สวัสดีค่ะขอเกริ่นนำเลยนะค่ะ นี่เป็นการรีวิวครั้งแรก ผิดพลาดประการใดขอกราบประทานอภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะขอตั้งหัวข้อเลยนะค่ะว่า “ตุ๊ดแบกเป้” กระทู้อาจจะยาวสักหน่อยแต่ขอให้อ่านเถอะค่ะรับรองสนุกตื่นเต้นแฟนซีตีลังกาแน่นอนค่ะ
มีอะไรสงสัย จิ้มที่ Link ด้านล่าง Inbox มาที่ Page ได้เลยค่ะ
...... 1 2 3 เริ่มค่ะ ดิชั้นก็เป็นสาวน้อยคนหนึ่งที่มีความคิดความใฝ่ฝันสักครั้งอยากไป อเมริกาเมืองแห่งความใฝ่ฝันของตุ๊ด น้อยตุ๊ดใหญ่หลายๆคน เพราะประเทศนี้เสรีค่ะ คริๆ เอ๊ะคิดดังไปรึป่าว แต่ฟ้าช่างกลั่นแกล้งเสียจริงๆ รัฐแรกที่ดิชั้นเลือกไป คือ รัฐ Arizona งานที่เลือกคือ ไลฟ์การ์ด ซึ่งสรุปคือได้งานนี้คือปลื้มปริ่มปิติและดีใจมาก เพราะ คงจะได้เห็นอะไรต่อมิอะไรแน่ๆ(กล้ามต้องมาค่ะ) แต่ฟ้าก็ผ่าดังเปรี้ยงกลางกะบาลเลยค่ะ คุณผู้ชม วันสอบไฟนอลปี4ดันเป็นวันเดียวกับที่ขึ้นเครื่องเลยค่ะ เลยต้องยกเลิกงานนี้ไปโดยปริยาย หลังจากนั้นก็ตั้งใจเดินเข้าไปหาพี่ๆทีมงานว่ายังพอมีงานไลฟ์การ์ดที่ไหนเหลือบ้างมั้ยค่ะ ก็มีเสียงสวรรค์ตอบมาว่า ลองดูที่นี่มั้ยค่ะ six flags DC มีงานว่างค่ะ เราก็สัมภาษณ์เสร็จสรรพปรากฏว่าได้ ตุ๊ดก็ดีใจสิค่ะ งานไลฟ์การ์ดที่ปรารถนาได้มาอีกครั้ง ประมานอาทิตย์ต่อมาก็ได้รับโทรศัพท์จากพี่พี่ทีมงาน ตัวA โทรมาบอกว่าตอนนี้งานไลฟ์การ์ดได้ตกลงรับน้องน้าค่ะแต่มีข้อแม้ว่าต้องไปเริ่มงานก่อน2สัปดาห์ ในใจ “โอ้ยยยคุณพี่คะจะไปได้ยังไงสอบค่ะสอบไฟนอลค่ะไปไม่ได้” แต่เราก็กลับพูดในสายแค่ว่า อ่อพอจะมีงานอื่นมั้ยค่ะ โฮ้ยยยย เหมือยฟ้าผ่ากลางกะบาลรอบสองค่ะ นางก็ตอบกลับมาว่า ตอนนี้มีงาน Six flags ที่ MO คือเมืองมิสซูรี่ เซนหลุยส์ค่ะ เราด้วยความที่อยากไปมาก ก็ต้องตกลงเอาสถานที่นี้แหละค่ะ โอเคสรุปตุ๊ดน้อยก็ได้ลงหลักปักฐานได้เมืองมิสซูรี่ เซนต์หลุยไปโดยปริยาย ค่ะ ! หลังจากสอบเสร็จก็ไปกับเพื่อนร่วมชะตากรรมไปกับดิชั้น ด้วย1นาง
มาเริ่มการเตรียมตัวก่อนเข้าอเมริกากันก่อนเลยนะค่ะว่าควรทำอย่างไรบ้างค่าใช้จ่ายหลักๆก่อนร่วมโครงการแบ่งออกเป็น 3 ส่วนค่ะ 1.ค่าดำเนินการโครงการ จะรวมถึงในส่วนของ DS-2019 2. ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับ visa+กงสุล 3.ค่าตั๋วเครื่องบิน การเดินทางในระยะเวลายาวแบบนี้ดิชั้นขอแนะนำสิ่งที่ต้องเตรียม ดังนี้ค่ะ อาหาร, เสื้อผ้า, รองเท้า, ยาประจำตัว, เงินสดในช่วงเดือนแรกแนะนำประมาณ 1000 เหรียญค่ะ ควรมีบัตร visa จะดีมาค่ะรูดปรื๊ดๆ แนะนำเป็นเดบิตค่ะจะได้ไม่ใช้เงินเกินตัวนะค่ะ, แว่นตาคอนแทคเลนส์, ของที่ระลึกจากเมืองไทย คนต่างชาติเค้าชอบมากค่ะ แนะนำเป็นพวงกุญแจหาซื้อง่ายค่ะและน้ำหนักไม่มาก เมื่อเครื่องแลนดิ้งแตะพื้นสนามบินแรกในอเมริกาซึ่งส่วนมากอาจไม่ใช่สนามบินปลายทางของคนที่ต้องการเดินทางนะค่ะ ซึ่งสนามบินแรกนี่ก็ยุ่งยากพอสมควรเลยค่ะ แต่ดิชั้นคิดว่าคงไม่เกินความสามารถของเด็กไทยใช่มั้ยคะ ดิชั้นเชื่อมั่นอย่างนั้นจริงๆค่ะ ก่อนลงจากเครื่องให้กรอกเอกสาร I-94 และ Custom Declaration ให้ครบถ้วน เตรียม Passport ให้พร้อมกุมให้แน่นๆเลยค่ะเพราะถ้าหายนี่บอกเลยค่ะนรกมาเยือนเลยค่ะ กุมให้ดีดี นะค่ะ เน้นย้ำกุมดีดีขีดเส้นใต้อีกทีค่ะ กุมดีดี
ถึงวันที่ต้องอำลาจากไทยแลนด์แดนมหัศจรรย์ก็นั่งเครื่องสุดทรหดมากๆค่ะ ด้วยความที่งกค่ะ เพื่อนของดิชั้นจึงจัดการจองสายการบินทั้งไปและกลับเองเสร็จสรรพค่ะซึ่งราคาถูกแถมได้สตอปขากลับที่เกาหลีอีก 7วัน (ไว้จะมาเล่านะค่ะโปรดติดตาม)แต่การจองเองเป็นอะไรที่สุดๆค่ะเพราะ พี่น้องคะ 23 ชั่วโมงกับการเดินทางขาเข้าประเทศอเมริกา รากนี่งอกพังผืดนี่เกาะกันเป็นแถบๆ
เราเดินทางไปกับสายการบิน Korea air ค่ะ รอบเดินทาง เวลาประมาณ 22.40 ค่ะ
บรรยากาศความตื่นเต้นกำลังเริ่มมาค่ะการเดินทางไปยังอีกฝั่งของโลก นั่งรอไปขนนี่ลุกซู่ๆๆ ตลอดเวลาค่ะ
ถือว่าสวยๆกันไปนะค่ะ นั่งริมหน้าต่าง เพราะตื่นมาอยากเห็นฟ้าสวยๆ นี่มโนเอาล้วนๆค่ะ แต่คิดว่าเราต้องได้ภาพสวยๆสิใช่มะ
เป็นไปตามการคาดคะเนของตุ๊ดจริงๆค่ะฟ้าสวย โปร่ง เสมือนเราเป็นนางฟ้าเดินละเมอ บนปุยนุ่น
ความรู้สึกที่ได้นั่งสายการบินนี้ รู้สึกดีมากค่ะเพราะสจ๊วตบนสายการบินบริการดี๊ๆ (โอปป้า ซารางเฮค่ะ) สายการบินนี้ส่วนสูง180 up ทุกคนจริงๆตุ๊ดก็ปริ่มสิค่ะ แต่นี่มันพึ่งเริ่มต้นค่ะ เพราะต้องไปต่อเครื่องประมาณ3รอบค่ะจนกว่าจะถึงที่หมาย จุดแวะพักแรกคือที่ สนามบินอินชอน ค่ะ
บรรยากาศระหว่างรอเปลี่ยนเครื่องค่ะ รู้สึกถึงความเป็นเกาหลี บอกตัวเองในใจค่ะ อีก 3 เดือนเรามาเจอกัน จะจิกวิกตีลังกาม้วนหน้า 3 ตลบ ตามล่าหาโอปป้าเลยค่ะ
เราก็ต้องมีตุ๊กตานำโชคเล็กๆนะค่ะ เอาเป็นตัวแทน แห่งดวงจันทร์ อุ้ยไม่ใช่ค่ะเอาไว้กอดเวลาไม่มีใครนางก็รับฟังเราทุกเรื่องนะค่ะ เป็นวิธีระบายได้ดีอีก 1 วิธีนะค่ะ ทำตามได้ไม่เสียหาย ลองดูค่ะ
เครื่องก็ Take off ออกตัวอีกรอบค่ะ นั่งกันยาวๆไป
มาดูอาหารการกินบนเครื่องดีกว่าค่ะ ถือว่าดี๊ดีถูกปากผู้บริโภคมากเลยค่ะ ทางสายการบินเสริฟกันไม่ยั้งเลยค่ะไม่ว่าจะอาหารคาวอาหารหวาน เครื่องดื่มชากาแฟมากันไม่ขาดสายเลยค่ะ ขุนให้ดิชั้น เป็นหมูบูริน(บูรินหมูน้อยอวกาศ) เอิ่มรู้สึกจะดักแก่ ดิชั้นมากเลยค่ะ
ถึงสนามบินที่ DC ก็ทำการแวะพัก ตอนนี้ก็มีเวลารอก่อนเปลี่ยนเครื่อง ประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ เราก็ด้วยความหิวเลย มาหาอะไรกินที่ร้าน Dulles Gourmet
ถือว่าเป็นอาหารมื้อแรกเลยค่ะ ที่ได้กินตอนอยู่อเมริกา ค่ะ
บรรยากาศภายในร้านค่ะ ถือว่า โอเค บวกกับแสงไฟนวลๆส้มๆ รู้สึกอบอุ่น
ก็ได้ตกลงกับเพื่อนสาวว่าทานอันนนี้ดีกว่าค่ะ ซึ่งตอนนั้นดิชั้นคิดว่าน่าจะอร่อยลองดู เป็น Turkey Taco ค่ะ
เดินทางต่อกันดีกว่าค่ะ ยาวๆไปค่ะหลับแล้วหลับอีก ZZZZzz zz
เราก็เดินทางมาถึง IAD (DC) วินาทีที่ดิชั้นเข้าในส่วนของ Immigration ขนนี่ลุกเลยค่ะ มีแต่คนตัวใหญ่ๆทั้งนั้นเลยนี่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันค่ะว่าทำไมคัดมาซะแบบกลัวว่าดิชั้นจะไปก่อการร้ายรึไง ส่วนมากทางเจ้าหน้าที่จะถามว่า “What is your purpose coming to the United State” หรือ “Why are you coming to USA” ก็ให้ตอบไปว่า “I am here to join the Work&Travel program, I will be working for ……………(บอกชื่อสถานที่ไปค่ะ) เจ้าหน้าที่อาจถามต่อว่า “How long do you plan to stay in US ?” หรือ “ How long you stay here?” ก็ตอบไปตามความจริงค่ะ เช่น “3 months” หลังจากที่ผ่านด่านตรวจ ก็จะได้รับ Passport, I-94, DS-2019 ที่มี Stampเข้าประเทศ I-94 และ Custom Declaration นะค่ะ เดินทางกันอีกรอบค่ะ บอกแล้วไงค่ะเป็นตุ๊ดต้องถึงและบึกบึน
นั่งเครื่องยาวๆข้ามน้ำข้ามทะเลอีกรอบเราก็มาถึง คือที่เมือง แอทแลนต้า (ATL) ทำเอาเหงื่อนี่ตกเลยค่ะ เพราะเรามีเวลาเปลี่ยนเครื่องแค่20นาที ก่อนจะไปอีกสนามบินหนึ่งถ้าตกเครื่องรอบนี้ต้องดีเลย์เกือบ13ชั่วโมง
ก็มีรถจากทางสนามบินมารับค่ะ ไม่รู้เรียกอะไรเหมือนกัน ออกแนวคล้ายๆรถเมล์บ้านเราแต่แลดู ทันสมัยโก๊เก๋กว่าเยอะค่ะ
Ok ค่ะด้วยความเป็นนักกีฬาเก่าค่ะใส่เครื่องไม่ยั้งค่ะลากทั้งเพื่อนทั้งกระเป๋าเปลี่ยนเครื่องค่ะ สรุปทันค่ะเดชะบุญเป็นตุ๊ดประดุจมี9ชีวิตค่ะ
ในที่สุดก็ถึงสนามบินสุดท้ายคือสนามบิน ST.Louis ก็เริ่มได้ใช้ภาษาอังกฤษอย่างเต็มที่ค่ะเพราะเราโทรหา TAXI เองค่ะ ชื่อYO TAXI ค่ะซึ่งเราโทรจองล่วงหน้าตั้งแต่ที่ไทยแล้วเขาก็มารอรับ ที่ประตูตามเวลาเป๊ะ ภาพที่เห็นภาพแรกค่ะคือรถตู้สีชมพูหวานแหววกับคุณลุงคนขับจินตนาการค่ะ เหมือนผู้พันแซนเดอร์ KFC ค่ะ แต่มีรอยสักทั้งตัว เริ่ดค่ะ
ตุ๊ดน้อยและชะนีอีก1 ก็ขนของขึ้นรถโดยไม่รู้ด้วยค่ะว่านางจะพาเราไปถึงที่รึป่าว ในใจก็ท่องไปสิค่ะ นะโมตัสสะๆ สรุปถึงค่ะ ประมาน 30นาทีก็ถึงที่พักเราคือ American bed inn ซึ่งก็จ่ายค่า taxi ไป 75US แพงกระเป๋าฉีกไปข้างค่ะ ถึงห้องก็สลบสิค่ะ เจทแลคค่ะ นอนกันถึงเช้า
ที่นี่แหละค่ะ American bed inn ที่เราต้องนอนกันยาวๆไปตลอด 3 เดือนค่ะ
บรรยากาศด้านหลังโรงแรมค่ะบางวันโชคดีจะเห็นฝูงกวาง อยู่หลังโรงแรมด้วยค่ะ ชีวิตดี๊ดีย์ ฟินๆใสใสค่ะ
ข้อดีของทางโรงแรมนี้คือมีอาหารเช้าทานฟรีค่ะ ตั้งแต่ 7.00-9.00 มีตั้งแต่นม น้ำส้ม ซีเรียล โดนัท ขนมปังปิ้ง แยม เนย โอ้ยสารพัดค่ะ บลาๆๆ หมุนเวียนกันไปค่ะ และยังมีบริการดูดฝุ่นเปลี่ยนผ้าปูที่นอนทำความสะอาดห้องให้อาทิตย์ล่ะ 1 ครั้งด้วยค่ะ อ่อๆ ในห้องมีทั้ง แอร์ ทีวี ตู้เย็น รวมถึงฮีทเตอร์พร้อมนะค่ะไม่ต้องห่วงเตียงก็เป็น King size นอนกันแบบสบายๆเลยค่ะ
[CR] ตุ๊ดแบกเป้ ตะลุย USA @Six flags St.Louis "ไป Work&Travel America ได้ประสบการณ์100%" EP1
...... 1 2 3 เริ่มค่ะ ดิชั้นก็เป็นสาวน้อยคนหนึ่งที่มีความคิดความใฝ่ฝันสักครั้งอยากไป อเมริกาเมืองแห่งความใฝ่ฝันของตุ๊ด น้อยตุ๊ดใหญ่หลายๆคน เพราะประเทศนี้เสรีค่ะ คริๆ เอ๊ะคิดดังไปรึป่าว แต่ฟ้าช่างกลั่นแกล้งเสียจริงๆ รัฐแรกที่ดิชั้นเลือกไป คือ รัฐ Arizona งานที่เลือกคือ ไลฟ์การ์ด ซึ่งสรุปคือได้งานนี้คือปลื้มปริ่มปิติและดีใจมาก เพราะ คงจะได้เห็นอะไรต่อมิอะไรแน่ๆ(กล้ามต้องมาค่ะ) แต่ฟ้าก็ผ่าดังเปรี้ยงกลางกะบาลเลยค่ะ คุณผู้ชม วันสอบไฟนอลปี4ดันเป็นวันเดียวกับที่ขึ้นเครื่องเลยค่ะ เลยต้องยกเลิกงานนี้ไปโดยปริยาย หลังจากนั้นก็ตั้งใจเดินเข้าไปหาพี่ๆทีมงานว่ายังพอมีงานไลฟ์การ์ดที่ไหนเหลือบ้างมั้ยค่ะ ก็มีเสียงสวรรค์ตอบมาว่า ลองดูที่นี่มั้ยค่ะ six flags DC มีงานว่างค่ะ เราก็สัมภาษณ์เสร็จสรรพปรากฏว่าได้ ตุ๊ดก็ดีใจสิค่ะ งานไลฟ์การ์ดที่ปรารถนาได้มาอีกครั้ง ประมานอาทิตย์ต่อมาก็ได้รับโทรศัพท์จากพี่พี่ทีมงาน ตัวA โทรมาบอกว่าตอนนี้งานไลฟ์การ์ดได้ตกลงรับน้องน้าค่ะแต่มีข้อแม้ว่าต้องไปเริ่มงานก่อน2สัปดาห์ ในใจ “โอ้ยยยคุณพี่คะจะไปได้ยังไงสอบค่ะสอบไฟนอลค่ะไปไม่ได้” แต่เราก็กลับพูดในสายแค่ว่า อ่อพอจะมีงานอื่นมั้ยค่ะ โฮ้ยยยย เหมือยฟ้าผ่ากลางกะบาลรอบสองค่ะ นางก็ตอบกลับมาว่า ตอนนี้มีงาน Six flags ที่ MO คือเมืองมิสซูรี่ เซนหลุยส์ค่ะ เราด้วยความที่อยากไปมาก ก็ต้องตกลงเอาสถานที่นี้แหละค่ะ โอเคสรุปตุ๊ดน้อยก็ได้ลงหลักปักฐานได้เมืองมิสซูรี่ เซนต์หลุยไปโดยปริยาย ค่ะ ! หลังจากสอบเสร็จก็ไปกับเพื่อนร่วมชะตากรรมไปกับดิชั้น ด้วย1นาง
มาเริ่มการเตรียมตัวก่อนเข้าอเมริกากันก่อนเลยนะค่ะว่าควรทำอย่างไรบ้างค่าใช้จ่ายหลักๆก่อนร่วมโครงการแบ่งออกเป็น 3 ส่วนค่ะ 1.ค่าดำเนินการโครงการ จะรวมถึงในส่วนของ DS-2019 2. ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับ visa+กงสุล 3.ค่าตั๋วเครื่องบิน การเดินทางในระยะเวลายาวแบบนี้ดิชั้นขอแนะนำสิ่งที่ต้องเตรียม ดังนี้ค่ะ อาหาร, เสื้อผ้า, รองเท้า, ยาประจำตัว, เงินสดในช่วงเดือนแรกแนะนำประมาณ 1000 เหรียญค่ะ ควรมีบัตร visa จะดีมาค่ะรูดปรื๊ดๆ แนะนำเป็นเดบิตค่ะจะได้ไม่ใช้เงินเกินตัวนะค่ะ, แว่นตาคอนแทคเลนส์, ของที่ระลึกจากเมืองไทย คนต่างชาติเค้าชอบมากค่ะ แนะนำเป็นพวงกุญแจหาซื้อง่ายค่ะและน้ำหนักไม่มาก เมื่อเครื่องแลนดิ้งแตะพื้นสนามบินแรกในอเมริกาซึ่งส่วนมากอาจไม่ใช่สนามบินปลายทางของคนที่ต้องการเดินทางนะค่ะ ซึ่งสนามบินแรกนี่ก็ยุ่งยากพอสมควรเลยค่ะ แต่ดิชั้นคิดว่าคงไม่เกินความสามารถของเด็กไทยใช่มั้ยคะ ดิชั้นเชื่อมั่นอย่างนั้นจริงๆค่ะ ก่อนลงจากเครื่องให้กรอกเอกสาร I-94 และ Custom Declaration ให้ครบถ้วน เตรียม Passport ให้พร้อมกุมให้แน่นๆเลยค่ะเพราะถ้าหายนี่บอกเลยค่ะนรกมาเยือนเลยค่ะ กุมให้ดีดี นะค่ะ เน้นย้ำกุมดีดีขีดเส้นใต้อีกทีค่ะ กุมดีดี
ถึงวันที่ต้องอำลาจากไทยแลนด์แดนมหัศจรรย์ก็นั่งเครื่องสุดทรหดมากๆค่ะ ด้วยความที่งกค่ะ เพื่อนของดิชั้นจึงจัดการจองสายการบินทั้งไปและกลับเองเสร็จสรรพค่ะซึ่งราคาถูกแถมได้สตอปขากลับที่เกาหลีอีก 7วัน (ไว้จะมาเล่านะค่ะโปรดติดตาม)แต่การจองเองเป็นอะไรที่สุดๆค่ะเพราะ พี่น้องคะ 23 ชั่วโมงกับการเดินทางขาเข้าประเทศอเมริกา รากนี่งอกพังผืดนี่เกาะกันเป็นแถบๆ
ความรู้สึกที่ได้นั่งสายการบินนี้ รู้สึกดีมากค่ะเพราะสจ๊วตบนสายการบินบริการดี๊ๆ (โอปป้า ซารางเฮค่ะ) สายการบินนี้ส่วนสูง180 up ทุกคนจริงๆตุ๊ดก็ปริ่มสิค่ะ แต่นี่มันพึ่งเริ่มต้นค่ะ เพราะต้องไปต่อเครื่องประมาณ3รอบค่ะจนกว่าจะถึงที่หมาย จุดแวะพักแรกคือที่ สนามบินอินชอน ค่ะ
บรรยากาศระหว่างรอเปลี่ยนเครื่องค่ะ รู้สึกถึงความเป็นเกาหลี บอกตัวเองในใจค่ะ อีก 3 เดือนเรามาเจอกัน จะจิกวิกตีลังกาม้วนหน้า 3 ตลบ ตามล่าหาโอปป้าเลยค่ะ
เราก็ต้องมีตุ๊กตานำโชคเล็กๆนะค่ะ เอาเป็นตัวแทน แห่งดวงจันทร์ อุ้ยไม่ใช่ค่ะเอาไว้กอดเวลาไม่มีใครนางก็รับฟังเราทุกเรื่องนะค่ะ เป็นวิธีระบายได้ดีอีก 1 วิธีนะค่ะ ทำตามได้ไม่เสียหาย ลองดูค่ะ
มาดูอาหารการกินบนเครื่องดีกว่าค่ะ ถือว่าดี๊ดีถูกปากผู้บริโภคมากเลยค่ะ ทางสายการบินเสริฟกันไม่ยั้งเลยค่ะไม่ว่าจะอาหารคาวอาหารหวาน เครื่องดื่มชากาแฟมากันไม่ขาดสายเลยค่ะ ขุนให้ดิชั้น เป็นหมูบูริน(บูรินหมูน้อยอวกาศ) เอิ่มรู้สึกจะดักแก่ ดิชั้นมากเลยค่ะ
ถึงสนามบินที่ DC ก็ทำการแวะพัก ตอนนี้ก็มีเวลารอก่อนเปลี่ยนเครื่อง ประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ เราก็ด้วยความหิวเลย มาหาอะไรกินที่ร้าน Dulles Gourmet
เดินทางต่อกันดีกว่าค่ะ ยาวๆไปค่ะหลับแล้วหลับอีก ZZZZzz zz
เราก็เดินทางมาถึง IAD (DC) วินาทีที่ดิชั้นเข้าในส่วนของ Immigration ขนนี่ลุกเลยค่ะ มีแต่คนตัวใหญ่ๆทั้งนั้นเลยนี่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันค่ะว่าทำไมคัดมาซะแบบกลัวว่าดิชั้นจะไปก่อการร้ายรึไง ส่วนมากทางเจ้าหน้าที่จะถามว่า “What is your purpose coming to the United State” หรือ “Why are you coming to USA” ก็ให้ตอบไปว่า “I am here to join the Work&Travel program, I will be working for ……………(บอกชื่อสถานที่ไปค่ะ) เจ้าหน้าที่อาจถามต่อว่า “How long do you plan to stay in US ?” หรือ “ How long you stay here?” ก็ตอบไปตามความจริงค่ะ เช่น “3 months” หลังจากที่ผ่านด่านตรวจ ก็จะได้รับ Passport, I-94, DS-2019 ที่มี Stampเข้าประเทศ I-94 และ Custom Declaration นะค่ะ เดินทางกันอีกรอบค่ะ บอกแล้วไงค่ะเป็นตุ๊ดต้องถึงและบึกบึน
นั่งเครื่องยาวๆข้ามน้ำข้ามทะเลอีกรอบเราก็มาถึง คือที่เมือง แอทแลนต้า (ATL) ทำเอาเหงื่อนี่ตกเลยค่ะ เพราะเรามีเวลาเปลี่ยนเครื่องแค่20นาที ก่อนจะไปอีกสนามบินหนึ่งถ้าตกเครื่องรอบนี้ต้องดีเลย์เกือบ13ชั่วโมง
Ok ค่ะด้วยความเป็นนักกีฬาเก่าค่ะใส่เครื่องไม่ยั้งค่ะลากทั้งเพื่อนทั้งกระเป๋าเปลี่ยนเครื่องค่ะ สรุปทันค่ะเดชะบุญเป็นตุ๊ดประดุจมี9ชีวิตค่ะ
ในที่สุดก็ถึงสนามบินสุดท้ายคือสนามบิน ST.Louis ก็เริ่มได้ใช้ภาษาอังกฤษอย่างเต็มที่ค่ะเพราะเราโทรหา TAXI เองค่ะ ชื่อYO TAXI ค่ะซึ่งเราโทรจองล่วงหน้าตั้งแต่ที่ไทยแล้วเขาก็มารอรับ ที่ประตูตามเวลาเป๊ะ ภาพที่เห็นภาพแรกค่ะคือรถตู้สีชมพูหวานแหววกับคุณลุงคนขับจินตนาการค่ะ เหมือนผู้พันแซนเดอร์ KFC ค่ะ แต่มีรอยสักทั้งตัว เริ่ดค่ะ
ตุ๊ดน้อยและชะนีอีก1 ก็ขนของขึ้นรถโดยไม่รู้ด้วยค่ะว่านางจะพาเราไปถึงที่รึป่าว ในใจก็ท่องไปสิค่ะ นะโมตัสสะๆ สรุปถึงค่ะ ประมาน 30นาทีก็ถึงที่พักเราคือ American bed inn ซึ่งก็จ่ายค่า taxi ไป 75US แพงกระเป๋าฉีกไปข้างค่ะ ถึงห้องก็สลบสิค่ะ เจทแลคค่ะ นอนกันถึงเช้า
ข้อดีของทางโรงแรมนี้คือมีอาหารเช้าทานฟรีค่ะ ตั้งแต่ 7.00-9.00 มีตั้งแต่นม น้ำส้ม ซีเรียล โดนัท ขนมปังปิ้ง แยม เนย โอ้ยสารพัดค่ะ บลาๆๆ หมุนเวียนกันไปค่ะ และยังมีบริการดูดฝุ่นเปลี่ยนผ้าปูที่นอนทำความสะอาดห้องให้อาทิตย์ล่ะ 1 ครั้งด้วยค่ะ อ่อๆ ในห้องมีทั้ง แอร์ ทีวี ตู้เย็น รวมถึงฮีทเตอร์พร้อมนะค่ะไม่ต้องห่วงเตียงก็เป็น King size นอนกันแบบสบายๆเลยค่ะ