ขอมาเล่าต่อจากกระทู้ก่อน
http://ppantip.com/topic/34990448
เราเริ่มเดินฝ่าความมืดขึ้นมาเรื่อยๆตั้งเเต่ตีหนึ่ง เเต่สองข้างทางคนพลุกพล่าน. ไม่น่ากลัวเลยเเม้เเต่นิด
ชั่งโมงเเรกผ่านไป เรายังไปไม่ถึงครึ่งทาง เวลาเเหงนหน้าดูไฟลิบๆบนยอดเขานี่สะเทือนใจมาก ไม่รู้ว่าจะทำได้มั้ย อยากจะหยุดให้รู้เเล้วรู้รอด
เเต่ใจสู้ค่ะ เรากับเพื่อน ไม่หยุดง่ายๆ เดินต่อไปเรื่อย จนตีสามก็เริ่มใจชื้น เพราะมองลงไปจะให้ว่าเราขึ้นมาสูงมากแล้ว ทีนี้ไม่ท้อเเล้ว เดินไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก เพราะที่ความสูงระดับนั้น อย่าอวดดีฝืนร่างกาย ใครเดินเเซงไปก็ปล่อยเค้า สู้กับตัวเราไปเรื่อยๆ จนตีสี่ เริ่มได้ยินเสียงระฆัง เเสดงว่าใกล้เเล้ว ก็ยิ่งใจชื้น เเต่พอตีห้า การจราจรก็ดันไปติดขัด
จนมีฝรั่งหลายรายถอดใจเดินกลับลงไป
เเต่ด้วยความมานะเราก็พาตัวเองมาจนถึงบริเวณก่อนถึงปลายยอดเขา Adam's Peak ได้สำเร็จตอนที่ฟ้าสางพอดี ตอนที่เรายืนอยู่ตรงนั้นมันตื่นเต้นมาก มันรู้สึกถึงชัยชนะ จนลืมไปเลยว่าเบื้องหน้าเราถูกขนานนามว่าสวรรค์ ยิ่งพระอาทิตย์เริ่มพ้นขอบฟ้า เราก็ยิ่งเห็นได้ชัดขึ้นว่า นี่เราอยู่บนสวรรค์จริงๆ มันคุ้มเหนื่อยมากๆ
ทุกคนตรงนี้ยืนรอสิ่งเดียวกัน
พอดวงอาทิตย์พ้นขอบฟ้าเท่านั้นล่ะ ก็ได้ยินเสียงเฮจากคนศรีลังกาดังมาก เเละเค้าก็ยกมือขึ้นประนม พร้อมสวดบทอะไรสักอย่าง ตอนนั้นเราขนลุกมาก
เพราะเค้าดูตั้งใจมาก ในขณะที่นักท่องเที่ยวก็ยืนรัวชัตเตอร์กันแบบไม่ยั้ง
เรามีเเต่กล้องไอโฟน ก็เลยอาจจะถ่ายมาไม่สวยเท่าไร เเต่พยายามสุดๆแล้ว เเหะๆ
ตอนนั้นเราอยากขึ้นไปให้ถึงยอดต่อ เเต่เเถวที่ต่อกันนั้น ไม่มีท่าว่าจะขยับ เเล้วก็ได้ยินว่าที่วันนี้คนเยอะเพราะเป็นวันหยุดราชการของที่นี่ เรากะเพื่อนมีเวลาไม่เยอะ เลยตกลงกันว่าเเค่นี้ก็พอเเล้ว เพราะดูจากในรูปมา ขึ้นไปที่ยอดเขา วิวก็แบบเดียวกันเลยตัดใจหันกลับดีกว่า
โอ้ยย วิวสวยอะไรเบอร์นั้น
ตอนลงก็ไม่ใช่ง่ายๆ เพราะมันสว่าง เห็นทุกความชัน เเละความไกลที่รออยู่ ถามตัวเองซ้ำๆ ว่านี่ขึ้นมาได้สูงขนาดนี้จริงเรออะ!!!
ระหว่างทางจะเห็นถึงความศรัทธาของชาวศรีลังกาเป็นระยะ
มองย้อนกลับไปเห็นยอดเขารูปปิรามิดนั่นใช่มั้ยคะ
ระหว่างทางลง ได้เห็นวิวที่เราเดินผ่านไปเมื่อคืน
ใช้เวลาสองชั่วโมงครึ่งลงมาถึงจุดเริ่มต้น ขากลับเรายอมเสียค่ารถ tuk tuk. 100 รูปี กลับที่พัก เพราะขาล้าไม่ไหวเเล้ววววว
กลับมาถึงก็นอนพัก เเละเช็คเอ้าท์ เก็บของไปขึ้นรถไฟรอบ 13:30 เพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองNuwara Eliya เเต่ต้องลงที่สถานี Nano Oya แทนนะ เพราะที่ Nuwara ไม่มีสถานีรถไฟ ค่ารถไฟ 40 รูปี ถูกมากกกกก รถไฟใช้เวลาชั่วโมงครึ่ง
ระหว่างชั่วโมงครึ่งนี้ ห้ามหลับเป็นเด็ดขาด เพราะอะไร?!? ก็เพราะเส้นทางดีงาม ตัดหุบเขาไร่ชาไปตลอดทั้งเส้น เขียวขจีสบายตา อากาศก็ดี๊ ดีย์อ่ะ
นั่งมาแปบๆก็ถึง เเต่ที่พักที่เราจองไว้ที่นี่มีบริการ Free pick-up นั่งไปประมาณ 15 นาทีก็เข้าเขต Nuwara Eliya
ที่พักเราอยู่โซนใจกลางเมือง ไปไหนมาไหนสะดวก ใกล้สถานีขนส่งด้วย เเต่ถ้าใครอยากได้สงบๆหน่อยก็ควรจะออกไปนอนโซนริมทะเลสาป ก็จะได้ฟีลบ้านพักตากอากาศ
นอนพักเหนื่อยจนพอใจก็ค่อยเหมารถเที่ยวชมไร่ชาเราได้ราคา 1500 รูปี เพราะตอนนั้นเย็นเเล้วคงไปได้เเค่ไร่ชา Macwood อันโด่งดังเท่านั้น
ระหว่างทาง
Sri Lanka...ไปไม่รู้ตัว // มานี่มา!! จะรีวิวการเดินทางแบบโค่ดละเอียดให้ฟัง ตอน2
http://ppantip.com/topic/34990448
เราเริ่มเดินฝ่าความมืดขึ้นมาเรื่อยๆตั้งเเต่ตีหนึ่ง เเต่สองข้างทางคนพลุกพล่าน. ไม่น่ากลัวเลยเเม้เเต่นิด
ชั่งโมงเเรกผ่านไป เรายังไปไม่ถึงครึ่งทาง เวลาเเหงนหน้าดูไฟลิบๆบนยอดเขานี่สะเทือนใจมาก ไม่รู้ว่าจะทำได้มั้ย อยากจะหยุดให้รู้เเล้วรู้รอด
เเต่ใจสู้ค่ะ เรากับเพื่อน ไม่หยุดง่ายๆ เดินต่อไปเรื่อย จนตีสามก็เริ่มใจชื้น เพราะมองลงไปจะให้ว่าเราขึ้นมาสูงมากแล้ว ทีนี้ไม่ท้อเเล้ว เดินไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก เพราะที่ความสูงระดับนั้น อย่าอวดดีฝืนร่างกาย ใครเดินเเซงไปก็ปล่อยเค้า สู้กับตัวเราไปเรื่อยๆ จนตีสี่ เริ่มได้ยินเสียงระฆัง เเสดงว่าใกล้เเล้ว ก็ยิ่งใจชื้น เเต่พอตีห้า การจราจรก็ดันไปติดขัด
จนมีฝรั่งหลายรายถอดใจเดินกลับลงไป
เเต่ด้วยความมานะเราก็พาตัวเองมาจนถึงบริเวณก่อนถึงปลายยอดเขา Adam's Peak ได้สำเร็จตอนที่ฟ้าสางพอดี ตอนที่เรายืนอยู่ตรงนั้นมันตื่นเต้นมาก มันรู้สึกถึงชัยชนะ จนลืมไปเลยว่าเบื้องหน้าเราถูกขนานนามว่าสวรรค์ ยิ่งพระอาทิตย์เริ่มพ้นขอบฟ้า เราก็ยิ่งเห็นได้ชัดขึ้นว่า นี่เราอยู่บนสวรรค์จริงๆ มันคุ้มเหนื่อยมากๆ
ทุกคนตรงนี้ยืนรอสิ่งเดียวกัน
พอดวงอาทิตย์พ้นขอบฟ้าเท่านั้นล่ะ ก็ได้ยินเสียงเฮจากคนศรีลังกาดังมาก เเละเค้าก็ยกมือขึ้นประนม พร้อมสวดบทอะไรสักอย่าง ตอนนั้นเราขนลุกมาก
เพราะเค้าดูตั้งใจมาก ในขณะที่นักท่องเที่ยวก็ยืนรัวชัตเตอร์กันแบบไม่ยั้ง
เรามีเเต่กล้องไอโฟน ก็เลยอาจจะถ่ายมาไม่สวยเท่าไร เเต่พยายามสุดๆแล้ว เเหะๆ
ตอนนั้นเราอยากขึ้นไปให้ถึงยอดต่อ เเต่เเถวที่ต่อกันนั้น ไม่มีท่าว่าจะขยับ เเล้วก็ได้ยินว่าที่วันนี้คนเยอะเพราะเป็นวันหยุดราชการของที่นี่ เรากะเพื่อนมีเวลาไม่เยอะ เลยตกลงกันว่าเเค่นี้ก็พอเเล้ว เพราะดูจากในรูปมา ขึ้นไปที่ยอดเขา วิวก็แบบเดียวกันเลยตัดใจหันกลับดีกว่า
โอ้ยย วิวสวยอะไรเบอร์นั้น
ตอนลงก็ไม่ใช่ง่ายๆ เพราะมันสว่าง เห็นทุกความชัน เเละความไกลที่รออยู่ ถามตัวเองซ้ำๆ ว่านี่ขึ้นมาได้สูงขนาดนี้จริงเรออะ!!!
ระหว่างทางจะเห็นถึงความศรัทธาของชาวศรีลังกาเป็นระยะ
มองย้อนกลับไปเห็นยอดเขารูปปิรามิดนั่นใช่มั้ยคะ
ระหว่างทางลง ได้เห็นวิวที่เราเดินผ่านไปเมื่อคืน
ใช้เวลาสองชั่วโมงครึ่งลงมาถึงจุดเริ่มต้น ขากลับเรายอมเสียค่ารถ tuk tuk. 100 รูปี กลับที่พัก เพราะขาล้าไม่ไหวเเล้ววววว
กลับมาถึงก็นอนพัก เเละเช็คเอ้าท์ เก็บของไปขึ้นรถไฟรอบ 13:30 เพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองNuwara Eliya เเต่ต้องลงที่สถานี Nano Oya แทนนะ เพราะที่ Nuwara ไม่มีสถานีรถไฟ ค่ารถไฟ 40 รูปี ถูกมากกกกก รถไฟใช้เวลาชั่วโมงครึ่ง
ระหว่างชั่วโมงครึ่งนี้ ห้ามหลับเป็นเด็ดขาด เพราะอะไร?!? ก็เพราะเส้นทางดีงาม ตัดหุบเขาไร่ชาไปตลอดทั้งเส้น เขียวขจีสบายตา อากาศก็ดี๊ ดีย์อ่ะ
นั่งมาแปบๆก็ถึง เเต่ที่พักที่เราจองไว้ที่นี่มีบริการ Free pick-up นั่งไปประมาณ 15 นาทีก็เข้าเขต Nuwara Eliya
ที่พักเราอยู่โซนใจกลางเมือง ไปไหนมาไหนสะดวก ใกล้สถานีขนส่งด้วย เเต่ถ้าใครอยากได้สงบๆหน่อยก็ควรจะออกไปนอนโซนริมทะเลสาป ก็จะได้ฟีลบ้านพักตากอากาศ
นอนพักเหนื่อยจนพอใจก็ค่อยเหมารถเที่ยวชมไร่ชาเราได้ราคา 1500 รูปี เพราะตอนนั้นเย็นเเล้วคงไปได้เเค่ไร่ชา Macwood อันโด่งดังเท่านั้น
ระหว่างทาง