ข้อมูลทั่วไป
ชื่อภาษาอังกฤษ : The Jungle Book
ชื่อภาษาไทย : เมาคลีลูกหมาป่า
แนว : แฟนตาซี / ผจญภัย
ผู้กำกับ : Jon Favreau
ผู้แต่ง : Rudyard Kipling
ค่ายภาพยนตร์ : Walt Disney
เข้าฉาย : 13 เมษายน 2016
บทรีวิว
The Jungle Book คือ หนังที่ไม่ทำให้ "เสียของ" ต้องบอกว่า หนังหลายเรื่องทำสิ่งที่เรียกว่า เสียของไป จนหลายคนหมดศรัทธา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หนักที่ต้องใช้จินตนาการสูงๆ CG หนักๆ ใช้จินตนาการสงๆแบบนี้ ตัวละครหลักเป็นจุดสำคัญของการพาหนังไปให้ได้ตลอดรอดฝั่ง
และ เจ้าหนูน้อย นีล เซ็ทธิ ที่แจ้งเกิดไปเต็มๆตัว กับหนังเรื่องแรกในชีวิตของเขา ทีมงานแคสติ้ง เลือกเฟ้นมาไม่ผิดตัว และต้องชื่นชม
ในจินตนาการที่สูงยิ่งของเด็กคนนี้ แม้ว่าเาจะต้องแสดงร่วมกับ CGI เต็ม 100% ภายใต้ฉากที่ทีมงานจำลองขึ้น แต่มันกลับทำให้คนดูอย่างเรา
รู้สึกถึงจิตวิญญาณของเมาคลี ที่ฉายผ่านทางแววตาของเขา ยิ่งขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
ใน The Jungle Book ฉบับนี้ ว่าด้วย เมาคลี ที่ได้เติบโต และไปอาศัยอยู่กับ อาคีร่า โดยความช่วยเหลือของ บากีร่า เสือดำผู้ชุบเลี้ยงและสั่งสอนเมาคลี
ในฐานะผู้ช่วยเหลือให้เด็กชายรอดชีวิต ความน่าสนใจอยู่ที่การเดินเรื่องทำให้เราเห็นพัฒนาการของตัวละครยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะตัวเมาคลีเอง
หรือ ตัวละครที่เป็นสัตว์ เส้นเรื่องของหนังเรื่องนี้ แม้ว่าจะดูเหมือนเล่าไปทีเดียวอย่างเป็นเรื่องราว แต่ก็มีทั้งฉากที่ Flashback และฉากที่ตัดภาพไปมาในสถานการณ์ และเวลาเดียวกันอีกด้วย
แก่นของเรื่องว่าด้วย เหตุการณ์ช่วงที่ เมาคลี ค้นพบว่าตัวเขานั้น กลายเป็นชวนเหตุแห่งความไม่ปลอดภัยของฝูงหมาป่า และกลายเป็นสัตว์แปลกแยก
ที่ไม่สามารถอยู่ในป่าร่วมกับเพื่อนตัวอื่นได้อีกต่อไป ในขณะที่ เชียร์ คาน เสือร้ายที่มีปมความแต้นฝังใจกับมนุษย์
มันได้ประกาศให้คำมั่นเอาไว้ว่าปรารถนาจะเห็นเมาคลีตาย วาระนั้น เมาคลีจึงต้องออกเดินทางเพื่อค้นหาตัวเอง ร่วมกับ บากีร่า
และจับพลัดจับพลูมาเจอ หมีเฒ่าบาลูระหว่างทาง ป่า ได้หลอมรวมให้ทุกสรรพสัตวืได้เห็นธาตุแท้ในจิตใจของกันและกัน
และเหนือกว่านั้น ลึกๆในจิตใจของ เมาคลี ที่ปรารถนาเสมอให้ ป่า เป็นบ้านของเขาเองมาตลอดชีวิต
กลวิธีการเล่าเรื่องแบบทิ้งปริศนา และเผยปริศนา ใน The Jungle Book หลายฉากใช้วิธีแบบนี้เล่าเรื่อง คือ ปล่อยให้ผู้ชมคิดไปเอง เดาไปเองก่อนนว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเมาคลี จากนั้น จึงค่อยเฉลยปริศนาด้วยเหตุการณ์ต่างๆ ความน่ากลัวของป่า การถูกล่อลวง และการถูกลักพาตัว
ทุกเหตุการณ์ล้วนทำให้ เมาคลี เติบโต และระวังภัยมากยิ่งขึ้น
และอีกสิ่งที่ The Jungle Book สอนเราได้อย่างพึงกล่าวถึง คือ จงเคารพในกฏเกณฑ์ของป่า เคารพบรรดาช้าง ผู้สร้างผืนป่าเอาไว้
ทุกสรรพสิ่งเวียนเกิด เวียนตายไม่รู้จบ ต่างอาศัยป่า เป็นแหลงกำเนิด แหล่งพำนัก และนอนหลับพักผ่อนจวบจนวันสุดท้ายของชีวิต
และ วิถี คือ วิธีที่เราเป็น ไม่จำเป็นต้องฟังเสียงของใครมากนัก หากมันค้านกับสิ่งที่เราเลือกจะเป็น
เพราะเหตุนี้เอง ชาติกำเนิดจึงไม่ใช่สิ่งสำคัญ ไม่ว่าคุณจะประหลาดมากแค่ไหน
ขอเพียงคุณมีความจริงใจ และเอาหัวใจของคุณออกมาพิสูจน์แทนคำพูด
เอาการกระทำมาเป็นเครื่องยืนยันแทนคำแก้ตัว คุณก็เลือกที่จะเป็น "ใคร" ก็ได้ ในโลกใบนี้
เพราะโลกนี้มีที่ว่าง สำหรับคนที่รักพวกพ้องเสมอ
ผมให้คะแนน The Jungle Book 4.5 / 5 คะแนน
เนื้อเรื่องยังมีส่วนขยายที่น่าสนใจได้มากกว่านี้อีก
แต่ก็ถือว่า โชว์ออกมาได้น่าประทับใจมากแล้ว
และขอให้กำลังใจน้อง Neel Sethi มีผลงานเรื่องอื่นๆอีก
ผมจะรอชื่นชมความสามารถและความเป็นธรรมชาติของน้องครับ
C R E A T E D B Y
- E n d C r e d i t M a n -
รีวิว The Jungle Book : ไม่สำคัญว่าเราเกิดมาเป็นอะไร แต่สำคัญว่าเราเลือกจะเป็นใคร
ข้อมูลทั่วไป
ชื่อภาษาอังกฤษ : The Jungle Book
ชื่อภาษาไทย : เมาคลีลูกหมาป่า
แนว : แฟนตาซี / ผจญภัย
ผู้กำกับ : Jon Favreau
ผู้แต่ง : Rudyard Kipling
ค่ายภาพยนตร์ : Walt Disney
เข้าฉาย : 13 เมษายน 2016
บทรีวิว
The Jungle Book คือ หนังที่ไม่ทำให้ "เสียของ" ต้องบอกว่า หนังหลายเรื่องทำสิ่งที่เรียกว่า เสียของไป จนหลายคนหมดศรัทธา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หนักที่ต้องใช้จินตนาการสูงๆ CG หนักๆ ใช้จินตนาการสงๆแบบนี้ ตัวละครหลักเป็นจุดสำคัญของการพาหนังไปให้ได้ตลอดรอดฝั่ง
และ เจ้าหนูน้อย นีล เซ็ทธิ ที่แจ้งเกิดไปเต็มๆตัว กับหนังเรื่องแรกในชีวิตของเขา ทีมงานแคสติ้ง เลือกเฟ้นมาไม่ผิดตัว และต้องชื่นชม
ในจินตนาการที่สูงยิ่งของเด็กคนนี้ แม้ว่าเาจะต้องแสดงร่วมกับ CGI เต็ม 100% ภายใต้ฉากที่ทีมงานจำลองขึ้น แต่มันกลับทำให้คนดูอย่างเรา
รู้สึกถึงจิตวิญญาณของเมาคลี ที่ฉายผ่านทางแววตาของเขา ยิ่งขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
ใน The Jungle Book ฉบับนี้ ว่าด้วย เมาคลี ที่ได้เติบโต และไปอาศัยอยู่กับ อาคีร่า โดยความช่วยเหลือของ บากีร่า เสือดำผู้ชุบเลี้ยงและสั่งสอนเมาคลี
ในฐานะผู้ช่วยเหลือให้เด็กชายรอดชีวิต ความน่าสนใจอยู่ที่การเดินเรื่องทำให้เราเห็นพัฒนาการของตัวละครยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะตัวเมาคลีเอง
หรือ ตัวละครที่เป็นสัตว์ เส้นเรื่องของหนังเรื่องนี้ แม้ว่าจะดูเหมือนเล่าไปทีเดียวอย่างเป็นเรื่องราว แต่ก็มีทั้งฉากที่ Flashback และฉากที่ตัดภาพไปมาในสถานการณ์ และเวลาเดียวกันอีกด้วย
แก่นของเรื่องว่าด้วย เหตุการณ์ช่วงที่ เมาคลี ค้นพบว่าตัวเขานั้น กลายเป็นชวนเหตุแห่งความไม่ปลอดภัยของฝูงหมาป่า และกลายเป็นสัตว์แปลกแยก
ที่ไม่สามารถอยู่ในป่าร่วมกับเพื่อนตัวอื่นได้อีกต่อไป ในขณะที่ เชียร์ คาน เสือร้ายที่มีปมความแต้นฝังใจกับมนุษย์
มันได้ประกาศให้คำมั่นเอาไว้ว่าปรารถนาจะเห็นเมาคลีตาย วาระนั้น เมาคลีจึงต้องออกเดินทางเพื่อค้นหาตัวเอง ร่วมกับ บากีร่า
และจับพลัดจับพลูมาเจอ หมีเฒ่าบาลูระหว่างทาง ป่า ได้หลอมรวมให้ทุกสรรพสัตวืได้เห็นธาตุแท้ในจิตใจของกันและกัน
และเหนือกว่านั้น ลึกๆในจิตใจของ เมาคลี ที่ปรารถนาเสมอให้ ป่า เป็นบ้านของเขาเองมาตลอดชีวิต
กลวิธีการเล่าเรื่องแบบทิ้งปริศนา และเผยปริศนา ใน The Jungle Book หลายฉากใช้วิธีแบบนี้เล่าเรื่อง คือ ปล่อยให้ผู้ชมคิดไปเอง เดาไปเองก่อนนว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเมาคลี จากนั้น จึงค่อยเฉลยปริศนาด้วยเหตุการณ์ต่างๆ ความน่ากลัวของป่า การถูกล่อลวง และการถูกลักพาตัว
ทุกเหตุการณ์ล้วนทำให้ เมาคลี เติบโต และระวังภัยมากยิ่งขึ้น
และอีกสิ่งที่ The Jungle Book สอนเราได้อย่างพึงกล่าวถึง คือ จงเคารพในกฏเกณฑ์ของป่า เคารพบรรดาช้าง ผู้สร้างผืนป่าเอาไว้
ทุกสรรพสิ่งเวียนเกิด เวียนตายไม่รู้จบ ต่างอาศัยป่า เป็นแหลงกำเนิด แหล่งพำนัก และนอนหลับพักผ่อนจวบจนวันสุดท้ายของชีวิต
และ วิถี คือ วิธีที่เราเป็น ไม่จำเป็นต้องฟังเสียงของใครมากนัก หากมันค้านกับสิ่งที่เราเลือกจะเป็น
เพราะเหตุนี้เอง ชาติกำเนิดจึงไม่ใช่สิ่งสำคัญ ไม่ว่าคุณจะประหลาดมากแค่ไหน
ขอเพียงคุณมีความจริงใจ และเอาหัวใจของคุณออกมาพิสูจน์แทนคำพูด
เอาการกระทำมาเป็นเครื่องยืนยันแทนคำแก้ตัว คุณก็เลือกที่จะเป็น "ใคร" ก็ได้ ในโลกใบนี้
เพราะโลกนี้มีที่ว่าง สำหรับคนที่รักพวกพ้องเสมอ
ผมให้คะแนน The Jungle Book 4.5 / 5 คะแนน
เนื้อเรื่องยังมีส่วนขยายที่น่าสนใจได้มากกว่านี้อีก
แต่ก็ถือว่า โชว์ออกมาได้น่าประทับใจมากแล้ว
และขอให้กำลังใจน้อง Neel Sethi มีผลงานเรื่องอื่นๆอีก
ผมจะรอชื่นชมความสามารถและความเป็นธรรมชาติของน้องครับ