวหน้าปลาไหล มีสองแบบ แบบธรรมดา กับ พิเศษ ราคาก็อยู่ที่ 3,900 เยนกับ 4,600 เยน มาดูหน้าตากันเลยดีกว่า



แถ่นแทนแท้นนน



ในส่วนของรสชาตินั้น ไม่เหมือนที่ไทยเลย รสจะจืดๆ ปลาไหลมีก้างอยู่ทั่วบริเวณ แต่เพื่อนบอกว่าอร่อย55555 ก็อันนี้ก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคนละกัน

ต่อไปก็ไปตามคำแนะนำของเพื่อนที่เรียนอยู่ที่นี่ เค้าบอกให้ไปกิน Hyotan age ลูกชิ้นปลาชุบแป้งทอดรูปทรงน้ำเต้า รับประกันความอร่อย ไปลองชิมกันได้ เป็นของดีของเมืองนี้เลย



และขอแก้ตัวด้วยของหวานจากชาเขียวของร้าน Ocha no Igeta บนถนน Ichibancho เริ่มด้วย ซอฟต์ครีมชาเขียว Cremia หวานละมุนลิ้น5555 รสชาติดีใช้ได้เลย



เพื่อนคนนึงนางไม่ชอบถั่วแดง นางชอบชาเขียวและโมจิ นางก็ไปเลือกๆ จากเมนู คือปกติแล้วทุกเมนูด้านบนจะมีถั่วแดง และโมจิ และอะไรกรอบๆ ซักอย่าง แต่อันนี้ไม่มี นางภูมิใจมาก แล้วพอได้จากคนขายมาปุ๊บ .... ถั่วแดงเติมเต็มอยู่ด้านล่างถ้วยจ้า กินพื้นที่เป็นครึ่งนึงของแก้วทั้งหมด งิดไปเลยตอนนั้น แต่ก็อร่อยดี นางสามารถกินให้หมดถ้วยได้ พร้อมกับบอกว่า ถั่วแดงร้านนี้เค้าอร่อย ทั้งน้ำตา 555555



และโดรายากิไส้ถั่วแดง


แง้มดูข้างในหน่อยยย


ก่อนจะจากไปเราก็ต้องขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับถนนและต้นไม้ของเซนไดก่อน และมีอีกอย่างคือ รูปปั้นผู้หญิงบิดเป็นนักยิมนาสติกทีมชาติ ซึ่งก็ไม่มีความรู้เหมือนกันว่าเป็นรูปปั้นของอะไร



และการกลับมาของมนุษย์หัวลูกบอล


และอีกหนึ่ง The must ของเมืองเซนไดก็คือออ ทะเลสาบ Matsushima โดยการไป Matsushima ก็ง่ายๆ เพียงนั่งรถไฟจากตัวเมืองเซนไดไปเพียงสามสิบนาทีเท่านั้น ทะเลสาบที่นี่ถือว่าเป็นวิวที่สวยติด 1 ใน 3 ของประเทศญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว





เราเริ่มด้วยการเดินไปเรื่อยๆ ริมน้ำ ที่นี่จะเป็นคล้ายๆ ท่าเรือ ที่มองออกไปก็จะเห็นน้ำไปจนสุดลูกหูลูกตา บรรยากาศดีมากๆ



และที่สุดๆ ก็คือ สะพานแดง (จริงๆ เค้ามีชื่อ) ที่เป็นที่ฮอตฮิตในการถ่ายรูปมากๆ แล้วก็สามารถข้ามไปเกาะเล็กฝั่งตรงข้ามได้ แต่ว่าต้องเสียค่าเข้า ด้วยความที่เรางก เราเลยไม่ได้ข้ามไป55



เดินเลยมาอีกนิดจะมีส่วนที่เป็นพื้นดินยื่นออกไปนิดนึง น่าจะเป็นศาลเจ้าบางอย่าง เดินขึ้นไปดูวิว ดูพระอาทิตย์ตกได้



ตรงขอบสะพานมีกระดาษอะไรผูกไว้ด้วยก็ไม่รู้ อาจจะเป็นหลักการเดียวกันที่มีแม่กุญแจล็อกที่สะพานที่เกาหลี



และที่ขึ้นชื่อ (อีกแล้ว) ในเมืองนี้คือ หอยนางรม !! อร่อยมากๆ ตัวใหญ่สุดไรสุด สดจริงไรจริง ในราคาเพียง 700 เยนเท่านั้น



ถึงเวลาที่จะต้องลา Matsushima และ Sendai กันแล้ว ก่อนไปเราขอลาด้วย Zunda หรือถั่วแระญี่ปุ่นปั่น ซึ่งเพื่อนที่มาเรียนอยู่ที่นี่แนะนำมาว่าเป็นของขึ้นชื่อของเมืองนี้ รสชาติโดยรวมถือว่าอร่อยแบบประหลาดๆดี 5555555 ถ้าใครแวะผ่านมาเมืองนี้ก็อยากให้ลองชิมดู



Bye bye, Sendai Station.


มื้อเย็นวันนี้เรากินง่ายๆ กัน พวก KFC และ yoshinoya เพราะว่ากลัวตกรถไฟ 55555555 แต่พอกลับถึงโตเกียว เราก็ไปต่อกันที่ร้านเนื้อย่างร้านนึง บอกพิกัดได้แค่ว่าสถานี Shinjuku


บอกได้คำเดียวว่าแซบมาก คือแบบนุ่มละลายในปาก ขนาดเข้าร้านแบบมั่วๆ ยังอร่อยขนาดนี้ กินกับเกลือก็สุโก้ยละ




ขอลาไปก่อน สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ