รู้หรือไม่...ฝักก้ามปูก็มีดีไม่แพ้ใบ

วันนี้ไปได้ของดีมาเยอะ เลยขอจัดแถลงข่าวแจ้งสรรพคุณกันหน่อยครับ

ถ้าเอ่ยถึง "จามจุรี" หรือ "ก้ามปู" หรือ "ฉ่ำฉา" แน่นอนว่าเราๆ คิดถึงใบของเขาเป็นอย่างแรก เพราะทุกคนรู้อยู่แล้วว่าดีขนาดไหน (ใบมีไนโตรเจน 2-3% มากกว่าใบไม้ทั่วไปที่ไม่ใช่พืชตระกูลถั่วพอสมควร) แถมยังนิยมใช้ผสมดินปลูกต้นไม้ด้วย

ถ้าพูดถึงไม้ หลายคนก็พอจะได้ยินเรื่องเอาไปทำเฟอร์นิเจอร์ แม้จะไม่ใช่ไม้ที่ดีนักถ้าเทียบกับไม้อื่นๆ แต่ก็แข็งแรงพอใช้ นิยมใช้ในกลุ่มงานแกะสลัก

แต่ถ้าพูดถึง "ฝักก้ามปู" ละ?
หลายคนคงถึงกับคิ้วผูกโบว์เพราะไม่เคยรู้ว่าใช้ประโยชน์ได้
ถ้าถามกลุ่มคนเลี้ยงสัตว์เคี้ยวเอื่องอย่าง วัว ควาย ม้า แพะ ก็จะพอตอบกันได้ว่าพวกตระกูลนี้จะชอบกินเท่านั้น

"ฝักก้ามปู" มีดีอย่างไร
1.ใช้เลี้ยงสัตว์
- ในฝักก้ามปูมีโปรตีนมากถึง 9.64% ในฝักไร้เมล็ด และมีในเมล็ดมากถึง 31.6% ถือว่ามากพอสมควร (เทียบกับหญ้าปล้องที่ 7.7% และหญ้าขนที่ 9.5%)

2.ใช้แทนกากน้ำตาล
- ใครเคยชิมเนื้อในฝักก้ามปูจะรู้ว่ามีรสหวานและมีกลิ่นหอม ซึ่งจะมีปริมาณน้ำตาลประมาณ 1/3 ของกากน้ำตาล สำหรับคนที่จะทำน้ำหมักชีวภาพแล้วหากากน้ำตาลได้ยากสามารถใช้ฝักก้ามปูทุบหรือบดหยาบในอัตรา 3/1 (ฝักก้ามปู 3 กก.สามารถแทนกากน้ำตาลได้ 1 กก.)

3.ใช้ทำปุ๋ย
- ฝักก้ามปูไร้เมล็ดจะมีไนโตรเจนประมาณ 1.54% และมีในเมล็ดประมาณ 5.05% หากนำฝักทั้งเมล็ดมาบดแล้วนำไปทำปุ๋ยอินทรีย์น้ำก็จะได้ปุ๋ยอินทรีย์น้ำที่มีปริมาณไนโตรเจนสูงใกล้เคียงน้ำหมักหอยเชอรี่

4.ฝักเป็นยาเย็น สามารถนำมากินเป็นยาบำรุงร่างกายได้ เมล็ดนำมาบดใช้รักษาโรคผิวหนัง และลดการอักเสบของผิวหนังได้

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่