คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
การกู้มาโป๊ะบัตร คุณต้องดูที่อัตราดอกเบี้ย บัตรเครดิตจะอยู่ที่ประมาณ 20% ต่อปี ลดต้นลดดอก
ถ้ากู้โดยมีหลักทรัพย์ค้ำประกันกัน(พวกสินเชื่อบ้าน หรือรถ ดอกเบี้ย fix จะลงไปอยู่ที่ 5-8% ต่อไป) หรือการกู้โดยมีตำแหน่งหรือมีคนค้ำให้ ธนาคารจะมองว่าหนี้ของคุณมี ความเสี่ยงน้อยลง เค้าก็ย่อมจะเก็บดอกเบี้ย คุณน้อยลงตามไปด้วย เพราะเค้าไม่ต้องกันสำรองหนี้สูญมากเท่าบัตรเครดิต
แต่การดูอัตราดอกเบี้ยก็ต้องดูอีกว่า เป็นแบบลดต้นลดดอกหรือไม่ ของบัตรเครดิตจะเป็นแบบลดต้นลดดอก
แต่ถ้าคุณไปกู้แบบที่ #1 ว่า ดอกเบี้ย fix คือ ดอกเบี้ยคงที่ ต้นลดดอกไม่ลด อัตราดอกเบี้ยมันจะประมาณ 1.9 เท่าของดอกแบบลดต้นลดดอก ถ้า ดอกเบี้ย fix 9% เทียบกับลดต้นลดลงก็จะเป็น ดอกเบี้ย 17% ต่อปี
ถ้ากู้โดยมีหลักทรัพย์ค้ำประกันกัน(พวกสินเชื่อบ้าน หรือรถ ดอกเบี้ย fix จะลงไปอยู่ที่ 5-8% ต่อไป) หรือการกู้โดยมีตำแหน่งหรือมีคนค้ำให้ ธนาคารจะมองว่าหนี้ของคุณมี ความเสี่ยงน้อยลง เค้าก็ย่อมจะเก็บดอกเบี้ย คุณน้อยลงตามไปด้วย เพราะเค้าไม่ต้องกันสำรองหนี้สูญมากเท่าบัตรเครดิต
แต่การดูอัตราดอกเบี้ยก็ต้องดูอีกว่า เป็นแบบลดต้นลดดอกหรือไม่ ของบัตรเครดิตจะเป็นแบบลดต้นลดดอก
แต่ถ้าคุณไปกู้แบบที่ #1 ว่า ดอกเบี้ย fix คือ ดอกเบี้ยคงที่ ต้นลดดอกไม่ลด อัตราดอกเบี้ยมันจะประมาณ 1.9 เท่าของดอกแบบลดต้นลดดอก ถ้า ดอกเบี้ย fix 9% เทียบกับลดต้นลดลงก็จะเป็น ดอกเบี้ย 17% ต่อปี
แสดงความคิดเห็น
การกู้เงินมาปิดบัตรเครดิตควรทำหรือเปล่าครับ
ปัญหาคือผมเริ่มรู้สึกว่าหนี้บัตรที่แม้จะจ่ายได้เกินขั้นต่ำอยู๋นิดหน่อย มันจะทำร้ายผมในเชิงดอกเบี้ยอยู่พอสมควรเลย และบังเอิญว่าผมไปเห็นพวกที่สามารถ refinance หนี้บัตรโดยเปลี่ยนสภาพให้เป็น personal loan ได้
คือจะถามแบบคนเบ๊อะบ๊ะ ถือชะลอมเข้ากรุงเทพเลยละกัน ว่าถ้าผมตั้งบนเงื่อนไขที่ผมบริสุทธิ์ใจต่อเจตนารมณ์ของเงินกู้นี้ ชนิดที่ถ้าสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้ไม่ได้อายัดบัตรเครดิตต้นเรื่อง ผมก็พร้อมจะหักทิ้งในทันที เพราะไม่เห็นว่าต้องใช้เพื่ออะไรอีกแล้ว กู้มาปิดก็คือมาปิดครับ ไม่มีหัวหมอคิดเอาเงินไปผันทำอย่างอื่นแน่นอน
แบบนี้มันมีความได้เปรียบเชิงดอกเบี้ยจริงๆไหมครับ และผมควรทำไหม หรือว่ากัดฟันผ่อนเกินขั้นต่ำนิดหน่อยไปเรื่อยๆจนหมดยังดีซะกว่า
ขอบคุณมากครับ