พูดถึงค่าสินสอด ว่าจำเป็นไหม ผมบอกก่อนเลยว่า ส่วนตัวผมนะ คิดว่า "ไม่จำเป็น" อะไรเลย และแม้กระทั่งแฟนผมเองที่จะแต่งงานด้วยก็บอกว่า "ไม่จำเป็น เช่นกัน"
หลายคนบอก
- ก็จะไปเอาลูกสาวเขามา ก็ต้องจ่ายสินสอดเพื่อแสดงฐานะ หรือรับประกันว่า ถ้าเอาลูกสาวเขามาแล้ว จะดูแลลูกสาวเขาได้ เขาเลี้ยงกว่าจะโตมาได้ขนาดนี้
//ผมถามกลับหน่อย แล้วฝั่งลูกผู้ชายทุกคน พ่อแม่ทุกคนจะปล่อยปละละเลย ทิ้งขว้างเลยกันหรอครับ แต่งกับใครก็ช่างหัวลูก จะไปลำบากก็ช่างหัวลูกงี้หรอครับ แถมลูกชายโตมาจากขอนไม้ + น้ำค้างหรอครับ ก็ไม่ใช่นะครับ ทุกคนก็โตมาเหมือนกันหมด พ่อแม่ ก็รักลูกของตัวเองกันหมด ทำไมฝ่ายชายไม่ได้การรับประกันอะไรจากฝ่ายหญิงบ้าง โดยเฉพาะในปัจจุบันที่รณรงค์เรื่องความเท่าเทียมทางเพศอยู่
(อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ยอมอ่านให้จบก่อนเลยนะครับ อย่างพึ่งแสดงความเห็นเอามันส์)
ผมเคยพาญาติผู้ใหญ่ไปคุยกัน จนจบที่ "เงิน 5 แสน + ทองคำ 5 บาท" (รวม ๆ เกือบ 1 ล้านอ่ะ) (พ่อแม่แฟน ไม่ได้เรียก แต่ญาติ ๆ เรียก อันนี้ก็แปลกเหมือนกัน) ซึ่งผมก็ทำได้แค่ตอบตกลงกันไปก่อน แต่โชคดีที่ซึ่งทางเขาไม่รีบ (แบบไม่รีบเลยจริง ๆ อ่ะ เขาบอก ขอแค่มีงานแต่งก็พอ วันไหน ปีไหน นานแค่ไหนก็ได้)
ซึ่งแฟนผมก็เซงนะ ว่าทำไมที่บ้านถึงยังคงเอาธรรมเนียมนี้ไว้อยู่ แถมเรียกซะเยอะเลย เพราะแฟนผมเคยวางแผนไว้ว่า ถ้านางมีลูกกับผม นางจะไม่เอาสินสอดเลยสักบาท
(แต่สุดท้ายแล้ว ผ่านวันนั้นไป แฟนผมก็บอกค่อย ๆ ทำงานไปเก็บเงินด้วยกันเองนี่แหละ // จริง ๆ ก่อนมาตั้งกระทู้นี้ผมก็ไม่เคยคิดมากอะไรนะ หลักจากวันนั้นก็ผ่านมา 2 ปีแล้ว ก็ยังไม่ได้มีแพลน หรือสัญญาณรีบแต่งอะไรนะครับ ชิว ๆ ปกติ แต่บังเอิญไปเห็นข้อถกเถียงกันในเฟส เลยเอามาตั้งกระทู้บ้างเฉย ๆ เพื่อฟังความคิดเห็น)
บอกก่อน เผื่อคนเห็นต่างจะมาเม้นด้านลบนะคือ
"โถ....พ่อหนุ่ม ไม่มีปัญญาไปจ่ายสินสอดเองรึป่าว"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้- พวกผม 2 คน มีเงินเยอะพอตัวอยู่ครับ (รายได้รวมตอนนี้ เดือนละ 8 หมื่น ++) แต่ไปหนักค่าบุญ ค่าบาปจากบัตรเครดิตซะส่วนใหญ่ 5555+ ถ้าหมดบัตรก็สบายตัวละ อีกไม่กี่เดือน
- และพวกผมซื้อบ้านอยู่ด้วยกันมา 2 ปีแล้วครับ (คบกันมา 7 ปี ตอนนี้ผมอายุ 28 กับแฟน 26 ปี) ชื่อบ้าน และโฉนดที่ดิน รวม 5 ล้านกว่าบาท เป็นทั้งชื่อผม และแฟน
- จริงอยู่ที่ไม่มีเงินก้อนมาตู้ม !! เดียว 1 ล้านบาท !! แต่ถ้าจะเก็บเงินจริง ๆ 1 - 2 ปีก็คงแต่งได้แล้วครับ แต่ปัญหาคือ วินัยการเก็บเงินนี่แหละ ที่รู้ ๆ อยู่ว่า 90% ของคนบนโลกนี่แหละ ที่มันทำได้ยากสุด ๆ แล้วจะเอาเงินก้อนมาจากไหน
แล้วก็ตรงนี้ ผมขอดักไว้ก่อนอีก เผื่อคนที่จะมาเม้นเอาสนุก // ผมไม่เห็นด้วยเรื่องค่าสินสอดก็จริง แต่เรื่องเหตุผล ผมไม่เคยไปดิสเครดิตบ้านผู้หญิง ไม่เคยไปด้อยค่าใคร ตามนี้..........คือ
"แฟนก็ผ่าน.......มาหลายคน ทำไมต้องเป็นคนสุดท้ายที่ต้องมาเสียเงิน"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้- โทษทีครับ ผมไม่เห็นด้วยเรื่องสินสอดก็จริง "แต่ไม่ใช่ด้วยเหตุผลนี้" เพราะแฟนผมคนนี้ ผมเป็นคนแรกของเขา แบบกล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำ ใครจะไม่เชื่อก็แล้วแต่ (ผมรู้อยู่ว่าโลกโซเชี่ยลมันจะพูดอะไร จะคิดอะไรก็ได้ จะมองว่าผมโม้ หรือผมโดนหลอกก็ได้) แต่ผมก็ยืนยันว่า "ถึงผมไม่เห็นด้วย ที่มีค่าสินสอด แต่ไม่ใช่เพราะแฟนผ่านมาเยอะ เพราะผมเป็นคนแรกของแฟนผมจริง ๆ" ถ้าจะเป็นฝ่ายผ่านมาเยอะ คือตัวผมเองมากกว่า ที่ไม่ใช่คนแรกของแฟนผม ซึ่งแฟนก็รู้วีรกรรมผมเอง ซึ่งเพื่อน ๆ ในกลุ่มก็รู้หมดว่าผมโคตร...... แฮะ ๆ ๆ
*หรือจะแฟนใคร ๆ ผ่านมาเยอะจริง ๆ สักแค่ไหน คนจะแต่งงานกัน คิดดูว่าจะควรมองถึงอนาคต หรือมองย้อนหาอดีต ก็เลือกกันเอง
"บ้านผู้หญิง ขายลูกกินรึป่าว"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้- บ้านแฟนผมเป็น พ่อเป็นข้าราชการเกษียณ ระดับผู้อำนวยการ ปัจจุบัน แม่ก็รักษาการเป็นผู้อำนวยการอยู่ การเงินมั่งคั่งแน่นอน เขาคงไม่อยากขายลูกกินหรอกหรอก
แต่ก็นั่นแหละ ทั้งหมดทั้งมวลนี้
ผมก็แค่ไม่เข้าใจว่า จะเอาเรียกเอาเงินสินสอดไปทำไม แถมบางบ้านก็เรียกตั้งเยอะแยะ ถ้าเป็นเงินรายเดือน ต่อเดือนอ่ะ อยู่ได้สบาย ๆ เลย (เอาจริง ๆ คือพวกผมก็เงินเหลือทำเรื่องไร้สาระได้เยอะเลย) แต่ทำไมต้องเอา
"เงินก้อนเกือบล้าน" ไปยกเป็นสินสอด นี่แหละที่เก็บยาก และที่สำคัญมันจำเป็นอะไรตรงไหน
สำคัญเลย
พูดตามตรงนะ ตอนนี้พวกผมสบายดี การเงินดี มีบ้านของตัวเอง หน้าที่การงานมั่นคงทั้งคู่ ใช้จ่ายได้สบายใจ สไตล์ชอบก็จัด ประหยัดทำไม // แต่ถ้าเกิดมีกำหนดระยะเวลาเอาเงินสินสอด 1 ล้านไปให้เมื่อไหร่นั่นแหละ การเงินจะช็อตแน่นอน แผนการเงินในอนาคตรับรองว่าพัง แบบนี้ก็จะทำให้ลูกสาวเขาเองพังไปด้วยเช่นกัน แต่ได้สินสอดไปแล้ว พ่อแม่ฝ่ายหญิงมั่นใจแล้วใช่ไหมว่าผมดูแลได้ โอเคครับ.....แต่ความจริง ตัวผมเองทีแรกจากมั่นใจว่าดูแลได้ แต่ถ้าช็อตเงิน 1 ล้านแบบนี้ มันจะกลายเป็นความมั่นใจผมหายไปเองละนะ ความมั่นใจปลอม ๆ ที่พ่อแม่ได้ไป มันอาจไม่เกิดขึ้นแล้วด้วยนะ เพราะผมว่าหลาย ๆ คนก็ตกอยู่ในสถานะการเงินแบบผมนี่แหละ // แต่อย่างที่บอก ผมโชคดี ที่เขาไม่กำหนดเวลา
เพื่อน ๆ พี่ ๆ ว่ายังไงกันบ้าง สินสอดมีไว้ทำไม และคิดว่ายังจำเป็นอยู่ไหม // แต่เดี๋ยวผมจ่ายบัตรเครดิตหมด ผมก็จะเก็บเงินแต่งแหละ แม่ผมก็รอช่วยอยู่ ไม่ยากเท่าไหร่ แค่บ่นเฉย ๆ เพราะคิดว่าไม่จำเป็น (ผมเอาเงิน 1 ล้านไปทริปยุโรปได้เป็นเดือน ๆ อ่ะ แต่นี่ต้องเอามาซื้อความมั่นใจ มันเลยน่าบ่นเฉย ๆ)
(ผมยังเคยคุยเล่น ๆ กับแฟนเลยว่า ถ้าอนาคตผมมีลูกสาว ผมจะเรียกสินสอดเงินสด 3 ล้านจากบ้านผู้ชาย ให้มากองไว้ตรงหน้า แต่ผมก็จะเอาเงินสด 3 ล้านจากฝั่งผม มากองไว้ตรงหน้าเหมือนกัน (พร้อมให้ตรวจสอบ เปิดเผยที่มาของเงินอะไรให้เรียบร้อย โปร่งใส) ให้ได้รู้กันไปว่าถึงเราเรียกเยอะ แต่เราก็มีเท่ากับจำนวนที่เราเรียกเหมือนกัน ไม่ได้อยากได้เงินคุณ พอจบการพิสูจน์ที่มาของเงิน ว่าไม่ได้ไปโกงใครมา ไม่ได้ไปยืมใครมามั่ว โอเค เอาเงิน 3 ล้าน คืนไป แล้วผมจะยกลูกสาวให้ แบบนี้สิ ผมถึงมั่นใจของจริงว่าเขาดูแลลูกเราได้ ต่ำ ๆ ก็มี 3 ล้าน ที่พิสูจน์ที่มาแล้วอ่ะ และเราก็ไม่ต้องไปเดือดร้อนลูกเขยเอาเงินมาให้เราอีก แถมอีกฝ่ายก็จะได้รู้ว่าลูกสาวเราก็ดูแล ลูกชายเขาได้เหมือนกัน มีแต่แฟร์ กับ แฟร์
ปี 2567 ทุกคนคิดว่า "สินสอด" ยังจำเป็นอยู่ไหม
หลายคนบอก
- ก็จะไปเอาลูกสาวเขามา ก็ต้องจ่ายสินสอดเพื่อแสดงฐานะ หรือรับประกันว่า ถ้าเอาลูกสาวเขามาแล้ว จะดูแลลูกสาวเขาได้ เขาเลี้ยงกว่าจะโตมาได้ขนาดนี้
//ผมถามกลับหน่อย แล้วฝั่งลูกผู้ชายทุกคน พ่อแม่ทุกคนจะปล่อยปละละเลย ทิ้งขว้างเลยกันหรอครับ แต่งกับใครก็ช่างหัวลูก จะไปลำบากก็ช่างหัวลูกงี้หรอครับ แถมลูกชายโตมาจากขอนไม้ + น้ำค้างหรอครับ ก็ไม่ใช่นะครับ ทุกคนก็โตมาเหมือนกันหมด พ่อแม่ ก็รักลูกของตัวเองกันหมด ทำไมฝ่ายชายไม่ได้การรับประกันอะไรจากฝ่ายหญิงบ้าง โดยเฉพาะในปัจจุบันที่รณรงค์เรื่องความเท่าเทียมทางเพศอยู่
(อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ยอมอ่านให้จบก่อนเลยนะครับ อย่างพึ่งแสดงความเห็นเอามันส์)
ผมเคยพาญาติผู้ใหญ่ไปคุยกัน จนจบที่ "เงิน 5 แสน + ทองคำ 5 บาท" (รวม ๆ เกือบ 1 ล้านอ่ะ) (พ่อแม่แฟน ไม่ได้เรียก แต่ญาติ ๆ เรียก อันนี้ก็แปลกเหมือนกัน) ซึ่งผมก็ทำได้แค่ตอบตกลงกันไปก่อน แต่โชคดีที่ซึ่งทางเขาไม่รีบ (แบบไม่รีบเลยจริง ๆ อ่ะ เขาบอก ขอแค่มีงานแต่งก็พอ วันไหน ปีไหน นานแค่ไหนก็ได้)
ซึ่งแฟนผมก็เซงนะ ว่าทำไมที่บ้านถึงยังคงเอาธรรมเนียมนี้ไว้อยู่ แถมเรียกซะเยอะเลย เพราะแฟนผมเคยวางแผนไว้ว่า ถ้านางมีลูกกับผม นางจะไม่เอาสินสอดเลยสักบาท
(แต่สุดท้ายแล้ว ผ่านวันนั้นไป แฟนผมก็บอกค่อย ๆ ทำงานไปเก็บเงินด้วยกันเองนี่แหละ // จริง ๆ ก่อนมาตั้งกระทู้นี้ผมก็ไม่เคยคิดมากอะไรนะ หลักจากวันนั้นก็ผ่านมา 2 ปีแล้ว ก็ยังไม่ได้มีแพลน หรือสัญญาณรีบแต่งอะไรนะครับ ชิว ๆ ปกติ แต่บังเอิญไปเห็นข้อถกเถียงกันในเฟส เลยเอามาตั้งกระทู้บ้างเฉย ๆ เพื่อฟังความคิดเห็น)
"โถ....พ่อหนุ่ม ไม่มีปัญญาไปจ่ายสินสอดเองรึป่าว"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แล้วก็ตรงนี้ ผมขอดักไว้ก่อนอีก เผื่อคนที่จะมาเม้นเอาสนุก // ผมไม่เห็นด้วยเรื่องค่าสินสอดก็จริง แต่เรื่องเหตุผล ผมไม่เคยไปดิสเครดิตบ้านผู้หญิง ไม่เคยไปด้อยค่าใคร ตามนี้..........คือ
"แฟนก็ผ่าน.......มาหลายคน ทำไมต้องเป็นคนสุดท้ายที่ต้องมาเสียเงิน"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
"บ้านผู้หญิง ขายลูกกินรึป่าว"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่ก็นั่นแหละ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ผมก็แค่ไม่เข้าใจว่า จะเอาเรียกเอาเงินสินสอดไปทำไม แถมบางบ้านก็เรียกตั้งเยอะแยะ ถ้าเป็นเงินรายเดือน ต่อเดือนอ่ะ อยู่ได้สบาย ๆ เลย (เอาจริง ๆ คือพวกผมก็เงินเหลือทำเรื่องไร้สาระได้เยอะเลย) แต่ทำไมต้องเอา "เงินก้อนเกือบล้าน" ไปยกเป็นสินสอด นี่แหละที่เก็บยาก และที่สำคัญมันจำเป็นอะไรตรงไหน
สำคัญเลย
พูดตามตรงนะ ตอนนี้พวกผมสบายดี การเงินดี มีบ้านของตัวเอง หน้าที่การงานมั่นคงทั้งคู่ ใช้จ่ายได้สบายใจ สไตล์ชอบก็จัด ประหยัดทำไม // แต่ถ้าเกิดมีกำหนดระยะเวลาเอาเงินสินสอด 1 ล้านไปให้เมื่อไหร่นั่นแหละ การเงินจะช็อตแน่นอน แผนการเงินในอนาคตรับรองว่าพัง แบบนี้ก็จะทำให้ลูกสาวเขาเองพังไปด้วยเช่นกัน แต่ได้สินสอดไปแล้ว พ่อแม่ฝ่ายหญิงมั่นใจแล้วใช่ไหมว่าผมดูแลได้ โอเคครับ.....แต่ความจริง ตัวผมเองทีแรกจากมั่นใจว่าดูแลได้ แต่ถ้าช็อตเงิน 1 ล้านแบบนี้ มันจะกลายเป็นความมั่นใจผมหายไปเองละนะ ความมั่นใจปลอม ๆ ที่พ่อแม่ได้ไป มันอาจไม่เกิดขึ้นแล้วด้วยนะ เพราะผมว่าหลาย ๆ คนก็ตกอยู่ในสถานะการเงินแบบผมนี่แหละ // แต่อย่างที่บอก ผมโชคดี ที่เขาไม่กำหนดเวลา
เพื่อน ๆ พี่ ๆ ว่ายังไงกันบ้าง สินสอดมีไว้ทำไม และคิดว่ายังจำเป็นอยู่ไหม // แต่เดี๋ยวผมจ่ายบัตรเครดิตหมด ผมก็จะเก็บเงินแต่งแหละ แม่ผมก็รอช่วยอยู่ ไม่ยากเท่าไหร่ แค่บ่นเฉย ๆ เพราะคิดว่าไม่จำเป็น (ผมเอาเงิน 1 ล้านไปทริปยุโรปได้เป็นเดือน ๆ อ่ะ แต่นี่ต้องเอามาซื้อความมั่นใจ มันเลยน่าบ่นเฉย ๆ)
(ผมยังเคยคุยเล่น ๆ กับแฟนเลยว่า ถ้าอนาคตผมมีลูกสาว ผมจะเรียกสินสอดเงินสด 3 ล้านจากบ้านผู้ชาย ให้มากองไว้ตรงหน้า แต่ผมก็จะเอาเงินสด 3 ล้านจากฝั่งผม มากองไว้ตรงหน้าเหมือนกัน (พร้อมให้ตรวจสอบ เปิดเผยที่มาของเงินอะไรให้เรียบร้อย โปร่งใส) ให้ได้รู้กันไปว่าถึงเราเรียกเยอะ แต่เราก็มีเท่ากับจำนวนที่เราเรียกเหมือนกัน ไม่ได้อยากได้เงินคุณ พอจบการพิสูจน์ที่มาของเงิน ว่าไม่ได้ไปโกงใครมา ไม่ได้ไปยืมใครมามั่ว โอเค เอาเงิน 3 ล้าน คืนไป แล้วผมจะยกลูกสาวให้ แบบนี้สิ ผมถึงมั่นใจของจริงว่าเขาดูแลลูกเราได้ ต่ำ ๆ ก็มี 3 ล้าน ที่พิสูจน์ที่มาแล้วอ่ะ และเราก็ไม่ต้องไปเดือดร้อนลูกเขยเอาเงินมาให้เราอีก แถมอีกฝ่ายก็จะได้รู้ว่าลูกสาวเราก็ดูแล ลูกชายเขาได้เหมือนกัน มีแต่แฟร์ กับ แฟร์