เมื่อครั้งที่เราไป Survey เราได้รายชื่อบริษัททัวร์ท้องถิ่นจากโบร์ชัวร์สนามบินเมืองย่างกุ้งมาพอสมควร จึงได้ติดต่อบริษัททัวร์  4 บริษัท จากการพิจารณาถึงความน่าเชื่อถือ และการตอบรับ จนได้บริษัทที่น่าสนใจ และดูน่าเชื่อถือที่สุดมา 1 ที่คือ Marvelous Memory Tour เราจึงได้ทำการติดต่อบริษัทนี้ เพื่อพากลุ่มของเราไปเที่ยวพม่า  เราติดต่อกับเค้าอยู่นาน (เพราะระหว่างนั้นเรารอราคาจากบริษัททัวร์ที่เมืองไทยด้วย แต่ก็เงียบ ไม่มีจากไทยตอบกลับ) เราเข้าไปดูในเว็บไซต์ ก็มีคนเคยไปกับเค้าหลายบริษัทโดยเฉพาะบริษัทในมาเลเซีย มีรูปกลุ่มแต่ละกลุ่มดูน่าเชื่อถือ เราจึงตัดสินใจเลือกไปกับบริษัทนี้ในที่สุด

เพื่อความมั่นใจ เราตรวจสอบทุกอย่างที่เกี่ยวกับบริษัท และโทรติดต่อไปเพื่อความมั่นใจว่าบริษัทนี้มีอยู่จริง แต่ด้วยสัญญาณโทรศัพท์ที่ไม่ชัดนัก อีกทั้งภาษาอังกฤษสำเนียงพี่หม่อง ก็ยากที่จะแกะจริงๆ เราแนะนำตัวและกล่าวถึงโปรแกรมทัวร์ที่กำลังติดต่อกับเค้าอยู่ เค้าก็ยืนยันว่าเป็นบริษัทที่เรากำลังติดต่อ และทักทายเราด้วยความยินดีที่ได้รับข่าวจากเรา ...

ทันทีที่วางสาย ก็ได้รับเมล์จากบริษัทนั้น สอบถามว่ามีสิ่งใดให้ช่วยเหลือ เพราะเสียงโทรศัพท์นั้นไม่ชัดนัก... แต่เราก็พอโล่งใจได้ว่า โอเค..บริษัทนี้มีอยู่จริง เมื่อยืนยันข้อมูลต่างๆเรียบร้อย ก็มาสู่ขั้นตอนการชำระมัดจำ ซึ่งต้องชำระตามจำนวนคนที่เราระบุไป และที่เป็นปัญหาแรกของเราคือ เค้าเรียกมัดจำสูงถึง 70% ของราคาทั้งหมด... ฉันพยายามต่อรอง อยู่หลายรอบ แต่เค้าก็ยังยืนยัน ว่า ด้วยเป็นนโยบายของบริษัท และเป็นช่วง High Season เค้าจะยอมรับที่ 50% เท่านั้น เราเกรงว่าหากช้ากว่านี้จะไม่อาจได้โรงแรมที่เราหมายมั่นไว้ เดี๋ยวลูกทัวร์จะไม่ประทับใจ (นี่คือกลยุทย์ที่ทำให้เราตายใจ)

เมื่อเค้าได้รับเงิน ก็รีบยืนยันกลับมาว่าได้รับแล้ว และจะรีบดำเนินการต่างๆโดยเร็ว...

ต่อมาไม่นานนัก... บริษัททัวร์นั้นติดต่อกลับมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ใช้เมล์ใหม่ และเขียนมาสั้นๆ ว่า...
”เราจะทำการยกเลิก ถ้าคุณยังไม่ยืนยันการเดินทางของกลุ่ม...”

อะไรกันนี่?? ทำไมเค้าบอกเราแปลกๆ อย่างนี้นะ...เราเริ่มแปลกใจ ว่า เกิดอะไรขึ้น!! ฉันไม่รอช้า รีบโทรไปเช็คที่เบอร์เดิมอีกครั้ง มีเสียงผู้ชายรับสายเช่นเดิม คราวนี้เราถามคำถามตรงๆว่าได้รับเงินที่เราโอนไปแล้วใช่หรือไม่...เค้าตอบกลับมา ด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบว่า....
”บริษัทเรายังไม่เคยได้รับเงินจากคุณเลย...คุณโดนหลอกให้โอนเงินแล้วล่ะ”
อ้าว...แล้วที่เราเคยโทรไปหาคุณ เราคุยกับใครเนี่ย...เพราะนี่ก็เป็นเบอร์เดิมที่บันทึกไว้ ฉันเริ่มคิดว่ามันแปลกๆ จึงขอวางสายก่อน

ทันทีที่วางสาย เพื่อนคู่คิดของฉันซึ่งได้ยินบทสนทนาเป็นอย่างดีพร้อมๆกัน ก็มองหน้าฉันและถามย้ำอีกครั้งว่า...นี่เราถูกหลอกแล้วใช่ม๊าย??
ฉันตอบได้คำเดียวว่า “ไม่......ไม่ต้องสงสัยเลยเธอ”

หลังจากนั้น บริษัทนี้ก็เริ่มให้พนักงานเข้ามาทักในไลน์ ในเฟซ (เพิ่งจะมาเนี่ยนะ!!)
เราคุยกับเค้าตรงๆ ว่าเราถูกหลอก ให้โอนเงินไปแล้ว พฤติกรรมของบริษัทเค้าช่างแปลก และน่าสงสัยมากๆ เพราะเค้าบอกว่า เมล์เค้าถูกแฮ็ค จึงต้องตั้งเมล์ใหม่นี้มาแทน ...นั่นหมายความว่า ที่ผ่านมา เราคุยกับโจรมาโดยตลอดตั้งแต่ก่อนกระบวนการชำระเงินเลยรึนี่!!!!

แต่ที่น่าแปลกยิ่งกว่า คือ มาคราวนี้เค้ากลับรู้ข้อมูลที่เราเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ...ทั้งๆที่ตอนนั้นเราสื่อสารอยู่กับโจรเท่านั้น!!!

เราไม่รอช้า และจะไม่เสี่ยงเดินทางกับบริษัทนี้อีกต่อไป เราจึงไปแจ้งตำรวจ มิได้หวังจะได้เงินคืน เพราะสิ่งที่เสียแล้วก็ต้องยอมรับมัน หากได้คืนก็ดี แต่เมื่อไม่ได้ก็ต้องไม่ยึดติด  แต่การไปแจ้งตำรวจของเรานี้ เป็นไปเพื่อให้เป็นคดีเตือนใจใครอีกหลายๆคนได้...และขอนำเรื่องนี้มาแชร์ เพื่อให้หลายคนที่ใช้อีเมล์ในการติดต่อการโอนเงินกับบริษัททัวร์ได้ตรวจสอบสอบเมล์ทุกครั้งเมื่อจะส่ง ซึ่งมีโอกาสถูก hack ได้อย่างง่ายดาย เพราะไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดกับใครอีก

จึงขอเตือนทุกท่าน ที่คิดจะติดต่อการเงินระหว่างประเทศโปรดระวังให้มาก
จากผู้หวังดี