สวัสดีครับ. มาถึงบันทึกที่สองของผมกันครับ ก็ยังเหมือนเดิม เน้นเรื่องกินเรื่องเที่ยว เน้นว่ากินเที่ยวต้องมาก่อน 555++ ครั้งนี้หมุดผมปักลงที่วัดหงษ์ทอง เเละถ้าไปวัดหงษ์ทองก็ต้องไปลองลิ้มชิมรสฝีมือการอาหารของครัวบ้านทวี ได้ยินชื่อเสียงจากเพื่อนพ้องน้องพี่มาสักพัก อ่าน Review มาก็พอสมควร ถึงเวลาไปเสียตังค์กันสักที... (ดีใจจนเนื้อเต้น

)
เรามาทราบประวัติวัดหงษ์ทองกันพอสังเขปก่อนดีกว่าครับ เพื่อให้การเที่ยวชมของเรามีอรรถรสมากขึ้น. "วัดหงษ์ทอง" ตั้งอยู่ที่ ต.สองคลอง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เริ่มสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2533 โดยมีพระครูปรีชา ประภากร เข้ารับตำแหน่งเจ้าอาวาส ตั้งแต่ ปี 2534 จนถึงปัจจุบัน. ประวัติเพิ่มเติมของท่านเจ้าอาวาสสามารถอ่านได้ตาม Link นี้นะครับ (
https://sites.google.com/site/wathongthong/profile) เเละท่านได้ร่วมกับพุทธศาสนิกชนทั้งหลายช่วยสร้างถาวรวัตถุต่าง ๆ ขึ้นมามากมายตามลำดับ ดังที่ปรากฎในปัจจุบัน.
สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ ใช้รถยนต์ส่วนตัว ล้อหมุนออกจากบางนาบ่ายโมง มุ่งสู่ จ.สมุทรปราการ ใช้เส้นทางสุขุมวิมสายเก่า หรือเดินทางตามถนนบางนาตราด หรือทางด่วนบูรพาวิถี และแยกขวาเข้าบางบ่อ ไปบรรจบกับสุขุมวิทสายเก่าแล้วเลี้ยวซ้ายไปยังวัดก็ได้ หากเดินทางมาจากฉะเชิงเทรา ใช้เส้นทางฉะเชิงเทรา– บางปะกง ประมาณ 26 กิโลเมตร ลอดใต้สะพานลอยถนนบางนา – ตราด มาบรรจบกับถนนสุขุมวิทสายเก่า แยกขวาไปอีกประมาณ 14 กิโลเมตร จะเห็นทางเข้าวัดหงษ์ทองอยู่ทางซ้ายมือ อีกจุดสังเกตคือ ปูนปั้นรูปธรรมจักรตั้งอยู่หลังปูนปั้นรูปหงษ์ไทยสีทองสะดุดตา (อันนี้ผมถ่ายภาพไว้ไม่ทัน มัวแต่เล็งหาทางเข้ากันอยู่ 555. ครั้งเเรกก็งี้เเหละครับ!!!)
ลัดเลาะตามถนนคอนกรีตเข้าไปเรื่อย ๆ ครับ ไม่ต้องกลัวหลงครับ มีป้ายบอกตลอดทางเป็นระยะ ๆ (ร้านบ้านครัวทวีกับวัดหงษ์ทองไปทางเดียวกันครับ จะว่าอยู่ที่เดียวกันเลยก็ไม่ผิดครับ ติดกันเลยครับ)

ที่วัดมีลานจอดรถกว้างขวางครับ แต่ค่อนข้างเเห้งเเล้ง ต้นไม้ใหญ่ไม่มี โรงจอดมีน้อยครับ ต้องอาศัยดวงเอาครับ (เเต่ผมดันเป็นคนโชคดีซะด้วย ได้โรงจอดรถหน้าร้านครัวบ้านทวี) ต้องบอกก่อนว่าที่จอดรถของที่นี่มีทั้งของบ้านครัวทวีเเละของวัด ใช้ร่วมกันไม่เสียค่าจอดครับ ฟรี ๆ กันไปเลย

จอดรถเสร็จ ไม่รอช้าครับ (เพราะมันร้อน!!! ผมไม่ได้เตรียมตัวมาเลย น้องมารับก็ไปเลย) เน้นน่ะครับ หมวกหรือร่ม เเต่ทางที่ดี ผมว่าควรมาเที่ยวช่วงเช้าหรือไม่ก็ช่วงเเดดร่มลมตกจะดีกว่าครับ สบาย ๆ ไม่ร้อน ถ่ายรูปได้ ไม่ย้อนเเสง.
จากที่จอดรถก่อนเข้าสู่ตัววัดจะมีร้านค้าเเผงลอยให้เราได้จับจ่ายหาของกินให้เพลินปากมากมายครับ (หมึกปิ้งน่ากิน ไม้ล่ะ 10.- เอง.)

เข้าสู่ตัววัด ศาสนสถานของที่นี่ส่วนใหญ่ จะตั้งอยู่ในบริเวณชายเลน เมื่อน้ำทะเลขึ้นจะดูเหมือนอยู่กลางน้ำ ฉะนั้นถ้าอยากชมความงามยามน้ำขึ้นก็ต้องดูวันเวลาให้ดีนะครับ เราเดินตามสะพานคอนกรีตไปสู่อาคารหลังเเรก “ศูนย์พัฒนาจิต ศาลาปฏิบัติธรรมกรรมฐาน ศรนิลอนุสรณ์”

ถัดจากตัวอาคารศูนย์พัฒนาจิตฯ จะพบสะพานคอนกรีตตกเเต่งด้วยปูนปั้นเป็นรูปพระยานาคราช 9 เศียร 2 ตัวขนาบทั้งสองข้างทางเชื่อมต่อกลับสะพานทางเดินมุงหลังคาสู่ “พระธาตุคงคามหาเจดีย์”

ภาพจิตรกรรมฝาผนังของศาสนสถานแห่งนี้ จะผสมผสานวัฒนธรรมไทยกับวัฒนธรรมจีนเข้าไว้ด้วยกัน เห็นได้จาก ภาพเขียนสีบางภาพ งานปูนปั้นตกแต่งบางชิ้น หรือเเม้กระทั่งสถาปัตยกรรมของอาคาร ที่แสดงเอกลักษณ์ศิลปะจีนอย่างชัดเจน


ตลอดสองข้างชายคาของสะพานคอนกรีตที่ทอดตัวมุ่งสู่ “พระธาตุคงคามหาเจดีย์” จะมีระฆังทองเหลืองใบเล็กจารึกชื่อผู้คนที่มีจิตศรัทธา แขวนเต็มตลอดทาง ส่งเสียงดังใสกังวานยามลมต้อง ประหนึ่งขับกล่อมผู้คนให้เพลิดเพลินเเละสงบลง หากไม่เร่งรีบ ลองทอดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ยาวที่จัดไว้บนสะพาน ได้ปล่อยใจพักอารมณ์คลายร้อนคลายเหนื่อย ความเย็นฉ่ำจากลมทะเลปะทะผิวหน้าผิวกาย หูก็เงี่ยฟังเสียงระฆัง เพลินจนลืมเวลาไปเลยละครับ.

พักจนอิ่มเอมใจเเล้ว ก็เข้าไปชมภายในอาคารที่ตั้งของ “พระธาตุคงคามหาเจดีย์” กันเลยดีกว่าครับ. ชั้นล่างสุดจะเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อพุทธโสธรจำลอง ให้พุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวได้กราบไว้เพื่อเป็นสิริมงคล

ในส่วนชั้นล่างนี้ จิตรกรรมภาพวาดฝาผนังจะเป็นรูปพระอรหันต์ในพุทธศาสนาฝ่ายมหายานของจีน ศิลปะจีน

ชั้นที่ 2 ของ “พระธาตุคงคามหาเจดีย์” จะเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปทรงเครื่องวรรณะเขียว จิตรกรรมฝาผนังตกเเต่งเป็นรูปพระมหากษัตริย์ไทยตั้งเเต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

วิวระเบียงรอบข้างบนชั้นที่ 2

ชั้นที่ 3 ของ "พระธาตุคงคามหาเจดีย์" หรือชั้นบนสุด มีพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานอยู่

จิตรกรรมเพดานเเละผนังของชั้นที่ 3

องค์เจดีย์ด้านนอก บนชั้นที่ 3 ของ "พระธาตุคงคามหาเจดีย์"



ระเบียงโดยรอบชั้นบนสุดของเจดีย์

ด้านหลังเจดีย์ จะมีอนุสาวรีย์ของพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ประดิษฐานอยู่ หันพระพักตร์ออกสู่ทะเล

ด้านข้างของ "พระธาตุคงคามหาเจดีย์" เชื่อมต่อสู่พระอุโบสถ ภายในประดิษฐานพระประธาน เเละภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังพุทธประวัติที่สวยงาม


ก่อนออกจากวัดหงษ์ทอง ส่งท้ายด้วยปูนปั้นตัวละครวรรณคดีไทยเรื่องยอดนิยม "พระอภัยมณี" น้ำขึ้มเต็มคงจะสวยน่าดูครับ.

เดินเที่ยวชมวัดหงษ์ทองโดยรอบเเล้ว ท้องก็เริ่มประท้วง จะช้าอยู่ไย Go Go Go...!!! "ครัวบ้านทวี" ตั้งอยู่ข้างวัดเลยครับ ไม่มีรั้วกั้นเดินถึงกันได้เลย
ร้านนี้เปิดให้บริการตั้งเเต่ 08.00 - 20.00น. สำรองที่นั่ง และสอบถามเส้นทาง โทร. 038-528 252, 086-906 1978

ก่อนเข้าไปนั่งโต๊ะ ร้านนี้มีข้อปฏิบัติอยู่ว่า คุณต้องถอดรองเท้าที่คุณใส่มา เเล้วสวมรองเท้าฟองน้ำที่ทางร้านเตรียมไว้ให้ จึงจะเดินเข้าร้านได้ แปลกดีนะ!!!

บรรยากาศโดยรอบระหว่างรออาหาร

ช่วงน้ำลด จนแผ่นดินโผล่ให้เห็น ก็เป็นเวลาที่ "ปลากะจัง" จะออกมาอวดโฉม ปลากะจังจะมีลักษณะคล้ายปลาตีน เเต่ตัวจะใหญ่กว่ามาก

มาเเล้วครับ เมนูในวันนี้ เมนูเเรก "ยำไข่เเมงดา" ไข่เเมงดาเล็กครับ (ส่วนตัวไม่ชอบ เพราะกินเเต่ตัวใหญ่มาตลอด) ไม่เสิร์ฟเป็นตัวนะครับ เเกะเเต่ไข่ออกมายำครับ

เรื่อย ๆ เลยครับ เมนูต่อมา "ฉูฉี่ปลากระพงชิ้น" ใช้ปลากระพงขาวชิ้น อร่อยครับ ออกหวาน (โดยส่วนตัวลิ้นคนใต้ต้องเผ็ดกว่านี้ อีกอย่าง...ผมสั่งเองครับ ไม่ให้เอาปลาไม่ทอด เพราะโดยส่วนตัว ถ้าทานร้านอาหารเมนูปลาพวก เนื้อปลาผัด หรือฉูฉี่ ผมจะไม่ให้ทอดเนื้อปลา ให้นำเนื้อปลาสดลงผัดเลย ได้รสชาติเนื้อปลามากกว่า)

เมนูปลาในวันที่ผมไปมีเเค่ปลาดุกทะเล, ปลากระพง, ปลาเก๋า,
ต่อด้วยเมนู "แกงส้มปลาดุกทะเลยอดมะพร้าวอ่อน" ตอนเเรกสั่งเป็นถ้วยเเล้ว เพราะกลัวทานไม่หมด แต่ทางร้านเเจ้งว่าถ้าเป็นถ้วยจะใส่ทั้งตัวไม่ได้ ทางร้านไม่ทำ เลยต้องสั่งเป็นหม้อไฟมา เอาก็เอา มาเเล้วก็ต้องลองซิครับ จัดมา 1 หม้อ.

อีกเมนู "ปลาสลิดแดดเดียวทอด" จานนี้สั่งมาให้ตัวเล็กครับ สั่งเเต่เผ็ด ๆ มา เด็กทานไม่ได้ (น่าสงสาร.!!!)

เมนูสุดท้ายไม่ทันได้ถ่ายคุยกันเพลิน "ผัดฉ่าปลาดุกทะเล" ครับ (L เข้าปากไม่เอาอะไรเเล้ว 555++)
ทางร้านมีผลไม้ตามฤดูกาลเสิร์ฟให้ฟรี เป็นจานสุดท้าย ไว้ล้างปากด้วยครับ เป็น "พริกเกลือมะม่วงกับแอปเปิ้ล"
ของหวานที่ทางร้านจำหน่ายก็มีครับ เป็น "วุ้นแฟนซีกับเฉาก๊วย"
สรุปค่าเสียหาย ร้านครัวบ้านทวี
- กับข้าว 5 อย่าง
- ข้าวสวย 1 โถ
- เฉาก๊วย 1 ถ้วย
- น้ำเปล่า 2 ขวด (ขวดเล็ก ยี่ห้อน้ำทิพย์)
- น้ำเเข็ง 2 กระติ๊กเล็ก
- เบียร์ลีโอ 3 ขวด
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,130.- บาท
เรื่องรสชาติผมไม่ขอวิจารณ์มากนัก ผมให้กลาง ๆ ไม่จัดจ้าน

บรรยากาศก่อนกลับ ยามเมื่อพระอาทิตย์อัสดง.



*ภาพถ่ายทุกภาพถ่ายจากกล้องมือถือผมทั้งหมดน่ะครับ อาจไม่สวย เเต่ใจรัก
**ขอบคุณผู้ร่วมทริปนี้ "ครอบครัวน้องเบ๊น พธ.52" อิ่มจังตังค์อยู่ครบ

ทริปหน้าตาพี่บ้าง.

เจอกันใหม่ทริปหน้าน่ะครับผม. : Dr.Kai
ครึ่งวันก็เที่ยวได้ ณ วัดหงษ์ทอง & ครัวบ้านทวี
เรามาทราบประวัติวัดหงษ์ทองกันพอสังเขปก่อนดีกว่าครับ เพื่อให้การเที่ยวชมของเรามีอรรถรสมากขึ้น. "วัดหงษ์ทอง" ตั้งอยู่ที่ ต.สองคลอง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เริ่มสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2533 โดยมีพระครูปรีชา ประภากร เข้ารับตำแหน่งเจ้าอาวาส ตั้งแต่ ปี 2534 จนถึงปัจจุบัน. ประวัติเพิ่มเติมของท่านเจ้าอาวาสสามารถอ่านได้ตาม Link นี้นะครับ (https://sites.google.com/site/wathongthong/profile) เเละท่านได้ร่วมกับพุทธศาสนิกชนทั้งหลายช่วยสร้างถาวรวัตถุต่าง ๆ ขึ้นมามากมายตามลำดับ ดังที่ปรากฎในปัจจุบัน.
สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ ใช้รถยนต์ส่วนตัว ล้อหมุนออกจากบางนาบ่ายโมง มุ่งสู่ จ.สมุทรปราการ ใช้เส้นทางสุขุมวิมสายเก่า หรือเดินทางตามถนนบางนาตราด หรือทางด่วนบูรพาวิถี และแยกขวาเข้าบางบ่อ ไปบรรจบกับสุขุมวิทสายเก่าแล้วเลี้ยวซ้ายไปยังวัดก็ได้ หากเดินทางมาจากฉะเชิงเทรา ใช้เส้นทางฉะเชิงเทรา– บางปะกง ประมาณ 26 กิโลเมตร ลอดใต้สะพานลอยถนนบางนา – ตราด มาบรรจบกับถนนสุขุมวิทสายเก่า แยกขวาไปอีกประมาณ 14 กิโลเมตร จะเห็นทางเข้าวัดหงษ์ทองอยู่ทางซ้ายมือ อีกจุดสังเกตคือ ปูนปั้นรูปธรรมจักรตั้งอยู่หลังปูนปั้นรูปหงษ์ไทยสีทองสะดุดตา (อันนี้ผมถ่ายภาพไว้ไม่ทัน มัวแต่เล็งหาทางเข้ากันอยู่ 555. ครั้งเเรกก็งี้เเหละครับ!!!)
ลัดเลาะตามถนนคอนกรีตเข้าไปเรื่อย ๆ ครับ ไม่ต้องกลัวหลงครับ มีป้ายบอกตลอดทางเป็นระยะ ๆ (ร้านบ้านครัวทวีกับวัดหงษ์ทองไปทางเดียวกันครับ จะว่าอยู่ที่เดียวกันเลยก็ไม่ผิดครับ ติดกันเลยครับ)
ที่วัดมีลานจอดรถกว้างขวางครับ แต่ค่อนข้างเเห้งเเล้ง ต้นไม้ใหญ่ไม่มี โรงจอดมีน้อยครับ ต้องอาศัยดวงเอาครับ (เเต่ผมดันเป็นคนโชคดีซะด้วย ได้โรงจอดรถหน้าร้านครัวบ้านทวี) ต้องบอกก่อนว่าที่จอดรถของที่นี่มีทั้งของบ้านครัวทวีเเละของวัด ใช้ร่วมกันไม่เสียค่าจอดครับ ฟรี ๆ กันไปเลย
จอดรถเสร็จ ไม่รอช้าครับ (เพราะมันร้อน!!! ผมไม่ได้เตรียมตัวมาเลย น้องมารับก็ไปเลย) เน้นน่ะครับ หมวกหรือร่ม เเต่ทางที่ดี ผมว่าควรมาเที่ยวช่วงเช้าหรือไม่ก็ช่วงเเดดร่มลมตกจะดีกว่าครับ สบาย ๆ ไม่ร้อน ถ่ายรูปได้ ไม่ย้อนเเสง.
จากที่จอดรถก่อนเข้าสู่ตัววัดจะมีร้านค้าเเผงลอยให้เราได้จับจ่ายหาของกินให้เพลินปากมากมายครับ (หมึกปิ้งน่ากิน ไม้ล่ะ 10.- เอง.)
เข้าสู่ตัววัด ศาสนสถานของที่นี่ส่วนใหญ่ จะตั้งอยู่ในบริเวณชายเลน เมื่อน้ำทะเลขึ้นจะดูเหมือนอยู่กลางน้ำ ฉะนั้นถ้าอยากชมความงามยามน้ำขึ้นก็ต้องดูวันเวลาให้ดีนะครับ เราเดินตามสะพานคอนกรีตไปสู่อาคารหลังเเรก “ศูนย์พัฒนาจิต ศาลาปฏิบัติธรรมกรรมฐาน ศรนิลอนุสรณ์”
ถัดจากตัวอาคารศูนย์พัฒนาจิตฯ จะพบสะพานคอนกรีตตกเเต่งด้วยปูนปั้นเป็นรูปพระยานาคราช 9 เศียร 2 ตัวขนาบทั้งสองข้างทางเชื่อมต่อกลับสะพานทางเดินมุงหลังคาสู่ “พระธาตุคงคามหาเจดีย์”
ภาพจิตรกรรมฝาผนังของศาสนสถานแห่งนี้ จะผสมผสานวัฒนธรรมไทยกับวัฒนธรรมจีนเข้าไว้ด้วยกัน เห็นได้จาก ภาพเขียนสีบางภาพ งานปูนปั้นตกแต่งบางชิ้น หรือเเม้กระทั่งสถาปัตยกรรมของอาคาร ที่แสดงเอกลักษณ์ศิลปะจีนอย่างชัดเจน
ตลอดสองข้างชายคาของสะพานคอนกรีตที่ทอดตัวมุ่งสู่ “พระธาตุคงคามหาเจดีย์” จะมีระฆังทองเหลืองใบเล็กจารึกชื่อผู้คนที่มีจิตศรัทธา แขวนเต็มตลอดทาง ส่งเสียงดังใสกังวานยามลมต้อง ประหนึ่งขับกล่อมผู้คนให้เพลิดเพลินเเละสงบลง หากไม่เร่งรีบ ลองทอดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ยาวที่จัดไว้บนสะพาน ได้ปล่อยใจพักอารมณ์คลายร้อนคลายเหนื่อย ความเย็นฉ่ำจากลมทะเลปะทะผิวหน้าผิวกาย หูก็เงี่ยฟังเสียงระฆัง เพลินจนลืมเวลาไปเลยละครับ.
พักจนอิ่มเอมใจเเล้ว ก็เข้าไปชมภายในอาคารที่ตั้งของ “พระธาตุคงคามหาเจดีย์” กันเลยดีกว่าครับ. ชั้นล่างสุดจะเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อพุทธโสธรจำลอง ให้พุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวได้กราบไว้เพื่อเป็นสิริมงคล
ในส่วนชั้นล่างนี้ จิตรกรรมภาพวาดฝาผนังจะเป็นรูปพระอรหันต์ในพุทธศาสนาฝ่ายมหายานของจีน ศิลปะจีน
ชั้นที่ 2 ของ “พระธาตุคงคามหาเจดีย์” จะเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปทรงเครื่องวรรณะเขียว จิตรกรรมฝาผนังตกเเต่งเป็นรูปพระมหากษัตริย์ไทยตั้งเเต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
วิวระเบียงรอบข้างบนชั้นที่ 2
ชั้นที่ 3 ของ "พระธาตุคงคามหาเจดีย์" หรือชั้นบนสุด มีพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานอยู่
จิตรกรรมเพดานเเละผนังของชั้นที่ 3
องค์เจดีย์ด้านนอก บนชั้นที่ 3 ของ "พระธาตุคงคามหาเจดีย์"
ระเบียงโดยรอบชั้นบนสุดของเจดีย์
ด้านหลังเจดีย์ จะมีอนุสาวรีย์ของพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ประดิษฐานอยู่ หันพระพักตร์ออกสู่ทะเล
ด้านข้างของ "พระธาตุคงคามหาเจดีย์" เชื่อมต่อสู่พระอุโบสถ ภายในประดิษฐานพระประธาน เเละภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังพุทธประวัติที่สวยงาม
ก่อนออกจากวัดหงษ์ทอง ส่งท้ายด้วยปูนปั้นตัวละครวรรณคดีไทยเรื่องยอดนิยม "พระอภัยมณี" น้ำขึ้มเต็มคงจะสวยน่าดูครับ.
เดินเที่ยวชมวัดหงษ์ทองโดยรอบเเล้ว ท้องก็เริ่มประท้วง จะช้าอยู่ไย Go Go Go...!!! "ครัวบ้านทวี" ตั้งอยู่ข้างวัดเลยครับ ไม่มีรั้วกั้นเดินถึงกันได้เลย
ร้านนี้เปิดให้บริการตั้งเเต่ 08.00 - 20.00น. สำรองที่นั่ง และสอบถามเส้นทาง โทร. 038-528 252, 086-906 1978
ก่อนเข้าไปนั่งโต๊ะ ร้านนี้มีข้อปฏิบัติอยู่ว่า คุณต้องถอดรองเท้าที่คุณใส่มา เเล้วสวมรองเท้าฟองน้ำที่ทางร้านเตรียมไว้ให้ จึงจะเดินเข้าร้านได้ แปลกดีนะ!!!
บรรยากาศโดยรอบระหว่างรออาหาร
ช่วงน้ำลด จนแผ่นดินโผล่ให้เห็น ก็เป็นเวลาที่ "ปลากะจัง" จะออกมาอวดโฉม ปลากะจังจะมีลักษณะคล้ายปลาตีน เเต่ตัวจะใหญ่กว่ามาก
มาเเล้วครับ เมนูในวันนี้ เมนูเเรก "ยำไข่เเมงดา" ไข่เเมงดาเล็กครับ (ส่วนตัวไม่ชอบ เพราะกินเเต่ตัวใหญ่มาตลอด) ไม่เสิร์ฟเป็นตัวนะครับ เเกะเเต่ไข่ออกมายำครับ
เรื่อย ๆ เลยครับ เมนูต่อมา "ฉูฉี่ปลากระพงชิ้น" ใช้ปลากระพงขาวชิ้น อร่อยครับ ออกหวาน (โดยส่วนตัวลิ้นคนใต้ต้องเผ็ดกว่านี้ อีกอย่าง...ผมสั่งเองครับ ไม่ให้เอาปลาไม่ทอด เพราะโดยส่วนตัว ถ้าทานร้านอาหารเมนูปลาพวก เนื้อปลาผัด หรือฉูฉี่ ผมจะไม่ให้ทอดเนื้อปลา ให้นำเนื้อปลาสดลงผัดเลย ได้รสชาติเนื้อปลามากกว่า)
เมนูปลาในวันที่ผมไปมีเเค่ปลาดุกทะเล, ปลากระพง, ปลาเก๋า,
ต่อด้วยเมนู "แกงส้มปลาดุกทะเลยอดมะพร้าวอ่อน" ตอนเเรกสั่งเป็นถ้วยเเล้ว เพราะกลัวทานไม่หมด แต่ทางร้านเเจ้งว่าถ้าเป็นถ้วยจะใส่ทั้งตัวไม่ได้ ทางร้านไม่ทำ เลยต้องสั่งเป็นหม้อไฟมา เอาก็เอา มาเเล้วก็ต้องลองซิครับ จัดมา 1 หม้อ.
อีกเมนู "ปลาสลิดแดดเดียวทอด" จานนี้สั่งมาให้ตัวเล็กครับ สั่งเเต่เผ็ด ๆ มา เด็กทานไม่ได้ (น่าสงสาร.!!!)
เมนูสุดท้ายไม่ทันได้ถ่ายคุยกันเพลิน "ผัดฉ่าปลาดุกทะเล" ครับ (L เข้าปากไม่เอาอะไรเเล้ว 555++)
ทางร้านมีผลไม้ตามฤดูกาลเสิร์ฟให้ฟรี เป็นจานสุดท้าย ไว้ล้างปากด้วยครับ เป็น "พริกเกลือมะม่วงกับแอปเปิ้ล"
ของหวานที่ทางร้านจำหน่ายก็มีครับ เป็น "วุ้นแฟนซีกับเฉาก๊วย"
สรุปค่าเสียหาย ร้านครัวบ้านทวี
- กับข้าว 5 อย่าง
- ข้าวสวย 1 โถ
- เฉาก๊วย 1 ถ้วย
- น้ำเปล่า 2 ขวด (ขวดเล็ก ยี่ห้อน้ำทิพย์)
- น้ำเเข็ง 2 กระติ๊กเล็ก
- เบียร์ลีโอ 3 ขวด
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,130.- บาท
เรื่องรสชาติผมไม่ขอวิจารณ์มากนัก ผมให้กลาง ๆ ไม่จัดจ้าน
บรรยากาศก่อนกลับ ยามเมื่อพระอาทิตย์อัสดง.
*ภาพถ่ายทุกภาพถ่ายจากกล้องมือถือผมทั้งหมดน่ะครับ อาจไม่สวย เเต่ใจรัก
**ขอบคุณผู้ร่วมทริปนี้ "ครอบครัวน้องเบ๊น พธ.52" อิ่มจังตังค์อยู่ครบ
เจอกันใหม่ทริปหน้าน่ะครับผม. : Dr.Kai