[CR] เมื่อแฟนไม่อยู่ผู้หญิงคนเดียวต้องเที่ยวได้ ตอนที่ 2 คิดมากทำไมให้ใจพร่อง..Don” t worry..@Bangkaew Phetchaburi


นี่ไม่ใช่รีวิวท่องเที่ยว  นี่ไม่ใช่รูปของช่างภาพ  แต่นี่คือเรื่องราวในวันที่ได้ไปเที่ยว  ถ่ายโดยแฟนของช่างภาพ  เขียนเรื่องราวตามความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง รู้จักเรามั้ย..?  ถามทำไม  อ้าว!! เผื่อไม่รู้  ถ้าอยากรู้จักเราจงตามลิงค์นี้ไป https://www.facebook.com/Nui-Joke-True-love-really-exists-1072829049412167/ FB Fanpage หน้าตาแบบนี้หล่ะ

และอ่านบทความครั้งแรกของเรา เมื่อแฟนไม่อยู่ ผู้หญิงคนเดียวต้องเที่ยวได้ ตอนที่ 1 one day trip lost in Charoen Krung  ที่ลิงค์นี้นะจ๊ะ http://ppantip.com/topic/34363541 และตอนนี้

..คิดมากทำไมให้ใจพร่อง...ใจมันร้อน อากาศร้อน ในวันที่ทุกอย่างประเดประดัง ก้อนอะไรสักอย่างดูเหมือนภาษามนุษย์จะเรียกว่า  ทุกข์  มันสุมอก  บ้านเกิดไม่มีทะเล คิดอะไรไม่ออกก็จะไปทะเล เอาความทุกข์ไปโยนทะเล แต่ตอนมีความสุขก็ไปทะเลนะ คือสรุปว่า อยากไปทะเลละกัน และความอยากนั้น          ฉันต้องไป..No plan No Friend.. Don”t worry..@Bangkaew Phetchaburi

เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในวันที่ 6 เมษายน 2559 วันหยุดราชการวันจักรี  นอนห้าทุ่ม ตื่นตี 3  รีบทำอาหารทิ้งไว้ให้แม่ซึ่งผ่าตัดเข่าเสื่อมมายังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้มาก  รีบขับรถออกจากบ้านตอนตี 4  ขับรถจากจ.อ่างทอง ซึ่งห่างจากกรุงเทพฯ 105 กิโลเมตร  ขับฝ่าฝูงสิบล้อ  สองข้างทางบางช่วงไม่มีไฟส่องข้างทาง  เราไม่ชอบขับรถตอนมืด  เพราะเราสายตาไม่ค่อยดี  ทัศนวิสัยในการมองเห็นมันแย่มาก ถ้าจะมาให้เร็วต้องใช้ทางลัดสายในป่าโมก –อยุธยา มืดและเปลี่ยว  คนเราความรับผิดชอบต้องมีทั้งต่อพ่อแม่และหน้าที่การงาน  วันนี้วันหยุดแต่เราตั้งใจมาทำงาน  ขึ้นทางด่วนอุดรรัถยาเสียเงิน 115 บาท เช้ามืดของวันหยุดแน่นอนว่ารถน้อยมาก  บางช่วงรู้สึกดั่ง V.I.P ได้ครอบครองถนนคนเดียว  มาถึงที่ทำงาน 08.30 น.  นอนรอให้ตึกที่ทำงานเปิด  

แต่....ก็มีเรื่องบางอย่างที่กระทบใจเรา ขอละไว้ไม่เล่านะ....แต่ก็ช็อคใจเราเล่นเอาเหวอทีเดียว ณ ตอนนั้น ฉันนั่งอยู่ในรถ ดับเครื่องเปิดกระจก  ความอัดอั้นตันใจ  ความเหนื่อยล้ากับทุกสิ่งทุกอย่าง  อาการป่วย  อาการเครียดสะสม  ความอดทนต่อสู้กับทุกสิ่งในชีวิตของฉันทะลักออกมา  ฉันนั่งร้องไห้อยู่ในรถของฉัน  ฉันนั่งอยู่อย่างนั้น  หน้าตึกที่ฉันตั้งใจมาทำงาน  ฉันนั่งอยู่อย่างนั้นนานนับ ชม. จนยามเดินผ่านไปผ่านมา เดินมาถามฉันว่าให้ช่วยอะไรมั้ย  ความสามารถในการจัดการกับความรู้สึกของฉันมันไม่ทำงานตั้งแต่วันที่คนรักฉันจากไป ความฝัน ความหวัง ความสุข อนาคตของเราพังครืน หายวับไปในพริบตาหลายครั้งที่เรารู้สึกว่าควบคุมตัวเองไม่ได้ ฉันพึ่งพาการรักษาทั้งการแพทย์และทางธรรม หลายคนบอกว่าเวลาจะช่วยเยียวยาฉัน...เหรอ..? คิดว่ามันง่ายอย่างนั้นเรยเหรอแค่รอเวลา  ลองเจอกับตัวเองมั้ยหล่ะ..!! แต่ก็ช่างมัน ช่างมันเถอะ  กรรมใครกรรมมันนี่  เราถูกพรากจากกันแบบนี้ก็คงเป็นพรหมลิขิตกรรมลิขิตของคู่เรา  ไม่มีใครหรอกนะ  ที่จะอยากตาย อยากจากคนรัก อยากไม่มีความสุข อยากป่วย  อยากเป็นบ้า ในเวลาที่เรามีความทุกข์ ไม่ว่าจะปัญหาเรื่องใด  แค่เรามีใครสักคนที่พร้อมจะรับฟังเรา  ช่วยเราแก้ปัญหา ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน วันนี้ คนรู้ใจที่สุดคนนั้นอยู่แสนไกลไม่อาจจะโอบกอดและร้องไห้ไปกับเราเหมือนเดิมได้ มันยิ่งทำให้ความร้อนที่ฉันยืนอยู่บนกองทุกข์สุมตัวฉันเอง..แน่นอนฉันต้องหาที่ดับร้อน..ฉันเช็ดน้ำตาจาแห้งสนิท  เช็ดมันด้วยคอเสื้อที่ฉันใส่อยู่นั่นหล่ะ  และ..ฉันบอกกับตัวเองว่า  จะไปทะเล  (เออ..ไปซะทีเฮอะ  บ่นเพ้อเจ้อไรอยู่ด้าย..555)  

จาไปทะเลเหรอ..ง่ายนิดเดียว แค่สตาร์ทรถขับไปเติมน้ำมัน  และขับวนไปที่พักของฉัน  ไปเอากล้องถ่ายรูปสมบัติที่แฟนฉันรักมาก
หวงมาก และวันนี้ฉันจะพา mocca ไปด้วย

มอคค่าคือลูกกระรอกที่ฉันแย่งมาจากปากแมว  น่ารักมั้ย..? ตอบ น่ารักซนแสบทรวงที่สุดอ่ะ !!

ฉันจะไปทะเลกับมอคค่า  10 โมงเช้า คือเวลาที่ฉันเริ่มต้นออกเดินทาง  ขับมุ่งหน้าไปทางพระราม 2 แน่นอนว่า คือเส้นทางลงใต้  นี่คือการขับรถไปทะเลคนเดียวครั้งแรกของฉัน  ไปกันเถอะ  อยากแวะไหนก็แวะ...อ่านป้ายไปเรื่อยๆคงเจอสิ่งที่น่าสนใจได้ไม่ยาก  ขับมาเรื่อยๆก็พบป้ายทางลัดไปชะอำ  งั้นไปทะเลชะอำก็ได้  เลี้ยวตามป้ายไปเรย ออกจากทางหลัก เข้าสู่ทางหลวงชนบท ไม่ต้องกลัวจะหลง  เด๋วก็ต้องมีป้ายบอกเป็นระยะๆ แน่นอน เราใช้เส้นทาง สีแดงตามภาพนี้

(ภาพนี้ ของ ผู้เขียน เส้นทางสายบางตะบูนตอน..2 by น้ำ ฟ้า ป่า เขา http://www.painaidii.com/diary/diary-detail/000230/lang/th/ ) เรามาเจอภาพแผนที่เส้นทางนี้หลังจากกลับมาแล้วนะ กลับมาแล้วก็มาค้นข้อมูลย้อนหลังสถานที่ที่ไปเจอมา  เราไม่เคยมีความรู้เรยว่าแถวนี้มีอะไรกันบ้าง สิ่งที่เราพบเจออาจเป็นเรื่องเก่าหรือโคตรธรรมดาอย่างมากของบางคน  แต่โลกของฉันมันแคบ  รู้ทีหลังดีกว่าไม่รู้อะไรเรยหล่ะน่า

วันนี้อากาศร้อนมาก  ใจร้อนมาก  ในรถไม่มีน้ำสักขวด   พอลงสะพานข้ามบางตะบูนหรือที่เรียกว่าสะพานสูง ปากอ่าวบางตะบูน ก็เจอกับ 7-11 ใหญ่พอสมควรอยู่ข้างทาง  เราเลี้ยวเข้าไปจอดหน้าร้าน  ใจคิดว่าจะลงไปซื้อน้ำ ซื้อขนม  แล้วไปนั่งกินนั่งเล่นที่ปากอ่าว  แต่สายตาหยุด ณ จังงัง ที่รูปปั้นลิง 2-3 ตัวหน้า 7-11  และป้ายขนาดใหญ่เขียนว่า  “ระวังลิง”  อ้าว !! แย่เรย  ความคิดแง่ลบเกี่ยวกับลิงมาอีกหล่ะ  (ตอนวัยรุ่นเราเคยไปเที่ยวเกาะพีพี  จ.กระบี่แล้วเหมาเรือไปเที่ยวเกาะเล็ก เกาะน้อยใกล้ๆๆเกาะพีพีเพื่อดำน้ำ  เรือทั้งลำ 9 คน ลุงขับเรือ ฝรั่ง 7 และเราหญิงไทยตัวเล็กแถมดำคนเดียว ฝรั่งลงไปเดินเล่นบนเกาะหมดหล่ะ  ให้อาหารฝูงลิงที่คุ้นกับนักท่องเที่ยว  ถ่ายรูปกันหนุกหนาน แต่พอเราก้าวลงจากขอบเรือปุ๊ป เท้าแตะผิวน้ำปั้ป  ลิงตัวผู้ตัวใหญ่เบ้งก็วิ่งเข้ามาหาเราทันที  มันกระโดดยืนสองขา  และงับเข้าที่ก้นของเรา  2 เขี้ยว เลือดทะลัก  คนขับเรือเอาไม้ตีลิงไล่ไปแล้วก็หัวเราะ ในขณะที่เราร้องไห้ตกใจเจ็บด้วย  ลุงขับเรือบอกว่า  อ้ายลิงตัวผู้มันคงคิดว่าเราเป็นลิงตัวผู้เหมือนกัน เล็กๆๆ  ดำๆๆ         มาเยือนถิ่นฮาเร็มเมียมัน  มันหวงถิ่น  อ้าว!! ซวยฉิบ..ตรู !! สุดท้าย ไม่ได้ดำน้ำลุงพามารพ.เกาะพีพี เย็บแผลฉีดยาสารพัด  เข็ดฝังใจกับลิงมาก ) ซึ่งตอนนี้ความคิดพรั่งพรู  ถ้าลิงแย่งของหล่ะ  ลิงที่นี่ดุแค่ไหนเราก็ไม่รู้ ถ้าลิงมาแย่งตระกร้ามอคค่า  ตระกร้าสีชมพูถือลงไปจะสะดุดตาลิงป่าววะ  คิดบ้าสะระต่ะ สรุป เอามอคค่าไว้ในรถ  เปิดกระจกไว้นิดหน่อย  แล้วรีบลงไปซื้อน้ำอย่างไว  แล้วเอามือถือใส่เป๋าเกงไปอย่างเดียว  เดินไปถ่ายรูปปากอ่าวแล้วไปจากตรงนี้ดีกว่า  สิ่งที่เห็น ณ ปากอ่าวบางตะบูนนั้น  คือลิงแสม  3-4 ตัว บนต้นโกงกาง  มันใช้สายตาชำเลืองเราเพียงน้อยนิด  สงสัยมันคงคิด โธ่ว์..นังชะนีอ้วนดำ  ไม่ว่างจะมาสุงสิงด้วย  เราสบตากันเล็กน้อย พองาม  เราเดินผ่านไปและไปยืนถ่ายรูปใกล้ๆอ่าว  เห็นเรือลำใหญ่จอดแช่โดดเด่นอยู่ริมน้ำ  ทำไมคนเย๊อะจัง  เล็งอยู่นานที่แท้คือร้านอาหารเรือ แล แล  มาพบข้อมูลทีหลังว่าเป็นร้านดังที่นักชิมต้องแวะเช็คอิน  

รูปนี้ถ่ายจากมือถือผ่าน App IG  บริเวณนี้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์หอยแครง  ที่เห็นก้อนเล็กๆกลางอ่าว  คือที่พักสำหรับเฝ้าแปลงหอยแครง  คงเหมือนกระท่อมกลางนา  แบบทุ่งนาบ้านเรานั่นแหล่ะ  ถ้าใช้กล้อง DSL คงสวยและคมชัดกว่านี้  แต่จุดนี้แดดร้อนสุดๆ ยืนแป้ปเดียวแสบผิวทันที  Oh  แม่ชะนีผิวบาง  ไปต่อกันดีกว่าไม่อยากอยู่นาน  กลัวจ๊ะเอ๋กะพี่ลิง  กริ้ว กริ้ว !!
ขับมาเรื่อยๆเราก็พบกับโลเคชั่นที่แปลกตา เฮ้ย!! เราอยู่ที่ไหนกันนี่  Norway Japan korea Nepal Bhutan..หิมะ หิมะ หิมะ No No No ละเมอหล่ะ  นาเกลือนะฮะ  นาเกลือบ้านแหลมนะยู้ว!! อยากรู้ขั้นตอนการทำนาเกลือ ที่บ้านแหลมนี่ เค้าทำกันอย่างไร  ค้นหาข้อมูลได้ที่ลิงค์นี้ http://www.paiduaykan.com/province/central/phetchaburi/banlamesalt.html  ภาพของพี่เค้ามืออาชีพและสวยกว่าเราเย๊อะเรยเน้อะ..><

อยู่กรุงเทพฯ เดือนดาวไม่ค่อยได้เห็น  วิวแบบนี้ก็สวยดีไปอีกแบบโล่งตา โล่งใจดี  นาเกลือบ้านแหลมขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตเกลือสมุทรที่ดีที่สุดอีกแห่งของเมืองไทยเรานะ  ถนนสายนี้จึงเป็นที่ทำมาหากิน  แหล่งเรียนรู้ธรรมชาติ แหล่งอนุรักษ์วิถีดั้งเดิม  ถนนสำหรับนักปั่นน่องทอง และเป็นถนนสายท่องเที่ยว แน่นอนก็เป็นที่ชื่นชอบของนักถ่ายภาพทั้งมืออาชีพและสมัครเล่น  แฟนช่างภาพอย่างเรา..555

ตลอดทางเราจะพบจุดพักชมวิวสำหรับนักปั่นเป็นระยะๆ (เอ้ะ !! หรือคือจุดจอดพักเหนื่อยกันนะ..) มีป้ายบอกถี่ๆ  ถนนแบบนี้ก็ดี  สวยดี วิวดี โล่งหู โล่งๆแต่ร้อนมากกกกกกกกกกกกกกกกก !!

รถใหญ่อยากจอดถ่ายรูปก็หลบทางหน่อยจอดใกล้ๆโรงเก็บเกลือที่เราจะพบได้ตลอดทางก็ได้ ชาวบ้านก็ทักทายยิ้มแย้มดี  สงสัยชินกับพวกมนุษย์กล้อง..555

อุ้ย อุ้ย ทะเลสีชมพู..!!

สวยจัง  ไม่เคยเห็น  แปลงขังน้ำแบบนี้ก็เป็นอีก 1 ขั้นตอน ของการทำนาเกลือน่ะหล่ะ มหัศจรรย์อะเมซิ่งมาก

ชื่มชมกับนาเกลือพอหล่ะ  ถ่ายรูปพอหล่ะ  เด๋วก็เจออีกเย๊อะ ตลอดเส้นทาง เพลานี้ร้อนเหลือเชื่อ  คนทำนาข้าว กับคนทำนาเกลือนี่คงอึดพอกัน  หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน  แต่ก็คือภูมิปัญญาที่น่าภาคภูมิใจ ควรค่าอนุรักษ์ไว้  ไปกันต่อๆ ขับช้าๆ ใจเย็น  เราจะไม่พลาดสิ่งดีๆ  แว้บ แว้บ อะไรๆ  จอดดูแป้ป  คลื่นลมแรงเรือเล็กไม่ควรออกจากฝั่งนะจ๊ะ ^^

ชิว ชิว มาตามทาง  มาถึงจุดพักชมวิวบางแก้ว  พิกัด ต.บางแก้ว อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี  สายตาสะดุดกับภาพตรงหน้าแพ้บ  ทะเลแหวกนะนั่น  จะนั่งเครื่องไปกระบี่ทำมัย  ที่นี่เพลานี้  ก็แหวกเหมือนกันน่ะ  555  แอบอิจฉาบ้านหลังนี้จัง  มีทะเลแหวกส่วนตัว  วิวส่วนตัว เกาะเล็กๆๆส่วนตัว  แต่สีน้ำบริเวณนี้ออกแนวป่าชายเลนหน่อย  ก็แหงหล่ะ  ทะเลแหวกบางแก้วฝั่งซ้าย  ป่าชายเลนฝั่งขวา ดูภาพต่อไปซิ  

  เวิ้งนี้แค่ไม่ถึง 1 กิโลเมตร  แต่น้ำก็ใสดีนะ  ไม่รู้ว่าเล่นน้ำได้มั้ย  

เอามอคค่าออกมาจากตระกร้าให้สูดกลิ่นทะเลซะหน่อย ทำจมูกฟุดฟิด ฟุดฟิด แปลกกลิ่น  ดันมุดเข้าตระกร้านอน ซะงั้น  เอ้ย !! นี่มามิ๊ อุตส่าห์พามาเที่ยวนะ  พักเหนื่อยนะจุดนี้พอแล้วไปต่อดีกว่า ทำเวลาๆ  แล้วเราก็ชะงักกับไอ้หลักกม.นี้..อัลไรอ่ะ..!!

เฮ้ย..!! กม. 41 ถนน สส. 2021  ต.บางแก้ว อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี  ประติมากรรม ที่ว่าง ทะเล ท้องฟ้า  เลี้ยวพุ่งเข้ามาเรยซิ่ครัซ  รออัลไร..!!

สวยจัง  คิดถึงแฟนมากเรย  เราน่าจะมายืนจุดนี้ด้วยกัน  ถ่ายรูปด้วยกัน  สถานที่พิเศษแบบนี้  ถ่ายรูปตรงนี้อยู่นานมาก  ร้อนไม่กลัวแล้ว  มาค้นข้อมูลภายหลัง  ที่แห่งนี้ คือ  สถานที่จัดงาน ART of SALT 4  กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวของ ททท. เค้าจัดงานชื่อว่า เกลือจะหวานก็งานนี้ เมื่อวันที่ 11-13 มีนาคม 2559 ที่เพิ่งจบไปแล้วนี่เอง  ไฮไลต์ของงานครั้งนี้คือ  ประติมากรรมทำจากเกลือ ชื่อว่า “คู่รักริมทะเล”
ชื่อสินค้า:   คิดมากทำไมให้ใจพร่อง..Don” t worry..@Bangkaew Phetchaburi
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่