"เงินถมสินสอด" คืออะไร ประเพณีแต่งแบบจีนมีด้วยหรอ

กระทู้คำถาม
สวัสดีชาวพันทิป ทุกท่าน นี่เป็นกระทู้แรกที่เราเขียน กระทู้นี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์จะเขียนมาตำหนิ หรือด่าใครแต่อย่างใด แต่เราอยากจะขอปรึกษาและถามคำถามบางอย่างกับคนที่เราไม่รู้จักบ้างว่ามีความคิดเห็นอย่างไร

     เข้าเรื่องเลยแล้วกัน

  ปัญหาเรื่องเดิมๆสำหรับคนที่กำลังวางแผนจะแต่งงาน นั้นคือเรื่อง “สินสอด” แต่ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ “เงินถม” เราไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไร แต่เราจะเรียกแบบนี้  หากจะถามว่ามันคืออะไรนั้น ฟังเรื่องของเราต่อไปนี้ แล้วคุณจะเข้าใจว่ามันคืออะไร  เรื่องมีอยู่ว่า ฉันกับแฟนคนบกันมา 9 ปี ตั้งแต่สมัยเรียน ฉันเป็นเรียนเก่ง และ มีฐานะปานกลาง ค่อนล่าง  ส่วนแฟน เรียนไม่เก่งหรอก แต่ บ้านเขาทำลำใยอบแห้งส่งจีน เราเริ่มต้นรู้จักกันจากการเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน ทุกข์สุขกับการทำ Project มาด้วยกันจนตกหลุมรักกัน ซึ่งในระหว่างที่เราเป็นแฟนกันมา พ่อแม่เรา พ่อแม่เขาก็รับรู้นะ ทั้งสองครอบครัวเอ็นดูเรากับแฟนอย่างดี จนวันที่เราตัดสินใจจะใช้ชีวิตร่วมกัน แฟนเราเขาก็ไปขอพ่อแม่เรา พ่อเราช๊อคหนักมาก เพราะเราเป็นลูกคนเดียว พ่อบอกว่าพ่อใจหายมาก ที่วันนี้มันมาถึงเร็วจัง พ่อต้องยกลูกสาวให้คนอื่นแล้วหรอ เลี้ยงมาตั้งแต่เอานิ้วจิ้มขี้ตัวเอง (พ่อทั้งดราม่า และ ตลกไปพร้อมๆกัน)  แต่เหตุการณ์วันนั้นก็ผ่านไปด้วยดีเพราะพ่อเราเขาเอ็นดูแฟนเรามาก เพราะแฟนเรา เขาเป็นคนใจเย็น แต่เราใจร้อนมากกกกก
แต่แล้ววันที่ไม่คาดคิดก็มาถึง แฟนเราไปบอกป๊ากับม๊าเขาว่าเราจะแต่งงานกัน ป๊ากับม๊าเขาก็ดีใจนะ จะยกนั้นยกนี้ให้ เราก็ปรึกษาป๊าแฟนว่าเราจะเริ่มจากอะไรก่อนดี ป๊าก็บอกว่าเดี๋ยวป๋าไปสู่ขอให้เลยพรุ่งนี้ เรากับแฟนมองหน้ากัน และพูดในใจว่า เห้ย!!! เร็วไปป๊า แต่ป๊าบอกป๊าพูดเล่น (ดีนะป๊าแฟนเราเป็นคนตลก) จากนั้นม๊าแฟนก็เตือนเราว่าอย่าจัดงานแต่งหรูหราเลย มันสิ้นเปลือง เอาเงินที่จะแต่งงานไปลงทุนทำธุรกิจดีกว่า จัดงานเล็กๆก็พอ ซึ่งเราก็เห็นด้วยนะ แต่เล็กนี้แค่ไหนหรอคะ เราก็คิดในใจต่อไป แต่ก็ไม่เป็นไรฟังๆไปก่อน พอมาถึงเรื่องเงิน เราเข้าใจนะเรื่องพวกนี้ผู้ใหญ่เขาต้องคุยกัน แต่เรามองว่าตอนนี้เราอยู่ขั้นตอนปรึกษา ป๊าก็บอกว่า เนี่ยป๊าให้บ้าน 1 หลังที่เชียงใหม่นะ รถเบ็นท์ป้ายแดง 1 คัน และ ทองอีก 50 บาท โอเคมั้ย ป๊าถามเรา เราก็ทำได้แค่ยิ้มๆ แต่ในใจ นี่มันสินสอดหรือมรดก แต่เราไม่ได้อะไรกับของพวกนี้ เพราะเราตั้งใจว่าจะทำธุรกิจกับแฟนอยู่แล้ว ถ้าได้มาก็ไม่ใช่ของเรา มันคือของแฟนเรา จากนั้นป๊าก็ถามว่าสินสอดจะเอาเท่าไรดี แฟนเราก็บอกว่าอันนี้ป๊าค่อยไปคุยกับพ่อแม่เขาดีกว่า ป๊าก็พยักหน้า แต่ป๊าก็พูดขึ้นว่า “ป๊าหน่ะ ให้ได้อยู่แล้วจะเรียกเท่าไหร่ ก็ได้ แต่พ่อแม่ฝั่งนู้นเขาต้องถมเงินมาเท่าที่ป๊าให้หรือมากกว่านะ” เราช๊อคหนักมาก ด้วยความที่ฐานะบ้านเราปานกลางถึงล่าง เราคงมีเงินสู่เจ้าของกิจการลำใยส่งออกไม่ได้หรอก แต่ ณ วินาทีนั้น เราก็คำนวณเงินในบัญชีทั้งหมดที่มีหวังว่า เราจะให้พ่อแม่เรายืมไปวางหน้างานก่อนแล้วตอนแต่งเสร็จค่อยเอามาคืน แต่ก็คิดอีกมุมนึงเราต้องเตรียมเงินไว้สำหรับงานแต่งงาน และธุรกิจที่จะทำด้วยกัน ซึ่งตอนนี้เราก็เริ่มลงทุนกันไปบ้างแล้ว พอันเรามีสติก็เอะใจว่าประเพณีจีนมีแบบนี้ด้วยหรอคะ เงินถม ที่ฝ่ายเจ้าสาวต้องถมให้เท่ากับที่ฝ่ายเจ้าบ่าวให้เป็นสินสอด เราไม่รู้หรอกว่าใครคิดประเพณีนี้ แต่เราเคยได้ยินแต่ว่า พ่อแม่ฝ่ายหญิงให้เงินก้นถุงเพื่อไปสร้างครอบครัวใหม่ ซึ่งเราคิดว่า พ่อแม่เราเขามีให้แหละ แต่คงไม่เยอะเท่าที่พ่อแม่แฟนเราจะให้ เราไม่รู้จะพูดยังไง ได้แต่คิดในใจว่า หากสิ่งเหล่านี้มันเป็นปัญหาซึ่งอาจจะทำให้อนาคตทั้งสองครอบครัวต้องทะเลาะกันเพราะจุดเริ่มต้นครอบครัวของลูกๆ ก็อย่าแต่งเลย เราไม่กล้าเล่าเรื่องนี้ให้พ่อกับแม่เราฟัง เรากลัวเขาโกรธป๊ากับม๊าแฟนเรา เราได้แต่ภาวนาว่า หากถึงวันที่สองครอบครัวต้องพบหน้ากันเพื่อจะสู่ขอ อย่าพูดเรื่องเงินถมนี้ออกมาเลย เราไม่สบายใจอะไรทั้งนั้น แฟนเราเขาก็พูดไม่ออก
   สุดท้ายไม่ว่าอนาคตจะเป็นยังไง อย่ามาทะเลาะกันแบบนี้เลย มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น มีแต่แย่ลง แทนที่งานแต่งมีแต่เรื่องน่ายินดี กลับต้องมาเคืองใจกันเปล่า

ใครมีประสบการณ์เรื่องแบบนี้ ช่วยแนะนำ หรืออะธิบายให้เราหน่อยว่าประเพณีจีนเขาต้องถมกันจริงๆหรอ แล้วเท่าไหร่ถึงจะพอ เราก็ไม่อยากให้พ่อแม่เราเขารู้สึกด้อยกว่า แค่เขาต้องยกลูกสาวให้ เขาก็รู้สึกใจหายมากพอแล้ว…
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
มีครับ เหมือนว่าถ้าฝ่ายหญิงเรียกมาหนึ่งล้าน ฝ่ายชายให้หนึ่งล้านตามคำขอ ฝ่ายหญิงต้องเอาเงินถมกลับลงไปล้านกว่าๆ เพื่อแสดงออกว่าไม่ได้ขายลูกกิน และเพื่อแสดงว่าถ้าไม่ได้มาขอก็สามารถเลี้ยงลูกสาวต่อไปได้ ทางแก้คืออย่าเรียก พูดไปเลยว่า ไม่เรียกสินสอด แล้วแต่จะให้ครับ
ความคิดเห็นที่ 24
ธรรมเนียมนี้ดีกว่าเรียกค่าน้ำนมแล้วยึดเงินสินสอดทั้งหมดไว้กับตัวมากเลยครับ แบบนั้นขายลูกกินชัดๆ
ความคิดเห็นที่ 26
ตอนจะเรียกสินสอดนี่เหตุผลมาเต็มเลยนะสาวๆ
พอมีเงินถมนี่หาข้อมูล หนักใจกันใหญ่
มันจะไปย่ากอะไร. มีเงินถมแค่ไหน ไหวเท่าไร่ ก็เรียกสินสอดไปน้อยๆก็จบแล้ว. หรือต้องสินสอดเยอะๆเท่านั้น
ความคิดเห็นที่ 66
แอบมาบอก อีกนิด คืองี้ครับ
สมัยก่อนครอบครัวคนจีน ลูกชายจะเป็นผู้สืบทอดมรดกทั้งหมด และ ลูกๆ ทุกคนจะกินเงินกงสี
คราวนี้ ถ้าลูกสาวแต่งงานไปแล้ว ก็จะไม่ได้เงินกงสี แล้ว
ถ้าครอบครัวพอมีฐานะ เค้าก็จะให้เงินหรือทรัพย์สินกับลูกสาวที่แต่งงานไปตั้งตัวกับลูกเขย  (เหมือนแบ่งมรดก)
โดยปกติเค้าจะให้เท่ากับหรือไม่น้อยกว่า ค่าสินสอดที่ทางฝ่ายชายให้มา หรือ มีมากให้มากมีน้อยให้น้อย ก็ได้
เพราะตามคติในคนยุคนั้นถือว่า ลูกสาวแต่งออกไปก็เป็นลูกคนอื่นเพราะต้องคอยรับใช้ พ่อ-แม่ สามี ให้ดีที่สุด
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ในเคส จขกท.ไม่ต้องเครียดครับ เรื่องเงินถม จะให้หรือไม่ให้ก็ได้ แต่ทางออกง่ายๆ คือ ตอนที่ฝ่ายชายมาพูดคุย ก็บอก
เค้าไปเลยว่า ยกบ้าน ยกที่ให้หมดเลย ... เนื่องจาก จขกท.เป็นลูกคนเดียว ยังไงก็ได้อยู่แล้ว อิอิอิ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 57
มีค่ะ เพื่อนสนิทผู้ชายสองคนเพิ่งแต่งงานไปเมื่อปลายปีที่แล้ว กับผู้หญิงคนจีนด้วยกัน ฝ่ายผู้หญิงเอาเงินสินสอด กลับมาเป็นเงินถม คือไปซื้อบ้าน ซื้อรถ แล้วพ่อแม่ของฝ่ายหญิงก็ฝากเงินให้ในบัญชีเพิ่มเข้าไป

มีอีกคู่หนึ่งเพิ่งเลิกลากันเพราะเงินถมนี่ละค่ะ คือบ้านฝ่ายหญิงไม่มีฐานะ เป็นคนไทย เขาเรียกเงินสินสอดเป็นหลักล้าน ฝ่ายชายบ้านเป็นเจ้าของโรงงาน และผู้ชายมีกิจการส่วนตัวซึ่งมีฐานะมาก พ่อแม่ฝ่ายหญิง รวมถึงเจ้าตัวฝ่ายหญิงบอกให้เงินจำนวนนั้นมาล้วนๆ ไม่มีเงินถม ไม่ยอมให้คืน ค่าแต่งงานทุกอย่างให้ฝ่ายชายหมด รวมถึงชุดเจ้าสาว และชุดเจ้าสาวต้องตัดใหม่ และต้องการไปพรีเวดดิ้งที่ญี่ปุ่น

บ้านฝ่ายชายเห็นว่าฟุ้มเฟื่อย แม้ว่าฝ่ายหญิงบอกว่าจะเอาเงินจำนวนนั้นมาเปิดร้านอาหารทำมาหากิน อ้างบุญคุณและหลายๆอย่าง แต่ตกลงกันไม่ได้ เหมือนเอาเปรียบฝ่ายชายเกินไป ก็เลยเพิ่งเลิกเมื่อต้นเดือนนี่เอง ตอนนี้มารู้ว่า ฝ่ายหญิงแอบคบกับผู้ชายอีกคนด้วยละ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่