มือใหม่ขึ้นเครื่องบินแบบไม่เบลอ (ฉบับคนเคยเบลอ)

มือใหม่ขึ้นเครื่องบินแบบไม่เบลอ (ฉบับคนเคยเบลอ)


หลังจากที่เราได้ท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อนๆที่เราไปด้วยก็ยังประสบปัญหาการเช็คอินอยู่เสมอ เราเลยอยากมาเขียนเล่าวิธีการขึ้นเครื่องเป็นเสต็ป ให้หายงงกันดีกว่า

สำหรับใครที่สนใจการท่องเที่ยวของเรา สามารถติดตามได้ที่
https://www.facebook.com/thepostcardtothailand/

สำหรับใครที่พึ่งจะเคยขึ้นเครื่องบินไม่กี่ครั้ง อาจจะยังไม่คุ้นเคยสำหรับระบบการ Check in ที่ยุ่งยากและวุ่นวาย ถ้าใครที่เคยเจอปัญหา หรือมีคำถามตามข้างล่างนี้ ต้องอ่านให้จบนะจ๊ะ จะได้เลิกเบลอซะที

1.    เฮ้ยแก…ฉันเช็คอินผ่านเว็ปมาแล้ว ฉันจะต้องเช็คอินที่เคาเตอร์อีกไม๊วะ
2.    เฮ้ยแก…ฉันเช็คอินในเว็ปมาแล้ว ฉันจะต้องปริ้นตั๋วอีกไม๊วะ
3.    เฮ้ยแก…ฉันมีกระเป๋าใบใหญ่ ฉันจะต้องโหลดไม๊วะ
4.    เฮ้ยแก…ฉันมีกระเป๋าใบเล็ก Carry on ฉันจะต้องทำยังไงวะ
ถ้าคุณมีคำถามเหล่านี้ เรามาเริ่มทำความเข้าใจกันที่ละเสต็ปกันเลยดีกว่า

1.    คุณต้องเช็คกับตัวเองว่า คุณมีกระเป๋าเดินทางแบบไหน Carry On (กระเป่าใบเล็ก ลากขึ้นเครื่อง) หรือ Luggage (กระเป๋าใบใหญ่ที่จะต้องโหลดลงใต้เครื่อง)
ปล. 1 Carry on จะต้องมีขนาดไม่เกิน 56 ซม. X 36 ซม. X 23 ซม. และน้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม
ปล.2 Luggage จะมีน้ำหนักได้ไม่เกิน  23 กิโลกรัม
ปล.3 ข้อมูลนี้คือข้อมูลโดยเฉลี่ย แต่ละสายการบินมีมาตรการไม่เหมือนกัน ดังนั้นควรเช็คกับสายการบินก่อนนะจ๊ะ

คุณสามารถถือกระเป๋าถือได้อีกหนึ่งใบ เราเรียกเจ้ากระเป๋าใบนี้ว่า Personal Bag ซึ่งเป็นกระเป๋าถือที่ไม่ใหญ่มากนัก และจะไม่มีการช่างน้ำหนักหรือวัดขนาดแต่อย่างใด (ส่วนตัว เราใช้ Backpack ขนาดกลางเป็น personal bag เพราะจะได้ใส่เสื้อผ้าได้เพิ่ม)

2.    มาถึงขั้นตอนการเช็คอิน ถ้าคุณมีเพียง Personal Bag และ Carry On สิ่งที่คุณต้องทำคือ
  2.1    Check-In Online ก่อนเวลาบินตามที่สายการบินกำหนดและปริ้นท์ตั๋วออกมาด้วย มาถึงสนามบินก่อนเวลาสัก 1.30 ชม. หรือ
  2.2    Check-In Online ก่อนเวลาบิน ตามที่สายการบินกำหนดและเซฟท์ตั๋วลงในมือถือ มาถึงสนามบินก่อนเวลาสัก 1.30 ชม. เมื่อถึงเวลา เจ้าหน้าที่จะแสกนมือถือแทนการแสกนจากตั๋วกระดาษ หรือ
  2.3    เดินทางมาที่สนามบิน ไปที่เคาเตอร์ของสายการบินที่ได้จองไว้ ควรมาถึงสนามบินก่อนเป็นเวลา 2 ชม.
      2.3.1    เช็คอินกับเครื่องอัตโนมัติ คุณสามารถแสกนพาสปอร์ต หรือบัตรเครดิตที่ใช้ในการจอง ดำเนินตามคำสั่ง ปริ้นตั๋ว Boarding Pass ออกมา  และเดินทางไปที่ Security ได้เลย
      2.3.2    เช็คอินกับเจ้าหน้าที่ที่เคาเตอร์ เจ้าหน้าที่จะขอเอกสารเช่นพาสปอร์ตและบัตรเครดิต หลังจากนั้นเขาจะออก Boarding Pass ให้ เมื่อเสร็จสิ้นคุณก็ไปที่  Security ได้เลย

3.    ถ้าคุณมี Luggage ที่ต้องโหลดใต้เครื่อง สิ่งที่คุณทำได้ก็คือ คุณควรมาถึงสนามบินอย่างน้อย 3 ชั่วโมงก่อนเวลาเดินทาง มุ่งตรงไปที่เคาเตอร์สายการบิน นำเอกสารเช่นพาสปอร์ตและบัตรเครดิตให้เจ้าหน้าที่ช่วยในการ Check In และสุดท้าย คุณจะต้องยกกระเป๋าขึ้นบนเครื่องช่าง เข้าหน้าที่จะติดแท็กที่กระเป๋า เพื่อกันการสูญหาย และโหลดกระเป๋าไปยังเครื่องบินของคุณ ขั้นตอนสุดท้ายคือคุณก็ไปที่ Security ตรวจสอบสัมภาระอื่นๆ และไปยังเกต พร้อมออกเดินทางได้เลย

4.    สำหรับใครที่มี Carry On อย่างเดียว แต่อยากนำของเหลว อย่างเช่นสบู่ ยาสระผม ไปด้วย ก็จัดเตรียมแบ่งของเหลวใส่ขวดใส ขนาดไม่เกิน 100 ML ต่อชิ้น และให้ใส่ในถุงพลาสติกใสได้ด้วย ตามรูปด้านล่างนี้

สำหรับ  luggage คุณสามารถใส่ของเหลวได้ตามความต้องการ แต่ต้องไม่เป็นสารนำเชื้อเพลิงหรือวัตถุอันตรายอื่นๆ
(ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.tsa.gov/travel/security-screening/prohibited-items)

5. สำหรับบางสายการบิน ผู้โดยสารที่ใช้บัตรเครดิตแบบเสริมในการจอง ขณะที่ทำการเช็คอิน เจ้าของบัตรหลัก หรือพ่อแม่ของเด็กๆจะต้องมายืนยันที่เคาเตอร์ด้วย มิฉะนั้นตั๋วเครื่องบินอาจจะถูกยกเลิก และต้องซื้อใหม่ก็ได้
จะต้องตรวจสอบและระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง (จากประสบกาณ์ของ จขกท เราโดนแคนเซิลตั๋วไปเกาหลี เพราะพ่อซึ่งเป็นบัตรหลักไม่ได้มาส่งที่สนามบิน ทำให้เราจะต้องไปซื้อตั๋วใหม่ เกือบอดไปแล้วไม๊หละ)

6.    เมื่อ Boarding Pass พร้อมแล้ว ก็มาตรวจความปลอดภัยในส่วนของ Security ได้เลย
คุณจะต้องเตรียมตัวถอดเข็มขัด รองเท้า และนำอุปกรณ์ไฟฟ้าเช่น Laptop มือถือ ออกมาใส่ถาด ในตัวจะต้องไม่มีอะไรเหลืออยู่นอกจากเสื้อ กางเกง และถุงเท้า เมื่อผ่านขั้นตอนนี้ไปได้ คุณก็เข้าไปนั่งรอที่ gate ที่จะขึ้นเครื่องบิน หรือพักผ่อน หาอาหารกินตามอัธยาศัย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่