MGR Online - งามหน้าตำรวจไทย มูลนิธิวอชด็อก นำ 3 พยานคดีสารวัตรยิงหมาเข้าให้การกลายเป็นหนังคนละม้วน ยันไม่มีหมาหมู่ 20 ตัว ไม่มีหญิงตั้งครรภ์ คำสารภาพล้วนลวงโลกลดกระแส แฉพฤติการณ์สุดเหี้ยมไล่ยิงหมาจนแตกกระเจิง แต่ไม่หนำใจ ลงทุนซื้อไส้กรอกหว่านล่อจะยิงรอบสอง จนชาวบ้านทนไม่ไหวต้องกราบกรานขอชีวิตน้องหมา ขณะที่โซเชียลเดือด ถล่ม “พงศพัศ” ช่วยคนผิด
จากกรณีมีการแชร์ข้อมูลผ่านโลกโซเชียลฯถึงพฤติการณ์ตำรวจระดับสารวัตร ใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงสุนัขเสียชีวิตและบาดเจ็บ เมื่อกลางดึกวันที่ 8 เม.ย. ที่ผ่านมา กระทั่งพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ต.เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผบก.น.2 ต้องออกมาแสดงเอง โดยวันที่ 10 เม.ย. หรือหลังเกิดเรื่อง 2 วัน ได้เดินทางไปดูที่เกิดเหตุแฟลตตำรวจส่วนกลางลาดยาว ท้องที่ สน.พหลโยธิน พร้อมกับยอมรับว่า มีตำรวจชั้นสาวรัตรเป็นมือปืนยิงสุนัขจริง และจะมีการนำตัวมาสอบสวนดำเนินคดีอย่างแน่นอน ต่อมาวันที่ 11 เม.ย. พ.ต.ต.วสวัตติ์ สุขไทย สารวัตรกลุ่มงานวิจัยและประเมินผล 3 กองวิจัย สำนักยุทธศาสตร์ตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ “มือปืนยิงหมา” ได้ปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับมีการนำมาแถลงข่าวกับสื่อมวลชนต่อหน้า รอง ผบ.ตร. และ ผบก.น.2 โดย พ.ต.ต.วสวัตติ์ บอกเล่าเหตุการณ์ว่า เพิ่งกลับมาจากเที่ยวงานกาชาด กับภรรยาซึ่งกำลังตั้งครรภ์ ระหว่างเดินเข้าที่พัก ภรรยาถูกสุนัขจรจัดประมาณ 20 ตัว รุมล้อมลักษณะจะเข้าทำร้าย จึงใช้อาวุธปืนยิงป้องกันภรรยาและบุตร ตามสัญชาตญาณ พร้อมกับยกมือไหว้ขอโทษสังคม อย่างไรก็ตาม มีการแจ้ง 3 ข้อหาแก่สารวัตรมือปืนรายนี้ คือ ความผิดมาตรา 20 ห้ามกระทำการทารุณสัตว์ ยิงปืนในที่สาธารณะ และพกพาอาวุธปืนในที่สาธาณะ ก่อนปล่อยตัวไป
ต่อมาช่วงบ่ายวันที่ 13 เม.ย. น.ส.พิม ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา พร้อมด้วย นายกุศล สุขอารีย์ อาสามูลนิธิวอชด็อก (Watchdog Thailand) นำพยาน 3 ปากที่เห็นเหตุการณ์ขณะที่ พ.ต.ต.วสวัตติ์ สุขไทย กำลังไล่ยิงสุนัขเข้าพบ พ.ต.ท.อัครวัฒน์ สินขจรภิรมย์ สว.สอบสวน สน.พหลโยธิน เพื่อแจ้งข้อเท็จจริงต่าง ๆ ให้ทราบอีกด้านหนึ่งในฐานะพยาน โดยระบุว่า ในวันเกิดเหตุ พ.ต.ต.วสวัตติ์ ขับรถเข้ามาจอดยังลานแฟลตที่พักตามปกติ และมีสุนัขประมาณ 6 - 7 ตัว พากันเห่า พ.ต.ต.วสวัตติ์ จึงเดินหาขวดเบียร์แล้วปาใส่ จากนั้นจึงเดินไปยังร้านขายของชำใกล้ ๆ เพื่อขอซื้อขวด แต่เจ้าของร้านที่ยืนมองอยู่ไม่ยอมขายให้ จึงเดินไปหยิบปืนที่รถแล้วยิงใส่สุนัขจนแตกกระเจิงหนีตายไปคนละทิศทาง
พยานยังให้การต่อไปอีกว่า แม้จะไล่ยิงสุนัขจนพากันวิ่งหนีไปหมดแล้ว แต่ดูเหมือนว่า พ.ต.ต.วสวัตติ์ ยังไม่หายโกรธ พยานเห็นผู้ต้องหารายนี้เดินไปยังร้านสะดวกซื้อใก้ล ๆ กัน แล้วนำอาหารคล้ายไส้กรอกจำนวนหนึ่งมาโยนล่อให้สุนัขออกมาจากที่ซ่อน เพื่อยิงซ้ำ จึงพากันไปยกมือไหว้ขอร้อง ทำให้ พ.ต.ต.วสวัตติ์ คลายอาการหงุดหงิดไปบ้างก่อนเดินขึ้นแฟลตไป
“การเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อหน้าสาธารณชน เราเห็นว่าเป็นเรื่องไม่สมควร อยากให้สารวัตรพูดความจริงมากกว่า เพราะสิ่งที่เล่ามานั้นมันคนละเรื่องกันเลย ขณะนี้ทางมูลนิธิฯกำลังประสานกับร้านเซเว่น เพื่อขอภาพจากกล้องวงจรปิดนำมาประกอบการสอบสวนต่อไป” น.ส.พิม ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา อาสามูลนิธิวอชด็อก กล่าว
มีรายงานด้วยว่า หลังการเคลื่อนไหวของมูลนิธิวอชด็อก ที่ทำให้สังคมมองเห็นข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่ง ปรากฏว่า เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งข้อสังเกตว่า นายตำรวจใหญ่ที่อาศัยความเชี่ยวชาญเรื่องสร้างภาพลักษณ์กำลังช่วยคนผิด นอกจากนั้น ยังระบุด้วยว่า น่าจะมีการช่วยเหลือกันโดยปั่นกระแสสร้างความชอบธรรมให้กับสารวัตรมือปืนยิงหมาก่อน เพื่อนำไปสู่ขั้นตอนต่าง ๆ ที่จะตามมา เช่น ความผิดทางวินัย หากพิจารณาเป็นความผิดร้ายแรงจะต้องให้ออกจากราชการก่อน แต่ตามรูปการณ์แล้วน่าจะเป็น “หนังยาว” เพราะฝ่ายตำรวจรวบรัดตัดตอนเสียเอง จากการแถลงในวันที่ 11 เม.ย. ดังนั้น จากนี้ไปจึงต้องติดตามว่าพนักงานสอบสวนจะให้น้ำหนักพยาน 3 ปาก ที่มูลนิธิวอชด็อก นำมาแย้งคำให้การของมือปืนยิงหมาอย่างไร และผู้บังคับบัญชาจะตัดสินใจในเรื่องทางวินัยอย่างไรบ้าง
http://manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9590000038064
แสบไส้!!?? พยานแฉสารวัตรยิงหมา “โกหก” โซเชียลฯเดือด ถล่ม “พงศพัศ” ช่วยคนผิด
จากกรณีมีการแชร์ข้อมูลผ่านโลกโซเชียลฯถึงพฤติการณ์ตำรวจระดับสารวัตร ใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงสุนัขเสียชีวิตและบาดเจ็บ เมื่อกลางดึกวันที่ 8 เม.ย. ที่ผ่านมา กระทั่งพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ต.เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผบก.น.2 ต้องออกมาแสดงเอง โดยวันที่ 10 เม.ย. หรือหลังเกิดเรื่อง 2 วัน ได้เดินทางไปดูที่เกิดเหตุแฟลตตำรวจส่วนกลางลาดยาว ท้องที่ สน.พหลโยธิน พร้อมกับยอมรับว่า มีตำรวจชั้นสาวรัตรเป็นมือปืนยิงสุนัขจริง และจะมีการนำตัวมาสอบสวนดำเนินคดีอย่างแน่นอน ต่อมาวันที่ 11 เม.ย. พ.ต.ต.วสวัตติ์ สุขไทย สารวัตรกลุ่มงานวิจัยและประเมินผล 3 กองวิจัย สำนักยุทธศาสตร์ตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ “มือปืนยิงหมา” ได้ปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับมีการนำมาแถลงข่าวกับสื่อมวลชนต่อหน้า รอง ผบ.ตร. และ ผบก.น.2 โดย พ.ต.ต.วสวัตติ์ บอกเล่าเหตุการณ์ว่า เพิ่งกลับมาจากเที่ยวงานกาชาด กับภรรยาซึ่งกำลังตั้งครรภ์ ระหว่างเดินเข้าที่พัก ภรรยาถูกสุนัขจรจัดประมาณ 20 ตัว รุมล้อมลักษณะจะเข้าทำร้าย จึงใช้อาวุธปืนยิงป้องกันภรรยาและบุตร ตามสัญชาตญาณ พร้อมกับยกมือไหว้ขอโทษสังคม อย่างไรก็ตาม มีการแจ้ง 3 ข้อหาแก่สารวัตรมือปืนรายนี้ คือ ความผิดมาตรา 20 ห้ามกระทำการทารุณสัตว์ ยิงปืนในที่สาธารณะ และพกพาอาวุธปืนในที่สาธาณะ ก่อนปล่อยตัวไป
ต่อมาช่วงบ่ายวันที่ 13 เม.ย. น.ส.พิม ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา พร้อมด้วย นายกุศล สุขอารีย์ อาสามูลนิธิวอชด็อก (Watchdog Thailand) นำพยาน 3 ปากที่เห็นเหตุการณ์ขณะที่ พ.ต.ต.วสวัตติ์ สุขไทย กำลังไล่ยิงสุนัขเข้าพบ พ.ต.ท.อัครวัฒน์ สินขจรภิรมย์ สว.สอบสวน สน.พหลโยธิน เพื่อแจ้งข้อเท็จจริงต่าง ๆ ให้ทราบอีกด้านหนึ่งในฐานะพยาน โดยระบุว่า ในวันเกิดเหตุ พ.ต.ต.วสวัตติ์ ขับรถเข้ามาจอดยังลานแฟลตที่พักตามปกติ และมีสุนัขประมาณ 6 - 7 ตัว พากันเห่า พ.ต.ต.วสวัตติ์ จึงเดินหาขวดเบียร์แล้วปาใส่ จากนั้นจึงเดินไปยังร้านขายของชำใกล้ ๆ เพื่อขอซื้อขวด แต่เจ้าของร้านที่ยืนมองอยู่ไม่ยอมขายให้ จึงเดินไปหยิบปืนที่รถแล้วยิงใส่สุนัขจนแตกกระเจิงหนีตายไปคนละทิศทาง
พยานยังให้การต่อไปอีกว่า แม้จะไล่ยิงสุนัขจนพากันวิ่งหนีไปหมดแล้ว แต่ดูเหมือนว่า พ.ต.ต.วสวัตติ์ ยังไม่หายโกรธ พยานเห็นผู้ต้องหารายนี้เดินไปยังร้านสะดวกซื้อใก้ล ๆ กัน แล้วนำอาหารคล้ายไส้กรอกจำนวนหนึ่งมาโยนล่อให้สุนัขออกมาจากที่ซ่อน เพื่อยิงซ้ำ จึงพากันไปยกมือไหว้ขอร้อง ทำให้ พ.ต.ต.วสวัตติ์ คลายอาการหงุดหงิดไปบ้างก่อนเดินขึ้นแฟลตไป
“การเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อหน้าสาธารณชน เราเห็นว่าเป็นเรื่องไม่สมควร อยากให้สารวัตรพูดความจริงมากกว่า เพราะสิ่งที่เล่ามานั้นมันคนละเรื่องกันเลย ขณะนี้ทางมูลนิธิฯกำลังประสานกับร้านเซเว่น เพื่อขอภาพจากกล้องวงจรปิดนำมาประกอบการสอบสวนต่อไป” น.ส.พิม ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา อาสามูลนิธิวอชด็อก กล่าว
มีรายงานด้วยว่า หลังการเคลื่อนไหวของมูลนิธิวอชด็อก ที่ทำให้สังคมมองเห็นข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่ง ปรากฏว่า เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งข้อสังเกตว่า นายตำรวจใหญ่ที่อาศัยความเชี่ยวชาญเรื่องสร้างภาพลักษณ์กำลังช่วยคนผิด นอกจากนั้น ยังระบุด้วยว่า น่าจะมีการช่วยเหลือกันโดยปั่นกระแสสร้างความชอบธรรมให้กับสารวัตรมือปืนยิงหมาก่อน เพื่อนำไปสู่ขั้นตอนต่าง ๆ ที่จะตามมา เช่น ความผิดทางวินัย หากพิจารณาเป็นความผิดร้ายแรงจะต้องให้ออกจากราชการก่อน แต่ตามรูปการณ์แล้วน่าจะเป็น “หนังยาว” เพราะฝ่ายตำรวจรวบรัดตัดตอนเสียเอง จากการแถลงในวันที่ 11 เม.ย. ดังนั้น จากนี้ไปจึงต้องติดตามว่าพนักงานสอบสวนจะให้น้ำหนักพยาน 3 ปาก ที่มูลนิธิวอชด็อก นำมาแย้งคำให้การของมือปืนยิงหมาอย่างไร และผู้บังคับบัญชาจะตัดสินใจในเรื่องทางวินัยอย่างไรบ้าง
http://manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9590000038064