มีแฟนฝรั่งแต่ไม่เคยเห็นหน้ากันจนเลิกกันแล้วก็ยังไม่เคยเห็นหน้าเลย (ช-ช)

สวัสดีครับต้องขอเกริ่นก่อนว่าผมเป็นนักศึกษาของมหาลัยอินเตอร์แห่งนึงนะครับเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นมาสักพักแล้วว ผมเป็นคนชอบคุยกับฝรั่งอีกอย่างผมก็ชอบ ผู้ชายด้วย สเปคเป็นคนชอบ ฝรั่ง อยู่เเ้ลวเพราะเป็นคนชอบคนร่างใหญ่ ฝรั่งจึงเป็น target สำหรับผมเลยย ^^ จึงทำให้ผมเนี่ยเข้าไป หาเพื่อนคุยในเว็บเพจเกย์ที่เป็นของอเมริกาบ้าง เพจเกย์ต่างชาติบ้าง จนทำให้ผมได้เจอกับเค้า ขอเรียกแทนเค้าว่า จอนนี่ ละกันครับ (มันดูเป็นชื่อฝรั่งที่ฮิตตั้งกันเหลือเกิน) ผมแอดเพื่อนจอนนี่ไปเพราะเห็นเค้าเขียนข้อมูลส่วนตัวไว้ว่า เรียนมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่ไทย แถวๆ หัวหิน แล้วอีกอย่างเค้าน่ารักมากก ผมเลยแอดไปคุยตามประสาคนชอบพูด ชอบคุยภาษาอังกฤษครับเพราะผมชอบที่จะพัฒนาภาษาตัวเองอยู่เเล้ว แต่แปลกใจเอ๊ะ!!! ทำไมเราพิมไปตั้งเยอะเเต่เค้าตอบกลับมาทีละคำ สองครับ Yes บ้าง Ok บ้าง เราก็เลยคิดว่าแบบ หรือจะไม่อยากคุยด้วยวะ ยิ้มเจอฝรั่งหยิ่งซะละ เท ยิ้มเลยดีมะ ก็แอบคิดในใจ แต่ก็ยังมีทักไปเรื่อย ๆ นะครับ ผมก็ถามนะว่า จอนนี่ เรียนที่ไทยหรอ เค้าบอกว่า เค้าจบไฮสคูลเเล้วกำลังจะมาต่อที่ไทย ที่มหาลัยนี้แหละ อ่อลืมบอกไปเลย เค้าเป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ที่หน้าไม่ค่อยมีโซนเอเชียผสมเลย เค้าไปโตที่ฝรั่งเศส ตอนนั้นพูดไทยไม่ได้เพราะเค้ายังอยู่ที่ฝรั่งเศส แล้วพ่อก็ไม่สอนไทยให้ แม่ก็ไม่ค่อยพูดอังกฤษด้วย คือย้ายไปที่โน่น พูดแค่ฝรั่งเศสกับลูก เค้าเลยได้แค่ภาษาฝรั่งเศส กับ อังกฤษนิดหน่อย ผมก็พึ่งรู้ว่าฝรั่งเศสเค้าไม่ได้เก่งอังกฤษขนาดนั้น เพราะเค้าใช้ภาษาฝรั่งเศสกันอย่างเดียว มีความพราวในตัว โอเคเราเลยเข้าใจละว่าทำไมตอบเรามาน้อย 5555 เราก็คุยกันมาได้ระยะนึง เค้าก็ทักมาเรื่อย ๆ นะครับ จนเค้ามาที่ไทยก็มีติดต่อกันผ่านเฟสบ้าง จนตอนที่ผม ผมสอบไฟนอล ของ ปี1 เทอม1 ซึ่งตอนนั้นมันเป็นอะไรที่ยากมากก ผมมาเรียนที่นี่ต้องปรับตัวเยอะมาก ๆเรียนก็เรียนยาก เลยไม่เล่นเฟสบุ๊ค ไปสอง สาม เดือนเลยยย พอสอบเส็ดเลยกลับมาเล่น แบบออนทิ้งไว้ ประจวบกับสอบเส็ดไม่มีไรทำ นอนดูซีรีส์ ตาเเฉะเลย ถึงตี4 ตี 5 ทุกวัน
          แล้วเรื่องก็เริ่มต้นจากวันนั้น วันที่ผมดูซีรีส์ถึงตอน ตี4 อยู่ๆ จอนนี่ก็ทักผมมาว่า "ทำอะไรครับ" (ขอพิมเป็นไทยเพื่อความเข้าใจง่ายนะครับ) เราเลยตอบไปว่า "ดูซีรีส์ครับ" เค้าก็งงว่าแบบดูถึงขนาดนี้เลยหรอ ก็มันไม่มีไรทำแล้วอ๊า 55555 เค้าก็บอกว่าเนี่ยยเค้าพึ่งกลับมาจากปาร์ตี้ ซึ่งตอนนั้นเค้ายังไม่เปิดเรียน ระหว่างรอเปิดเรียนก็ลั่นล้าไปก่อน เเล้วที่ทำให้เราอึ้งไปกว่านั้นคือเค้าจู่ ๆก็พิมมาว่า "คุณหายไปไหนมาไม่ออนเลยนะ รู้มั้ยผมคิดถึง" ........ สตั๊นสองวิ รวบรวมสติเลยตอบกลับไปว่า อ่อเราสอบเลยไม่อยากให้อะไรมากวนใจน่ะ เลยถามกลับไปว่า "จริงหรอ?" เค้าก็บอกใช่ เราก็ใจเต้นเเรงมาก เอาวะเป็นไงเป็นกัน "เอ่อ ยังไม่นอนใช่มั้ย? ขอเบอร์ได้มั้ยอยากคุยด้วย?" เค้าก็อ่านนะ เเต่ใช้เวลาประมาน เกลือบ ๆ 2 นาทีละตอบกลับมาว่า "ภาษาอังกฤษผมไม่เเข็งแรงอ่ะครับ" อ่ออ เราเข้าใจละว่าทำไมถึงตอบช้าา เราเลยแบบ เห้ยยยยไม่เป็นไร เข้าใจเราก็ไม่ได้เก่ง มาคุยกัน ๆ เเล้วเค้าก็ให้เบอร์มาจริงๆ เราก็ไม่รอช้าโทรไปเลย ซึ่งตอนนั้น จะเกลือบ ๆตี 5 เเล้ว เราก็คุยกันต่าง ๆ นาๆ ที่สังเกตได้คือภาษาอังกฤษของจอนนี่ไม่แข็งแรงจิง ๆ แต่ก็คุยกันรู้เรื่อง คือเค้าก็ งง ๆ บ่อยอ่า บางทีเราฟังเราก็ งง เค้านะ 55555 แต่ไม่ใช่ประเด็น ตอนนั้นยิ่งคุยยิ่งรู้สึกดี จนถึง 9 โมงเช้าเราก็บอกง่วง ๆ เค้าก็บอกงั้นเดี๋ยวไอ โทรหายูเองตอนเที่ยงนะ เราก็แบบ เที่ยง ? นอนเช้าขนาดนี้คงไม่ตื่นมั้งครับเที่ยง เเต่เราก็บอกไปว่าได้ ๆ โทรมาเลย
          พอเวลาผ่านไปปรากฎว่าเที่ยงเค้าก็โทรมาจริง ๆ เราก็สะดุ้งตาลีตาเหลือกรับสายเค้า ตื่นเลยครับหลังจากนั้นคุยกันจน 4โมงเย็นจะ 5 โมงเย็นเค้าบอกว่าต้องออกไปห้างกับที่บ้านคืนนี้โทรหาอีกได้มั้ย คือเราคุยกันเยอะมากกกกก หลาย ชม. มากจนไม่รู้จะหา issue ไหนมาคุยเเล้ว คิดดูละกันครับว่าพวกผมไม่มีไรจะถามจนต้องถามกันว่า ""้What do you think about climate change?" (คุณคิดยังไงกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ)  ซึ่งบ้ามากทั้งที่คุยไร้สาระมาโดยตลอดผมต้องหาอะไรไปถามเพราะหมดมุกล่อฝรั่งไปแล้ว 55555  
         หลังจากวันนั้นเราก็คุยโทรสับกันทุกวัน มาเป็นเวลา 2 อาทิตย์แบบ ต่อเนื่องนะครับ จากวันละ 3 ชม. เพิ่มเป็นวันละ 5 ชม. 7ชม. ที่พีคสุดคือวันละ 9 ชม. ไม่รู้คุยไรจิง ๆสัมเพเหระ คือด้วยความที่ผมเป็นคนตลก ร่าเริง เป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ตัวจริง เค้าเลยชอบ เค้าก็บอกนะว่าชอบเราจังอยากคุยด้วยทุกวัน สนุกมาก อ่อลืมบอกไปครับเค้าเคยคบคนไทยมาแล้ว แต่คนนั้นเค้าจะออกเเนวตี๋ๆ น่ารักๆ ขาวๆ แต่ผมจะเป็นคนผิวเข้ม หน้าคม ซึ่งคงตอบโจทย์ฝรั่งมากกว่าเค้าล่ะมั้ง เพราะเค้าชอบบอกว่า ผมน่ารักกว่าคนนั้น ซึ่งผมเถียงครับว่า คนนั้นเค้าน่ารักมากกก ถ้าเราได้เองเราก็ไม่สนใจอ่าฝรั่ง เเต่ฝรั่งไม่ชอบ เค้าบอกเค้าชอบเเบบเรา หน้าไทย ๆ ดี คนนั้นเเบบหน้าจีนๆ ไง อันนี้ก็ไม่รู้นะเครียกันเอง 5555
       พอมาสองอาทิตย์กว่า ผมก็เริ่มเปรย ๆ หรือเรียกว่าอ่อยทางอ้อมก็ได้ 55555 ว่าแบบ เรารู้สึกดีกับยูนะ ยูคิดเหมือนไอมั้ย บลาๆๆๆ เหมือนเค้าจะเข้าทางเรา ซึ่งในวันนั้นเลย ตอนตี 4 ผมก็บอกชอบเค้าไปเเล้วก็ถามเค้าไปเลยว่า "เป็นแฟนกันได้มั้ย" เค้าก็เขิน ๆ นะเเล้วตอบกลับมาว่า "YES!!" เราก็ดีใจ จำได้เลยว่าวันนั้น วันที่ 19 ธันวา เราได้มีแฟนฝรั่งคนเเรกในชีวิต มีแต่เพื่อนฝรั่งมาทั้งชีวิต เเต่แฟนฝรั่งพึ่งจะมามีตอน อายุ 19 ปี ฮ่า ๆ
หลังจากนั้นเราก็เริ่มบอกรักกันมากขึ้น ๆ มากขึ้น แรกไม่ชินบอกมาก แต่หลัง ๆ ต้องบอกทุกวันก่อนวางสาย อ้อลืมบอกอีกละครับ คือตอนนั้นเรายังไม่รู้นะว่าเค้าเป็นพระหรือเป็นนาง (รุกหรือรับ) โดยตัวเราเนี่ยขอบอกเลยว่าเราเป็น ตัวนาง! 5555 เราก็แอบสงสัยเอ๊ะ หลัง ๆ เริ่มมีงอน ๆ เราเยอะขึ้น เป็นฝรั่งที่ได้นิสัยคนไทยมาเยอะพอสมควร คือ
                          1.กลัวผีที่สุด และ เชื่อว่าผีมีจริง
                         2. เป็นฝรั่งที่ศรัทธราในพระพุทธศาสนา ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องดีของบ้านเรา ที่รู้เพราะอะไร มีวันนึง คุยกันตี สองตีสาม บอกรีบไปนอน เราก็ งง จะรีบไปไม อ่ออ พรุ่งนี้เช้าจะไปใส่บาตร!!! แม่เจ้าน่ารักมาก นี่เราไม่ได้ใส่บาตรมา เป็นปีละนะได้ยินละอายเลย 55555
                         3.เป็นเด็กสปอย แบบลูกคุณหนูตามฉบับไทยเป๊ะ! พ่อเเม่ต้องไปส่ง ไปไหนมาไหนต้องพ่อเเม่พาไป พ่อเเม่ทำให้ทุกอย่าง ยกเว้นไปปาร์ตี้อันนี้ไปส่งไว้ละก็หาทางเอาตัวรอดในงานเอง แต่ก็พ่อเเม่มารับอยู่ดี
นี่มันฝรั่งจีนแดงชัดๆ โอ่ยยยยยยยแย่ เมิงมันคนไทยครับไอ้หรั่ง!! 5555555 คนไทยปลอมตัวมาใช่มั้ยยย!!  แต่ถึงอย่างนั้นเค้าก็เอาตัวรอดได้นะเราสังเกตแล้ว  พอคบกันมาได้สักเดือน เราก็เหมือนจะอยากไปเจอเค้าซึ่งเค้าอยู่ที่หัวหินไงพ่อเเม่ซื้อบ้านที่หัวหินไว้ให้ แต่เหมือนว่าเค้าไม่อยากเจอกับเราเลย ไม่รู้เพราะสาเหตุอะไร  ผมรู้จักเพื่อนเค้าคนนึง เป็นคนไทยที่เค้าไปเรียนต่อฝรั่งเศสเเล้วเผอิญไปเช่าบ้านของจอนนี่อยู่ เค้าชื่อว่า พี่พงครับ แต่ผมก็ งง นะจอนนี่เรียกเค้าว่า พง ๆ แต่เข้าไปในเฟสบุ๊คคนเรียกเค้าว่า กระป๋อง ป๋องแป๋ง ป๋อง ผมเลยถามว่าตกลงพี่ชื่อไร พงคือ ชื่อจริง ? เปล่าเลยครับ เค้าชื่อ ป๋อง แต่อีฝรั่งจีนแดง มันออกเสียงป๋องไม่ได้!! มันเลยเลย พง ๆ 55555555 ผมนี่ลั่นเลยยย เห้ยยย จิงงะ จะเรียกพี่ป๋องก็ไม่ทันเเล้ว ชินเรียกพี่พงแล้ว เรียกมาหลายเดือนละด้วย โหยยย นี่ตูคนไทยนะออกเสียงได้ ทำไมไม่บอกกันหน่อยจะได้เรียกถูก สรุปคือ บนโลกใบนี้มีแค่จอนนี่และผมครับที่เรียกพี่ป๋องว่า พี่พง - -"
           เดี๋ยวออกนอกเรื่องไปไกล... 55 เราก็แบบอยากให้เค้าเมคชัวว่าเราไปแล้วเราจะไม่เร่ร่อนแบบ พวก Homeless ถ้าเราไปหัวหิน คือใจนึงก็อยากไปเซอร์ไพซ์นะเเต่เราไม่รู้จักใครที่นั่นเลย กลัวหลง กลัวไปหมด เเต่อยากเจอก็อยากไป เลยเอาไว้ก่อนดีกว่าอดทนไว้  จอนนี่ขึ้นมา กทม บ่อยมากกกนะ ผมรู้ได้จากพี่พง ซึ่งเค้าก็คอยรายงานเราตลอดเพราะพี่พงเค้ารู้จักกับที่บ้านของจอนนี่ เค้าเลยรู้ความเคลื่อนไหว อ่ออีกอย่าง บ้านจอนนี่ไม่รู้ว่าจอนนี่เป็นเกย์ พ่อเค้าก็แอบโหดนะ แต่เเม่ดูใจดี พอเรารู้ว่าจอนนี่มา กทม ครั้งนึง ตอนนั้นเรารู้ว่าเค้าอยู่ที่ไหนเราโทรหาบอกว่าเดี๋ยวเราไปหาเราอยากเจอ เเต่จอนนี่บอกว่า มาทำธุระแค่ ชม. สอง ชม. จะกลับเเล้ว ไว้วันหลังดีกว่าเดี๋ยวเรามาไม่ทันจะเสียเวลา เราก็แบบ ทำเป็นเออ ออ ว่าไม่ไปก็ได้ที่ไหนได้ ผมวิ่งเข้าห้องน้ำ เซ็ทผม ทาครีม เลือกชุดที่คิดว่าหล่อที่สุดไว้ พอมาดูเป๋าตัง เหลือตัง 200 ทำไงดีลืมไปปอาทิตนี้ช๊อต เลยบอกรูมเมทไว้ว่าถ้าเราไปถึงเเล้วถ้าตังไม่พอรบกวนโอนเข้าบัญชีเราด้วย เค้าก็โอเค ผมโชคดีที่มีเมทดีเป็นดั่งเหมือนธนาคารให้หยิบยืมยามจำเป็น เราไม่รอช้าให้พี่ที่คอนโดเรียกเเท็กซี่ละก็ออกไปเลยยย เราก็พยายามโทรหาเค้าหลอกถามว่าอยู่ไหนเเล้ว ถึงไหนแล้วว เค้าก็ไม่เอ๊ะใจนะ ผ่านไป 30 นาที รถติดครับ!! นี่ขนาดขึ้นทางด่วนแล้ว รถก็ยังติด เราก็โทรไปหาเค้าเค้าบอก กำลังกลับเเล้ว เราเเบบ เห้ย จะบอกว่าออกมาก็บอกไม่ได้ เราเลยบอกพี่เเท็กซี่ลงจากทางด่วนละจอดป้ายรถเมย์เลย โชคดีที่เหลือ ประมาน 50-60 บาท ค่าเเท็กยังไปไม่เยอะเท่าไหร่ ยังพอให้นั่งรถเมล์กลับได้ ปรากฎว่าแห้วครับวันนั้น ผมก็โทรไปเล่าให้พี่พงฟัง พี่พงจะเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความลับกับเพื่อนเท่าไหร่เค้าก็เอาไปเล่าให้จอนนี่ฟังสิครับ ว่าเราออกไปหาทั้งที่เงินในกระเป๋าไม่มี ดูสิ๊เราลงทุนลงแรงขนาดไหน 55555
จอนนี่เค้าก็โทรมาบอกเรารู้เรื่องหมดเเล้วนะ เอาเลขบัญชีมาเดี๋ยวโอนค่าเเท็กซี่คืนให้ เราบอกไม่เป็นไร ๆ ไม่ต้องมันไม่กี่บาทเอง     (น่าน!!! ทำเก่งมี 200 - -) เค้าก็รบเร้าจะเอาเงินให้เราให้ได้เราก็ได้เเต่ปฏิเสธว่านี่ความผิดเราเองที่เราดื้อไม่ฟังอยากออกไปเจอ คือคนอยากเจอมันทำไรก็ได้อ่า เค้าก็เลยยอม ๆ เเต่ก็ห้ามว่า คราวหลังห้ามทำอีกนะเข้าใจมั้ย? เราก็โอเคค้าบบบบ
                      ผ่านไปเดือนที่ 4 ที่ 5 จอนนี่ไปเรียนภาษาไทยแบบ Individual คือเรียนตัวต่อตัวเลย ทั้งวันทั้งคือ สืบทราบมาว่า ครอสละประมาน 4 หมื่น เห็นเรียนมา 1 เดือน เค้าเริ่มพฟังไทยเราออก เริ่มตอบกลับเป็นไทยมากขึ้น เค้าเริ่มค้นหาคำหยาบ ๆ ภาษาไทยมา มีอยู่วันนึง พูดไทยกับเราทั้งวันเพราะกำลังร้อนวิชา พึ่งเรียนเส็ด เราก็แบบได๊จะลองวิชาหรอ โหยยยย พูดมากชิบบบพูดเริ่มพูดได้เนี่ย เค้าจะเรียกตัวเองว่า "ผม" ส่วนผมจะเเทนตัวเองว่า "ไอ"  เช่น จอนนี่บอกผมว่า"วันนี้ผมกินข้าวเหนียวมะม่วงด้วยนะอร่อยมาก" แล้วผมก็ตอบว่า "ไอไม่ค่อยชอบมะม่วงงะ ยูกินไปได้ไง" ฟังดูน่าตบมากครับดัดจริตยิ้ม 5555  แต่ก็ชินไปเเล้ว หลังจากนั้นเค้าก็พูดไทยได้มากขึ้นๆๆ จนมาวันนึง เค้าไปซื้อทุเรียนที่ตลาด ลูกละ 800 เค้ามาถามเราว่าปกติทุเรียนมันเท่าไหร่อ่า เราก็บอก โลละไม่กี่ร้อยนะ ไม่แพงมาก เค้าบอกเค้าซื้อทุเรียนหมอนทอง 1 ลูก ลูกละ 800 ผมนี่ช็อคครับ นั่นเมิง-ทุเรียนได้ครึ่งสวนเลยนะ (เวอร์ๆ ไว้ก่อน 55) เค้าก็ช็อคครับว่าทำไมแม่ค้าถึงต้องหลอกขายของเเพง หลังจากนั้นเค้าไม่พูดไทยกับผมเลยยย บางทีก็มีหงุดหงิดเรา อย่าพูดไทยคำอังกฤษคำได้มั้ยไม่ชอบเลย พูดอังกฤษสิ ไม่เข้าใจไทย ยูคิดว่าไอเป็นคนไทยหรอ ไอเป็นคนฝรั่งเศสนะ เค้าก็หงุดหงิดเราก็ งง เเต่ก็โอเค ๆ ไม่เถียง ยอมรับว่าตอนนั้น ยอมเค้ามาก เพราะเริ่มรักมากขึ้น ๆ จากการคุยกัน เหมือนรู้นิสัยเค้าจากการคุยถึงเเม้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน

เดี๋ยวมีต่อนะครับ

หัวเราะหัวเราะหัวเราะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ประสาท คนทุกวันนี้ นิยามคำว่า แฟนได้มั่วซั่วมาก
มโนได้ทุกอย่างจนน่ากลัว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่