พึ่งเคยตั้งเป็นกระทู้แรกนะครับ ....
เข้าเรื่องเลยนะ .... เมื่อช่วงเดือน ตุลาคม ที่ผ่านมา(ปีที่แล้ว) รถผมประสบอุบัติเหตุชน ซึ่งเหตุการณ์นั้น ผมเป็นฝ่ายถูกและเคลียกับคู่กรณีเป็นที่เรียบร้อย เขายินดีชดใช้ค่าเสียหายให้ทั้งหมด โดยเขามีประกันของ ทิพยประกันภัย ออกใบเคลม ให้มา และ ผมเลือกที่จะหาอู่ซ่อมเอง ซึงตอนนั้นผมรู้จักกับพี่คนนึง เป็นช่างเคาะ ในอู่ๆ นึง แถวกาญจนา ใน ซอย นวลจันทร์ ใกล้กับสะพานตัดใหม่ (((ชี้แจ้งว่ารู้จักกับพี่ช่างเคาะเห็นว่าฝีมือพี่เขาใช้ได้ครับผมเลือกช่างเคาะ))) ได้ส่งรถเข้าไปที่อู่ นั้น ในวันที่ 10 ตุลาคม วันต่อมา เดินทางไปที่อู่ ได้รู้จักกับ พี่เจ้าของอู่ ครั้งแรก ใช้ชื่อว่าพี่ สิง ละกันนะ
พี่สิง เป็นเจ้าของอู่ๆนี้ โชว์สรรพคุณ และคุณภาพอู่ต่างๆนาๆ จนเราคิดว่า เราเลือกอู่ไม่ผิดแน่นอน พี่เขาคุยดีมากๆครับ พี่สิงบอกกับผม ว่า รถปีเก่าแบบนี้ ยากหน่อย ที่จะเบิกค่าซ่อมได้สูงๆ แต่ ไม่เป็นไร พี่สิงยอมขาดทุนครับ เพราะอุตส่าเดินทางมาทำตั้งไกล เขาอยากจะมีน้ำใจช่วยเหลือบ้าง เราก็ ฟังเขาน่ะครับ พี่สิง แนะนำว่า ให้ทำสีทั้งคัน เลยจะดีกว่า ((รถผมชนหน้ามา)) เพราะ ถ้าทำแค่สีที่ถูกชน มันจะเด่นเกินไป แนะนำให้ทำทั้งคัน ในราคา 10,000 บาท ผมก็ตกลงยินดี ในข้อเสนอของพี่สิง ((ใจง่ายเนอะ)) โดยระหว่างการซ่อมนันในงานของประกัน ประกันยังไม่ได้ออกงบมาให้ พี่สิงก็ใจดีมากครับ โอนเงินค่าอะไหล่ มาให้ผมก่อน 12,000 บาท ... โดยผมจัดซื้อและวิ่งไปส่งให้เขา นะครับ แต่ ยังไม่ได้เริ่มต้น ทำ โดยพี่สิงบอกว่า ต้องรอดู งบที่ประกัน ให้มาก่อนว่า เท่าไหร่ จน พฤศจิกาผ่านไป... เข้าเดือนธันวาคม ประมาน วันที่ 20 ได้รู้จาก พี่ช่างเคาะ ว่า เริ่มต้นทำแล้วนะ เพราะประกันได้ออกค่าซ่อมมาให้แล้ว... อ่อ! ลืมไป ก่อนหน้านั้น พี่สิง ยกเครื่องลง และ คุยกับผมว่า ให้ผมไปยกเครื่องใส่เอง ช่วยๆกัน จะได้เร็วๆ และบอกต่ออีกว่า ค่ายกเครื่องเท่าไหร่ เดี๋ยวมาหักกับค่าทำสีทั้งคัน ประมาณว่าช่วยๆกัน พอรถเริ่มทำ ผม ได้จ่าย ค่าทำสี ทั้งคัน ให้กับพี่สิง ไป ในราคา 10,000 บาท โดยคิดว่า ผมสามารถเรียกค่าเสียประโยชน์จากการใช้รถได้ ได้บอกกับพี่สิง ก็ยินดีรับไว้ พี่สิงบอก รถผมเนี่ย จะให้ช่างรุมทำให้เลย แปปเดียวเสร็จแล้วไม่ต้องห่วง และ บอกว่า ประกันตีราคาซ่อมมาแค่ 22,000 บาท แต่จะรีบทำให้เสร็จ โดย ผม ไปๆมาๆ เพื่อแวะดูการทำงานของอู่ จากที่เขาบอกว่า แปปเดียวเสร็จ ..
เขาดองงานดึงเวลามาถึงสิ้นเดือน กุมภาพันธ์ นั่นแหละครับ กว่าจะได้รับรถออกมาจริงๆ แต่ ผมเริ่มสังเกตุที่ว่า ผมขอให้พี่เขาเขียนบิลให้ผม และ เอกสารการรับรถ เขาไม่ออกบิลให้ ไม่ออกเอกสารให้ ไม่ให้อะไรเลยทั้งนั้น ให้แค่ใบๆนึง เหมือนเป็นเอกสารเก่า ให้ไปเขียนเอาเองในการรับรถ
จนกระทั่ง...
ผมเตรียมเอกสารทุกอย่าง ที่ ต้องไปยื่นให้กับประกันเพื่อที่จะ ทำเรื่องเกี่ยวกับการไม่มีรถใช้ แต่ แล้วกลับมีเรื่องที่ว่า ประกัน บอกว่า มีบุคคลคนหนึ่ง ได้ทำการเบิกไปแล้ว พร้อมค่าซ่อม โดยผมรู้อยู่แก่ใจว่า เขาปลอมลายเซ็น ! ทั้งหมด จำนวนเงิน 60,000 บาท ได้ยินตอนนั้น โหยยย เบิกไรขนาดนั้นวะน่ะ อีกวันนึงเลยเดินทางไปที่อู่ๆ นั้น เพื่อติดต่อกับพี่สิง และสิ่งที่ผมได้รับจากคำพูดพี่สิง คือ..
พี่สิง : ต้องการเท่าไหร่พูดมาไม่ต้องพูดมาก
ผม : เห้ยพี่ แต่อู่มีหน้าที่แค่เบิกค่าซ่อม เท่านั้นนะพี่ แล้วพี่บอกผมว่า พี่ได้มาแค่ 22,000 แต่นี่พี่ปลอมลายเซ็นในใบมอบอำนาจ ด้วย ใหนพี่ลองเขียนบิล ค่าซ่อมให้ผมดูหน่อย
พี่สิง : คุณ!! จะเอาเท่าไหร่ก็ว่ามา คุณอย่ามาล้วงผม นี่คุณมาถามราคาผมเหมือนคุณจะมาล้วงราคาผม ผมบอกตรงๆนะ ไม่มีอู่ใหนเขาบอกกันหรอกเรื่องราคาน่ะ ((จิงหรอ)) คุณจะเอาเท่าไหร่คุณว่ามา
ผม : ผมแค่เหนว่ามันเยอะไปนะพี่กับราคานี้ เครื่องผมก็ไปวางเอง
พี่สิง : แล้วจะเอายังไงล่ะ คุณลองว่าราคามา เรื่องเครื่องคุณเป็นคนไปวางเองหนิ ไม่เกี่ยวกับผม จะมาบอกผมทำไม
และพี่สิง เขียนใส่กระดาษ มาใบนึงเกี่ยวกับ ราคาทั้งหมด
ค่าช่าง+ค่าสี 11,000
ค่าออกใบคุม 10% = 6000
ค่าเคาะ 8,000
ค่าอะไหล่ 12,000
ทั้งหมด 37000 = พี่สิงได้กำไร 23000
โดยพี่สิงให้เหตุผลว่า ทุกๆอย่าง ที่เขาออกค่าใช้จ่ายไปนั้น เขาต้องได้กำไรทุกอย่าง แต่ ส่วนตัวผมคิดว่า ทั้งหมดต้อง 70,000 นะ เพราะรวมค่าที่ผมจ่ายทำสีไปอีก และอีกอย่าง วางเครื่องผมก็โดนไปหลายบาท ไม่มีรถใช้ทำมาหากินอีก ขาดทุนอีก
และ ผมได้เดินทางไปที่ บริษัท ประกัน เพื่อขอหลักฐานที่เขาปลอมแปลงเอกสาร แต่ เขาให้เหตุผลว่า ต้องมีเอกสารการเป็นเจ้าของรถมาก่อน ถึงจะส่งเรื่องให้ได้ รถผมยังไม่ได้โอน มีใบซื้อขาย ยังใช้ไม่ได้หรอคับ
บางท่านอาจคิดว่า ทะเลาะกันเรื่องเงินใช่รึป่าว แต่ ที่ผมสงสัยคือ อู่สี มีหน้าที่เบิกค่าซ่อมอย่างเดียวไม่ใช่หรอ และ การที่เขาปลอมลายเซ็นเท่ากับการ ปลอมแปลงเอกสาร . แบบนี้ ผมจะทำยังไงได้บ้างครับ
โดนอู่สีโกงค่าสินไหม
เข้าเรื่องเลยนะ .... เมื่อช่วงเดือน ตุลาคม ที่ผ่านมา(ปีที่แล้ว) รถผมประสบอุบัติเหตุชน ซึ่งเหตุการณ์นั้น ผมเป็นฝ่ายถูกและเคลียกับคู่กรณีเป็นที่เรียบร้อย เขายินดีชดใช้ค่าเสียหายให้ทั้งหมด โดยเขามีประกันของ ทิพยประกันภัย ออกใบเคลม ให้มา และ ผมเลือกที่จะหาอู่ซ่อมเอง ซึงตอนนั้นผมรู้จักกับพี่คนนึง เป็นช่างเคาะ ในอู่ๆ นึง แถวกาญจนา ใน ซอย นวลจันทร์ ใกล้กับสะพานตัดใหม่ (((ชี้แจ้งว่ารู้จักกับพี่ช่างเคาะเห็นว่าฝีมือพี่เขาใช้ได้ครับผมเลือกช่างเคาะ))) ได้ส่งรถเข้าไปที่อู่ นั้น ในวันที่ 10 ตุลาคม วันต่อมา เดินทางไปที่อู่ ได้รู้จักกับ พี่เจ้าของอู่ ครั้งแรก ใช้ชื่อว่าพี่ สิง ละกันนะ
พี่สิง เป็นเจ้าของอู่ๆนี้ โชว์สรรพคุณ และคุณภาพอู่ต่างๆนาๆ จนเราคิดว่า เราเลือกอู่ไม่ผิดแน่นอน พี่เขาคุยดีมากๆครับ พี่สิงบอกกับผม ว่า รถปีเก่าแบบนี้ ยากหน่อย ที่จะเบิกค่าซ่อมได้สูงๆ แต่ ไม่เป็นไร พี่สิงยอมขาดทุนครับ เพราะอุตส่าเดินทางมาทำตั้งไกล เขาอยากจะมีน้ำใจช่วยเหลือบ้าง เราก็ ฟังเขาน่ะครับ พี่สิง แนะนำว่า ให้ทำสีทั้งคัน เลยจะดีกว่า ((รถผมชนหน้ามา)) เพราะ ถ้าทำแค่สีที่ถูกชน มันจะเด่นเกินไป แนะนำให้ทำทั้งคัน ในราคา 10,000 บาท ผมก็ตกลงยินดี ในข้อเสนอของพี่สิง ((ใจง่ายเนอะ)) โดยระหว่างการซ่อมนันในงานของประกัน ประกันยังไม่ได้ออกงบมาให้ พี่สิงก็ใจดีมากครับ โอนเงินค่าอะไหล่ มาให้ผมก่อน 12,000 บาท ... โดยผมจัดซื้อและวิ่งไปส่งให้เขา นะครับ แต่ ยังไม่ได้เริ่มต้น ทำ โดยพี่สิงบอกว่า ต้องรอดู งบที่ประกัน ให้มาก่อนว่า เท่าไหร่ จน พฤศจิกาผ่านไป... เข้าเดือนธันวาคม ประมาน วันที่ 20 ได้รู้จาก พี่ช่างเคาะ ว่า เริ่มต้นทำแล้วนะ เพราะประกันได้ออกค่าซ่อมมาให้แล้ว... อ่อ! ลืมไป ก่อนหน้านั้น พี่สิง ยกเครื่องลง และ คุยกับผมว่า ให้ผมไปยกเครื่องใส่เอง ช่วยๆกัน จะได้เร็วๆ และบอกต่ออีกว่า ค่ายกเครื่องเท่าไหร่ เดี๋ยวมาหักกับค่าทำสีทั้งคัน ประมาณว่าช่วยๆกัน พอรถเริ่มทำ ผม ได้จ่าย ค่าทำสี ทั้งคัน ให้กับพี่สิง ไป ในราคา 10,000 บาท โดยคิดว่า ผมสามารถเรียกค่าเสียประโยชน์จากการใช้รถได้ ได้บอกกับพี่สิง ก็ยินดีรับไว้ พี่สิงบอก รถผมเนี่ย จะให้ช่างรุมทำให้เลย แปปเดียวเสร็จแล้วไม่ต้องห่วง และ บอกว่า ประกันตีราคาซ่อมมาแค่ 22,000 บาท แต่จะรีบทำให้เสร็จ โดย ผม ไปๆมาๆ เพื่อแวะดูการทำงานของอู่ จากที่เขาบอกว่า แปปเดียวเสร็จ ..
เขาดองงานดึงเวลามาถึงสิ้นเดือน กุมภาพันธ์ นั่นแหละครับ กว่าจะได้รับรถออกมาจริงๆ แต่ ผมเริ่มสังเกตุที่ว่า ผมขอให้พี่เขาเขียนบิลให้ผม และ เอกสารการรับรถ เขาไม่ออกบิลให้ ไม่ออกเอกสารให้ ไม่ให้อะไรเลยทั้งนั้น ให้แค่ใบๆนึง เหมือนเป็นเอกสารเก่า ให้ไปเขียนเอาเองในการรับรถ
จนกระทั่ง...
ผมเตรียมเอกสารทุกอย่าง ที่ ต้องไปยื่นให้กับประกันเพื่อที่จะ ทำเรื่องเกี่ยวกับการไม่มีรถใช้ แต่ แล้วกลับมีเรื่องที่ว่า ประกัน บอกว่า มีบุคคลคนหนึ่ง ได้ทำการเบิกไปแล้ว พร้อมค่าซ่อม โดยผมรู้อยู่แก่ใจว่า เขาปลอมลายเซ็น ! ทั้งหมด จำนวนเงิน 60,000 บาท ได้ยินตอนนั้น โหยยย เบิกไรขนาดนั้นวะน่ะ อีกวันนึงเลยเดินทางไปที่อู่ๆ นั้น เพื่อติดต่อกับพี่สิง และสิ่งที่ผมได้รับจากคำพูดพี่สิง คือ..
พี่สิง : ต้องการเท่าไหร่พูดมาไม่ต้องพูดมาก
ผม : เห้ยพี่ แต่อู่มีหน้าที่แค่เบิกค่าซ่อม เท่านั้นนะพี่ แล้วพี่บอกผมว่า พี่ได้มาแค่ 22,000 แต่นี่พี่ปลอมลายเซ็นในใบมอบอำนาจ ด้วย ใหนพี่ลองเขียนบิล ค่าซ่อมให้ผมดูหน่อย
พี่สิง : คุณ!! จะเอาเท่าไหร่ก็ว่ามา คุณอย่ามาล้วงผม นี่คุณมาถามราคาผมเหมือนคุณจะมาล้วงราคาผม ผมบอกตรงๆนะ ไม่มีอู่ใหนเขาบอกกันหรอกเรื่องราคาน่ะ ((จิงหรอ)) คุณจะเอาเท่าไหร่คุณว่ามา
ผม : ผมแค่เหนว่ามันเยอะไปนะพี่กับราคานี้ เครื่องผมก็ไปวางเอง
พี่สิง : แล้วจะเอายังไงล่ะ คุณลองว่าราคามา เรื่องเครื่องคุณเป็นคนไปวางเองหนิ ไม่เกี่ยวกับผม จะมาบอกผมทำไม
และพี่สิง เขียนใส่กระดาษ มาใบนึงเกี่ยวกับ ราคาทั้งหมด
ค่าช่าง+ค่าสี 11,000
ค่าออกใบคุม 10% = 6000
ค่าเคาะ 8,000
ค่าอะไหล่ 12,000
ทั้งหมด 37000 = พี่สิงได้กำไร 23000
โดยพี่สิงให้เหตุผลว่า ทุกๆอย่าง ที่เขาออกค่าใช้จ่ายไปนั้น เขาต้องได้กำไรทุกอย่าง แต่ ส่วนตัวผมคิดว่า ทั้งหมดต้อง 70,000 นะ เพราะรวมค่าที่ผมจ่ายทำสีไปอีก และอีกอย่าง วางเครื่องผมก็โดนไปหลายบาท ไม่มีรถใช้ทำมาหากินอีก ขาดทุนอีก
และ ผมได้เดินทางไปที่ บริษัท ประกัน เพื่อขอหลักฐานที่เขาปลอมแปลงเอกสาร แต่ เขาให้เหตุผลว่า ต้องมีเอกสารการเป็นเจ้าของรถมาก่อน ถึงจะส่งเรื่องให้ได้ รถผมยังไม่ได้โอน มีใบซื้อขาย ยังใช้ไม่ได้หรอคับ
บางท่านอาจคิดว่า ทะเลาะกันเรื่องเงินใช่รึป่าว แต่ ที่ผมสงสัยคือ อู่สี มีหน้าที่เบิกค่าซ่อมอย่างเดียวไม่ใช่หรอ และ การที่เขาปลอมลายเซ็นเท่ากับการ ปลอมแปลงเอกสาร . แบบนี้ ผมจะทำยังไงได้บ้างครับ