"จะไปจริงดิแก"...."เฮ้ย!!น่ากลัวนะเว้ย"...."คืนตั๋วเถอะแล้วค่อยไปด้วยกัน"
อีกหลากหลายประโยคที่ตามมาจากปากคนใกล้ตัว เมื่อรู้ว่าเรามีโครงการเดินทางไปเนปาล
ซึ่งประเทศเนปาลเป็นหนึ่งในความฝันที่เราคิดว่าต้องไปสัมผัสก่อนตาย เหตุการณ์ทุกอย่างมันเริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนธันวาคม ตอนนั้นการบินไทยปล่อยโปรออกมาบวกกับความที่อยากไปเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เราเลยลองเยิฟๆถามเคนใกล้ตัวก่อนว่าจะไปเนปาล มีใครสนใจไปด้วยกันป่าว ถามมาเป็นสิบคำตอบที่ทุกคนบอกว่า "NO" เป็นเสียงเดียวกัน ถึงขั้นที่เราลองลงประกาศในพันทิป มีหลายคนหลังไมค์มาถามรายละเอียดเราเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย วันเดินทาง โปรแกรมต่างๆ สรุปผลสุดท้ายไม่มีเพื่อนร่วมทริป เราเลยตัดสินใจไหนๆก็ไหนๆละไปมันคนเดียวก็ได้ว่ะ ซึ่งตอนแรกลองโทรไปสอบถามทางRoyal Nepal Airlinesซึ่งราคาตั๋วที่ได้มาสองหมื่นกว่าๆ ราคาค่อนข้างสูงเกินงบ ส่วนของหางแดง รวมทุกอย่างแล้วราคาสูงไล่ๆกับของทางRoyal Nepal Airlines สุดท้ายตัดสินใจกะว่าคืนวันที่ 31 ธันวาก่อนเที่ยงคืนค่อยมาจองการบินไทยเพราะเป็นโปรวันสุดท้าย แต่ดันมาพลาดจองไม่ทันเพราะฉลองคืนสิ้นปีกับเพื่อนจนเมาหลับ ตื่นมาอีกทีคือปิดการจองโปรโมชั่น งานนี้ได้แต่สมน้ำหน้าตัวเอง สุดท้ายแล้วลองเปิดดูราคาตั๋วไปเนปาลของการบินไทยสอยมาได้ราคา 16,410 บาท เป็นตั๋วที่เปลี่ยนได้ไม่เสียเงิน ซึ่งตรงนี้เราก็โอเคราคานี้บวกน้ำหนักกระเป๋าเข้าไปด้วยยังพอไหว
เมื่อจองตั๋วเรียบร้อยละสเต็ปต่อไปคือทำวีซ่า ในการทำวีซ่านั้นสามารถดำเนินการขอที่ไทยหรือว่าจะไปทำที่สนามบินที่เนปาลก็ได้ ซึ่งไม่ได้ยากเท่าที่ควร เพียงแค่เราเตรียมรูปถ่าย2นิ้วไปยื่นพร้อมกับใบคำขอและPassport ในตอนเช้าที่สถานฑูต บ่ายของวันรุ่งขึ้นก็ไปรับเอกสารคืนมาได้เลย เรทค่าทำวีซ่าไม่แพงเท่าไร เราเลือกทำแบบ15 วัน เสียค่าใช้จ่ายไป 900 บาท แบบนานกว่านี้ก็มีนะ ยังไงใครสนใจลองเปิดดูรายละเอียดจาก www.nepalembassybangkok.com/ ได้ ซึ่งการเดินทางไปสถานฑูตเนปาลมีหลายวิธี ในวันที่เราไปยื่นขอวีซ่าเราขึ้นรถที่หน้าราม นั่งสาย 71 ลง Max Valueตรงข้ามซอยประดิษฐ์มนูธรรม 9
หลังจากที่จัดการสองเรื่องหลักๆไปแล้วคราวนี้เหลือวางโปรแกรมและจัดกระเป๋า ส่วนที่พักเหรอ?? เหอๆๆๆ ค่อยจองก่อนวันเดินทางละกัน ในตอนแรกวางแผนไว้ว่าจะไปTrekking เส้น Poonhill+ABC 22 มีนา-1 เมษา แต่ด้วยความที่เราเปลี่ยนแผนก เลยได้วันที่ไปคือ22-28 มีนาคม ซึ่งแอบเสียใจอย่างแรงทำให้ต้องเปลี่ยนแผนกระทันหัน โปรแกรมที่เราร่างขึ้นมาจึงได้ประมาณนี้
Day 1 :Bangkok==>สถูปสวยัมภูนาถ (Swayambhunath)==>วัดปศุปตินาถ (Pashupatinath) ==>สถูปโพธนาถ (Bodhnath)จัตุรัสดูร์บาร์แห่งกาฐมาณฑุ (“ดูร์บาร์” (Durbar)
Day 2 : โภครา==>ทะเลสาบเฟวา
Day 3 :ซารางก็อต (Sarangkot)==>ย่านเมืองเก่า (Old Pokhara)==>พิพิธภัณฑ์==>แม่น้ำเซติ
Day 4 : เจดีย์สันติภาพโลก (World Peace Pagoda)==>เก็บตกในPokhara
Day 6 : ภักตปูร์ (Bhaktapur)==>ปะฏัน==>Thamel
Day 7 : Back to Bangkok
ซึ่งหลังจากที่ร่างโปรแกรมเรียบร้อยถึงตอนต่อไปก็ลงมือจัดกระเป๋า
ปล.ขอเน้นรูปแทนการเล่าเรื่องนะคะ
ขณะรอเรียกขึ้นเครื่องมาแวะยืนดูเครื่องบินแปปคะ
มื้อแรกบนเครื่องก่อนเจอของจริง
โชคดีตรงที่ขาไปฟ้าเปิดเลยได้เห็นMt.Everestอยู่ไกลๆๆ
ถึงแล้วจ้า....สนามบินตรีภูวัน
[CR] หยุดเวลาที่เนปาล
อีกหลากหลายประโยคที่ตามมาจากปากคนใกล้ตัว เมื่อรู้ว่าเรามีโครงการเดินทางไปเนปาล
ซึ่งประเทศเนปาลเป็นหนึ่งในความฝันที่เราคิดว่าต้องไปสัมผัสก่อนตาย เหตุการณ์ทุกอย่างมันเริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนธันวาคม ตอนนั้นการบินไทยปล่อยโปรออกมาบวกกับความที่อยากไปเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เราเลยลองเยิฟๆถามเคนใกล้ตัวก่อนว่าจะไปเนปาล มีใครสนใจไปด้วยกันป่าว ถามมาเป็นสิบคำตอบที่ทุกคนบอกว่า "NO" เป็นเสียงเดียวกัน ถึงขั้นที่เราลองลงประกาศในพันทิป มีหลายคนหลังไมค์มาถามรายละเอียดเราเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย วันเดินทาง โปรแกรมต่างๆ สรุปผลสุดท้ายไม่มีเพื่อนร่วมทริป เราเลยตัดสินใจไหนๆก็ไหนๆละไปมันคนเดียวก็ได้ว่ะ ซึ่งตอนแรกลองโทรไปสอบถามทางRoyal Nepal Airlinesซึ่งราคาตั๋วที่ได้มาสองหมื่นกว่าๆ ราคาค่อนข้างสูงเกินงบ ส่วนของหางแดง รวมทุกอย่างแล้วราคาสูงไล่ๆกับของทางRoyal Nepal Airlines สุดท้ายตัดสินใจกะว่าคืนวันที่ 31 ธันวาก่อนเที่ยงคืนค่อยมาจองการบินไทยเพราะเป็นโปรวันสุดท้าย แต่ดันมาพลาดจองไม่ทันเพราะฉลองคืนสิ้นปีกับเพื่อนจนเมาหลับ ตื่นมาอีกทีคือปิดการจองโปรโมชั่น งานนี้ได้แต่สมน้ำหน้าตัวเอง สุดท้ายแล้วลองเปิดดูราคาตั๋วไปเนปาลของการบินไทยสอยมาได้ราคา 16,410 บาท เป็นตั๋วที่เปลี่ยนได้ไม่เสียเงิน ซึ่งตรงนี้เราก็โอเคราคานี้บวกน้ำหนักกระเป๋าเข้าไปด้วยยังพอไหว
เมื่อจองตั๋วเรียบร้อยละสเต็ปต่อไปคือทำวีซ่า ในการทำวีซ่านั้นสามารถดำเนินการขอที่ไทยหรือว่าจะไปทำที่สนามบินที่เนปาลก็ได้ ซึ่งไม่ได้ยากเท่าที่ควร เพียงแค่เราเตรียมรูปถ่าย2นิ้วไปยื่นพร้อมกับใบคำขอและPassport ในตอนเช้าที่สถานฑูต บ่ายของวันรุ่งขึ้นก็ไปรับเอกสารคืนมาได้เลย เรทค่าทำวีซ่าไม่แพงเท่าไร เราเลือกทำแบบ15 วัน เสียค่าใช้จ่ายไป 900 บาท แบบนานกว่านี้ก็มีนะ ยังไงใครสนใจลองเปิดดูรายละเอียดจาก www.nepalembassybangkok.com/ ได้ ซึ่งการเดินทางไปสถานฑูตเนปาลมีหลายวิธี ในวันที่เราไปยื่นขอวีซ่าเราขึ้นรถที่หน้าราม นั่งสาย 71 ลง Max Valueตรงข้ามซอยประดิษฐ์มนูธรรม 9
หลังจากที่จัดการสองเรื่องหลักๆไปแล้วคราวนี้เหลือวางโปรแกรมและจัดกระเป๋า ส่วนที่พักเหรอ?? เหอๆๆๆ ค่อยจองก่อนวันเดินทางละกัน ในตอนแรกวางแผนไว้ว่าจะไปTrekking เส้น Poonhill+ABC 22 มีนา-1 เมษา แต่ด้วยความที่เราเปลี่ยนแผนก เลยได้วันที่ไปคือ22-28 มีนาคม ซึ่งแอบเสียใจอย่างแรงทำให้ต้องเปลี่ยนแผนกระทันหัน โปรแกรมที่เราร่างขึ้นมาจึงได้ประมาณนี้
Day 1 :Bangkok==>สถูปสวยัมภูนาถ (Swayambhunath)==>วัดปศุปตินาถ (Pashupatinath) ==>สถูปโพธนาถ (Bodhnath)จัตุรัสดูร์บาร์แห่งกาฐมาณฑุ (“ดูร์บาร์” (Durbar)
Day 2 : โภครา==>ทะเลสาบเฟวา
Day 3 :ซารางก็อต (Sarangkot)==>ย่านเมืองเก่า (Old Pokhara)==>พิพิธภัณฑ์==>แม่น้ำเซติ
Day 4 : เจดีย์สันติภาพโลก (World Peace Pagoda)==>เก็บตกในPokhara
Day 6 : ภักตปูร์ (Bhaktapur)==>ปะฏัน==>Thamel
Day 7 : Back to Bangkok
ซึ่งหลังจากที่ร่างโปรแกรมเรียบร้อยถึงตอนต่อไปก็ลงมือจัดกระเป๋า
ปล.ขอเน้นรูปแทนการเล่าเรื่องนะคะ
ขณะรอเรียกขึ้นเครื่องมาแวะยืนดูเครื่องบินแปปคะ
มื้อแรกบนเครื่องก่อนเจอของจริง
โชคดีตรงที่ขาไปฟ้าเปิดเลยได้เห็นMt.Everestอยู่ไกลๆๆ
ถึงแล้วจ้า....สนามบินตรีภูวัน
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น