[หนังโรงเรื่องที่ 130]10 Cloverfield Lane-สัตว์ประหลาดอยู่ทุกที่ ; (Dan Trachtenberg,2016) by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนน : 9/10
*ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ
เรื่องย่อ : เป็นหนังกึ่งภาคต่อจากหนังเอเลี่ยนมุมกล้องชวนมึนเรื่อง 'Cloverfield' ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ มิเชลล์(Mary E. Winstead) ได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองถูกขังอยู่ในบังเกอร์หลบภัยแห่งหนึ่งซึ่งมีเจ้าของเป็นอดีตนาวิก โฮวาร์ด(John Goodman)ผู้มีความเชื่อว่าโลกภายนอกเกิดสงครามนิวเคลียร์ขึ้นและอีกหนึ่งผู้อาศัยอารมณ์ดีอย่าง เอ็มเม็ตต์(John Gallagher Jr.) ซึ่งทั้งสามคนจะต้องใช้ชีวิตร่วมกันในบังเกอร์เล็กๆภายใต้บรรยากาศอึมครึมที่ต่างคนต่างไม่รู้จักที่มาที่ไปของกันและกัน และความอยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกภายนอกอีก
ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับคนที่ขยาดมุมกล้องแบบ handheld ชวนเวียนหัวจากหนัง Cloverfield ภาคแรกเลยว่า ... ภาคนี้ใช้กล้องปกติถ่ายจ้า! ซึ่งถือว่าแปลกใจพอสมควรกับการที่หนังฉีกเอกลักษณ์ของตัวเองออกมาง่ายๆซะงั้น (คือยอมรับแหละว่ามันเวียนหัว แต่มันก็ดังได้เพราะสิ่งนี้แหละ)
.
ในแง่ของความระทึกขวัญที่เป็นโจทย์ของหนังก็ต้องชื่นชมเลยว่าผ่านฉลุย หนังเลือกที่จะสร้างบรรยากาศที่ชวนอึดอัดอันเกิดจากภาวะแวดล้อมที่มีพื้นที่จำกัดและตัวละครอันน้อยนิดได้อย่างชาญฉลาด เป็นฟีลลิ่ง 'ไม่น่าไว้วางใจ' ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติแบบไม่ต้องปรุงแต่งมากไปชนิดที่เราสามารถเข้าใจหัวอกตัวละครง่ายๆเลย
.
เอาจริงๆแล้วตัวพล็อตของหนังเองไม่ได้มีอะไรที่มากพอจะให้เราเอาไปพูดต่อได้ ดังนั้นหลักใหญ่ของหนังมันเลยอยู่ที่การยึกยักค่อยๆคลายปมของตัวเองมาทีละปม และในขณะเดียวกันก็ยัง 'กั๊ก' ความลับส่วนที่เรามองไม่เห็นเอาไว้อีก ทำให้ตัวมันสามารถประคองอารมณ์ไว้ได้ตลอดเรื่อง
.
ซึ่งพอโทนหนังที่มันอึมครึมขนาดนี้กับซาวน์แทร็กที่ขยันบิ้วคนดูเหลือเกินมาป๊ะกัน มันก็เลยเป็นส่วนผสมที่ลงตัวในความเป็นหนังทริลเลอร์-ดราม่าที่มีชั้นเชิงออกมา (คือลืมหายใจบ่อยมากขอยอมรับ) แต่ในแนวหนังแบบนี้ก็อาจจะมีปัญหา 'ไม่ถูกปาก' กับคนดูอีกกลุ่มนึงที่คาดหวังกับความเป็นหนังสัตว์ประหลาดมากกว่านี้ คือเป็นหนังที่คนชอบก็จะชอบไปเลย-ถ้าเกลียดก็จะเกลียดไปเลยเหมือนกับภาคแรก
.
สิ่งหนึ่งที้สังเกตได้อีกอย่าง (ซึ่งไม่รู้ว่าคิดมากไปเองคนเดียวรึเปล่า)คือการที่หนังในช่วงตอนท้ายมันมีกลิ่นอายของโปรดิวเซอร์อย่าง เจเจ.อับรัมส์ อยู่เยอะเลยกับการที่ไม่สามารถทำให้ตอนจบของหนังมันสนุกเท่ากับช่วงดำเนินเรื่องได้ ซึ่งเป็นเคสที่เกิดมาหลายเรื่องแล้วอาทิ The Sign,Super 8 เป็นต้น คือเป็นที่น่าเสียดายกับการที่หนังมันปั้นตัวเองมาจนแข็งแรงแต่ก็หาช่วงจบที่สวยงามของตัวเองไม่ลงซักที
.
10 Cloverfield Lane อาจจะถูกจัดอยู่ในหมวดหนังเฉพาะกลุ่ม ที่มีลักษณะการเดินเรื่องและพล็อตที่น่าสนใจแต่อาจไม่ถูกใจกับผู้ชมทุกประเภท กระนั้นผู้เขียนก็ขอแนะนำให้ไปสัมผัสกับซาวน์และบรรยากาศเต็มๆในโรงมากกว่า ไหนๆในช่วงนี้ก็ไม่ค่อยมีหนังเข้าโรงอยู่แล้ว
หากชื่นชอบรีวิวสามารถติดตามเพจได้ที่
https://www.facebook.com/expensivemovie หรือค้นหาคำว่า "ตั๋วหนังมันแพง" ได้ที่หน้า FB ครับ ..
รีวิว 10 Cloverfield Lane-สัตว์ประหลาดอยู่ทุกที่ by ตั๋วหนังมันแพง
[หนังโรงเรื่องที่ 130]10 Cloverfield Lane-สัตว์ประหลาดอยู่ทุกที่ ; (Dan Trachtenberg,2016) by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนน : 9/10
*ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ
เรื่องย่อ : เป็นหนังกึ่งภาคต่อจากหนังเอเลี่ยนมุมกล้องชวนมึนเรื่อง 'Cloverfield' ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ มิเชลล์(Mary E. Winstead) ได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองถูกขังอยู่ในบังเกอร์หลบภัยแห่งหนึ่งซึ่งมีเจ้าของเป็นอดีตนาวิก โฮวาร์ด(John Goodman)ผู้มีความเชื่อว่าโลกภายนอกเกิดสงครามนิวเคลียร์ขึ้นและอีกหนึ่งผู้อาศัยอารมณ์ดีอย่าง เอ็มเม็ตต์(John Gallagher Jr.) ซึ่งทั้งสามคนจะต้องใช้ชีวิตร่วมกันในบังเกอร์เล็กๆภายใต้บรรยากาศอึมครึมที่ต่างคนต่างไม่รู้จักที่มาที่ไปของกันและกัน และความอยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกภายนอกอีก
ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับคนที่ขยาดมุมกล้องแบบ handheld ชวนเวียนหัวจากหนัง Cloverfield ภาคแรกเลยว่า ... ภาคนี้ใช้กล้องปกติถ่ายจ้า! ซึ่งถือว่าแปลกใจพอสมควรกับการที่หนังฉีกเอกลักษณ์ของตัวเองออกมาง่ายๆซะงั้น (คือยอมรับแหละว่ามันเวียนหัว แต่มันก็ดังได้เพราะสิ่งนี้แหละ)
.
ในแง่ของความระทึกขวัญที่เป็นโจทย์ของหนังก็ต้องชื่นชมเลยว่าผ่านฉลุย หนังเลือกที่จะสร้างบรรยากาศที่ชวนอึดอัดอันเกิดจากภาวะแวดล้อมที่มีพื้นที่จำกัดและตัวละครอันน้อยนิดได้อย่างชาญฉลาด เป็นฟีลลิ่ง 'ไม่น่าไว้วางใจ' ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติแบบไม่ต้องปรุงแต่งมากไปชนิดที่เราสามารถเข้าใจหัวอกตัวละครง่ายๆเลย
.
เอาจริงๆแล้วตัวพล็อตของหนังเองไม่ได้มีอะไรที่มากพอจะให้เราเอาไปพูดต่อได้ ดังนั้นหลักใหญ่ของหนังมันเลยอยู่ที่การยึกยักค่อยๆคลายปมของตัวเองมาทีละปม และในขณะเดียวกันก็ยัง 'กั๊ก' ความลับส่วนที่เรามองไม่เห็นเอาไว้อีก ทำให้ตัวมันสามารถประคองอารมณ์ไว้ได้ตลอดเรื่อง
.
ซึ่งพอโทนหนังที่มันอึมครึมขนาดนี้กับซาวน์แทร็กที่ขยันบิ้วคนดูเหลือเกินมาป๊ะกัน มันก็เลยเป็นส่วนผสมที่ลงตัวในความเป็นหนังทริลเลอร์-ดราม่าที่มีชั้นเชิงออกมา (คือลืมหายใจบ่อยมากขอยอมรับ) แต่ในแนวหนังแบบนี้ก็อาจจะมีปัญหา 'ไม่ถูกปาก' กับคนดูอีกกลุ่มนึงที่คาดหวังกับความเป็นหนังสัตว์ประหลาดมากกว่านี้ คือเป็นหนังที่คนชอบก็จะชอบไปเลย-ถ้าเกลียดก็จะเกลียดไปเลยเหมือนกับภาคแรก
.
สิ่งหนึ่งที้สังเกตได้อีกอย่าง (ซึ่งไม่รู้ว่าคิดมากไปเองคนเดียวรึเปล่า)คือการที่หนังในช่วงตอนท้ายมันมีกลิ่นอายของโปรดิวเซอร์อย่าง เจเจ.อับรัมส์ อยู่เยอะเลยกับการที่ไม่สามารถทำให้ตอนจบของหนังมันสนุกเท่ากับช่วงดำเนินเรื่องได้ ซึ่งเป็นเคสที่เกิดมาหลายเรื่องแล้วอาทิ The Sign,Super 8 เป็นต้น คือเป็นที่น่าเสียดายกับการที่หนังมันปั้นตัวเองมาจนแข็งแรงแต่ก็หาช่วงจบที่สวยงามของตัวเองไม่ลงซักที
.
10 Cloverfield Lane อาจจะถูกจัดอยู่ในหมวดหนังเฉพาะกลุ่ม ที่มีลักษณะการเดินเรื่องและพล็อตที่น่าสนใจแต่อาจไม่ถูกใจกับผู้ชมทุกประเภท กระนั้นผู้เขียนก็ขอแนะนำให้ไปสัมผัสกับซาวน์และบรรยากาศเต็มๆในโรงมากกว่า ไหนๆในช่วงนี้ก็ไม่ค่อยมีหนังเข้าโรงอยู่แล้ว
หากชื่นชอบรีวิวสามารถติดตามเพจได้ที่ https://www.facebook.com/expensivemovie หรือค้นหาคำว่า "ตั๋วหนังมันแพง" ได้ที่หน้า FB ครับ ..