I have a date again.
ประโยคง่าย ๆ สั้น ๆ แต่กินความยาว คราวที่แล้วไม่นานมานี้หลังเหตุการณ์ระทึกขวัญไม่เท่าไหร่ เขาและเธอก็มี "เดทแรก" ที่เรียกได้ว่า "สำเร็จผล" เป็นที่สวยงาม กัปตันยูมีโอกาสพาคังซอนแซงขับรถเที่ยวชมทัศนียภาพของอุรุคอย่างเพลิดเพลินในชั่วระยะเวลาหนึ่ง เป็นเวลาผ่อนคลายและทำให้อารมณ์หลากหลายใด ๆ ที่เคยมีเริ่มกลับคืนมาจนกระทั่งดอกผลของความสัมพันธ์เริ่มผลิดอกออกผลให้ชื่นชม หากวันนี้ยูชีจินมีเดทอีกครั้ง เดทที่เริ่มต้นตั้งแต่วินาทีนี้และจะต้องเสร็จสิ้นภายในสามชั่วโมง เดทที่จะต้องเริ่มและจบด้วยตัวเขาเพียงผู้เดียว เดทที่ไม่มีเวลาให้พลาดแม้แต่เสี้ยววินาที สามชั่วโมงนับจากนี้ ไม่มีร้อยเอกแห่งกองทัพสันติภาพ UN ไม่มีหัวหน้าหน่วยอัลฟ่า ไม่มีกฎเกณฑ์แห่งกองทัพ ความสัมพันธ์ทางการฑูตใด ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง หรือ หยุดยั้งเขาได้ เดทของผู้ชายคนหนึ่งที่ต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ ความศรัทธา ความเชื่อ และ ความรัก ซึ่งมีศูนย์รวมอยู่ที่ผู้หญิงคนหนึ่ง "คังโมยอน"
ยังจำได้ใช่ไหม whoever saves one life, saves the world entire.
เพราะรู้ว่าเป็นการขัดระเบียบปฏิบัติและกฏเกณฑ์รวมถีงมีความเสี่ยงมากมายว่าจะเป็นตั๋วเที่ยวเดียวไม่มีขากลับ ยูชีจินเลือกดำเนินการภารกิจกู้ชีพแต่เพียงผู้เดียวโดยไม่ต้องการให้ใครเข้ามายุ่งเกี่ยวเดือดร้อน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำทุกวิถีทางให้เธอกลับมา หน้าเผือดขาวไร้สีเลือดและหยาดน้ำตาของเธอผู้นั้นยังคงติดอยู่ในคลองจักษุ เขาแน่ใจแล้วว่าหัวใจของเธอคือบ้านของเขา และ ชีวิตของเธอคือโลกของเขา ในฐานะของ "ทหาร" พลเมืองคือฐานของประเทศการช่วยเหลือย่อมเป็น "หน้าที่" หากในฐานะของ "คนรัก" หากลมหายใจของเธอจะต้องสิ้นสุดลงไปเพราะการนี้ คงไม่มีสิ่งใดจะเยียวยาได้แม้แต่กาลเวลา
การเตรียมพร้อมรวมถึงแผนการทุกอย่างจึงถูกกำหนดและตัดสินใจในเวลาอันรวดเร็ว เครื่องแบบ เครื่องหมายยศ ป้ายชื่อ อาวุธ ที่เต็มไปด้วยฝุ่นผงและคราบเลือด ถูกพับอย่างประจงไว้บนเตียงสนาม เกียรติและศักดิ์ศรีของ "ทหาร" จะยังดำรง และ ดำเนินไปพร้อมกับบทบาทหน้าที่ของหัวใจที่ "ต้องทำ" ไม่มีช่องว่างให้คำว่าผิดพลาด จะไม่มีการยอมรับคำว่าล้มเหลว และ ความคาดหวังจะไม่น้อยไปกว่าการที่เธอ "รอดชีวิต" มีแต่คำว่า "สำเร็จ" เท่านั้นที่ยูชีจินต้องการไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไร
เพราะทุกอย่างล้วนไร้ความหมาย .... หากไม่มีเธออยู่เพื่อร่วมชื่นชม
เขาสัญญากับเพื่อนนักรบสายแพทย์แล้วนี่ว่าจะเดินด้วยกัน together และ สิ่งที่เขาทำวันนี้ก็เพื่อ To Get Her เพื่อกลับมาอยู่ด้วยกันอีกคราว พันธะสัญญาของเพื่อนทหารว่าจะไม่ทอดทิ้งใครเอาไว้เบื้องหลัง คำมั่นนั้นคงไม่ใช่เฉพาะยูชีจินกับคังโมยอน แต่หน่วยอัลฟ่าทั้งหน่วยก็ปวารณาตัวอยู่ภายใต้คำสัจนี้เช่นกัน พวกเขาเป็นทหาร และ ทหารจะไม่ทิ้งเพื่อนร่วมรบไว้ด้านหลัง และ "เธอ" ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นหนึ่งในผู้ร่วมรบต่างแนว เมื่อบิ๊กบอสไม่ทิ้งเธอ อัลฟ่าทั้งหน่วยก็จะไม่ทอดทิ้งเธอเช่นเดียวกัน
ยูชีจิน และ หน่วยอัลฟ่า ลงมือต้อนศัตรูได้อย่างหมดจด แต่เมื่อยามที่บิ๊กบอสเห็นใบหน้าของโมยอนชัดเจน มือที่จับปืนกระตุกขึ้นอย่างอัตโนมัติ นี่มันทำกับเธอขนาดนี้เชียวหรือ รอยช้ำแดงที่โหนกแก้ม มุมปากบวมเลือดซิบ ผู้หญิงของฉัน .... ผู้หญิงของยูชีจิน ดวงตาของชายหนุ่มกร้าวกร้านขึ้นมาเพียงแค่เห็นร่องรอยเล็ก ๆ เหล่านั้น ของขึ้นถึงกับสั่งให้เพื่อนที่ดักซุ่ม shoot him up ! แต่แล้วระเบิดที่อยู่บนตัว ทำให้หัวหน้าหน่วยประสบการณ์มากเลือกใช้ปฏิบัติการช่วยตัวประกันชนิดเสี่ยงมากและเสียวมาก
เขาตัดสินใจเล็งตัวประกัน และ บู๊แหลก และ ปลดชนวน ก็เหมือน protocol ของ operation ช่วยตัวประกันตามปกติ แต่ส่งผลที่ไม่ปกติตามมา เพราะ เขามากน้อยก็ฆ่า "เพื่อน" ที่ร่วมรบกันมา เพราะ เธอนอกจากถูกจ่อปืนใส่และมีระเบิดติกอยู่กับตัว ยังได้มา "รู้" จริง ๆ เสียที ว่าแท้ที่จริงแล้ว "งาน" ของบิ๊กบอสคือ "อะไร" นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้สัมผัสงานของเขาจริง ๆ และ มันไม่ง่ายเลยที่จะทำใจยอมรับ ทั้ง ๆ ที่ก็เตรียมใจรับมาแล้วระดับหนึ่ง
แต่เรื่องที่ยากที่สุดไม่ใช่เรื่องที่เธอจะมากลัวอันตรายใด ๆ ที่จะเกิดขึ้นกับตัว ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องตายแล้วเธอจะอยู่เป็นม่าย แต่มันคือเรื่อง "ความลึกลับ" ที่เขาปิดบังซ่อนเร้นมันไว้ด้วยมุกตลกราวกับมันไม่สลักสำคัญ แต่มันคือ "คำโกหก" ในเรื่องใหญ่ในความเป็นความตายของชีวิตราวกับเป็นเรื่องขี้ผง เธอเข้าใจว่ามีบางเรื่องที่เธอ "รู้ไม่ได้" เธอเข้าใจว่าเขาทำทั้งหมดเพื่อให้เธอสบายใจ หากสิ่งเหล่านี้นี่เองที่ทำให้กำแพงระหว่างกันก่อตัวหนาขึ้น เพราะเธอไม่อาจปิดหูปิดตา ไม่อาจจะทำเป็นโง่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่อาจจะ ignore ไม่สนใจ หัวเราะในมุกตลกของเขาไป เชื่อสนิทใจในเรื่องขี้ผงที่เขาพยายามให้เธอเชื่อ
เธอไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น เธอจะทำหน้าโง่ ๆ แสร้งทำเป็นไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น
พอใจรับความสำราญจากเขาไปวัน ๆ แบบนั้นก็ได้หรือ
เธอไม่ได้ต้องการจะรู้ในสิ่งที่รู้ไม่ได้ เธอไม่ได้ต้องการจะเข้าไปแทรกแซงหรือให้เขาเลิกในสิ่งที่กำลังทำอยู่ เธอไม่ใช่ผู้หญิงงี่เง่าเอาแต่ใจขนาดนั้น แต่คนที่รักกันและพร้อมจะก้าวไปด้วยกัน มันต้องไม่ใช่แบบนี้ เธอเข้าใจว่า issues นี้มันจบไปแล้วในคราวที่เขาพูดตามตรงถึงสิ่งที่อยู่ในใจหากแท้ที่จริงแล้วมันไม่จบอย่างที่เข้าใจ การหลีกเลี่ยงยังคงมี คำโกหกยังคงมา ถึงจะเป็น white lie ก็ตามที ถ้าการคบกันกับเขาคือการที่เธอต้องเสแสร้งแกล้งโง่ไปตลอดชีวิต ความกังวลต้องเก็บเอาไว้ในใจไม่ปริปาก พูดคุยได้แต่เรื่องสัพเพเหระ ดินฟ้าอากาศ .... ทั้งที่มีอะไรใหญ่หลวงซุกซ่อนภายใจ นับวันเรื่องที่จะเปิดใจให้กันได้ก็คงมีแต่น้อยลง และ ท้ายที่สุดแล้วถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปก็อาจจะไม่เหลือเรื่องอะไรให้แชร์กันได้อีกต่อไป
คังโมยอนชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าจะรับความสัมพันธ์ที่เป็นแบบนี้ไหวไหม ?
ไม่สิ ... ไม่ใช่เธอคนเดียว ... ทั้งเขาและเธอนั่นแหละ จะรับความสัมพันธ์แบบนี้ได้หรือไม่ ?
ถ้าเขาจะต้องเฉไฉปกปิดตลอดเวลา และ เธอจะต้องเสแสร้งแกล้งทำเป็นไม่รู้ตามน้ำไป
ทั้งที่เขาก็รู้ทั้งรู้ว่าเธอไม่เชื่อ และ ทั้งที่เธอก็รู้ทั้งรู้ว่าเขาปิดบัง
กลายเป็นว่า "เดท" ในครั้งนี้นั้น get her back
แต่จะ together หรือเปล่า ก็ยังยากที่จะคาดเดา
ด้วยประสบการณ์สด ๆ ร้อน ๆ ที่เพิ่งเจอมา เธอยังคิดไม่ตก ยังคิดไม่ออก ถ้อยคำของอาร์กุสยังก้องอยู่ในหัว คำถามตรง ๆ ทื่อ ๆ ที่หลุดปากออกมาว่า "จะบอกเลิกกันใช่ไหม ?" เธอไม่รู้ว่าจะตอบเขาอย่างไรได้ แต่แล้วในคืนนั้นเธอก็ได้รู้ว่าในความลับมีความจริง และ ในความจริงมีความรัก เขารักเธอเขาจึงเลือกที่จะเก็บออมความจริงเป็นความลับเพื่อเจ็บปวดคนเดียว หากจะมีใครเจ็บปวดคน ๆ นั้นต้องไม่ใช่เธอ ในมุมของเธอถ้าหากเขายังรักยังต้องการเขาควรจะเอ่ยปากและแชร์กับเธอบ้าง แต่ในมุมของเขา มุมของผู้ชายเขาคงไม่อยากจะให้ใครเห็นถึงความอ่อนแอ ไม่อยากให้ใครเป็นห่วง ไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตา
ในหัวของเธอมีมโนภาพว่า หาก "ฉัน" ก้าวเข้าไป ปิดตาเขาเสีย เช็ดน้ำตาให้ ความเจ็บปวดนั้น ภาระนั้น ให้มันเลื่อนมาบนบ่าของเธอบ้างก็คงดี อาจจะเป็นเพราะความคิดนี้ และ ภาพของเขาเมื่อวันวานที่ทำให้เธอตัดสินใจ เธอมีค่าสำหรับเขา เขาก็มีค่าสำหรับเธอเช่นกัน ถึงเวลาที่เธอจะต้องขยับมากกว่านี้ที่จะรักษาความสัมพันธ์นั้น เพราะมันคุ้มที่จะทำสำหรับคนที่มีค่าต่อหัวใจ เขาอาจจะยังมีความลับ แต่ไม่เป็นไร เรามาพบกันคนละครึ่งทาง คุณไม่ต้องหามุกตลกมาปกปิด ไม่ต้องโกหกเหมือนไม่มีอะไร เพราะสิ่งที่ฉันอยากรู้ไม่ใช่ว่าคุณไปอยู่ที่ไหน พบเจอกับใคร สิ่งที่ต้องการก็เพียงแค่คุณจะแชร์ทุกอย่างกับฉันอย่างเปิดเผย อันตรายก็ให้รู้ว่าอันตราย ให้ฉันได้เป็นห่วง ให้ฉันได้กังวล ให้ฉันได้เป็นกำลังกับคุณบ้างก็เท่านั้น
เพราะการที่เรามายืนอยู่ตรงนี้ ผ่านอันตราย เสี่ยงชีวิตมาด้วยกันขนาดนี้
ที่เรามีกันและกันอย่างนี้ .... มันข้ามผ่านคำว่า "คนรัก" ไปเป็น "คู่ชีวิต" แบบนั้นไม่ใช่หรือ
ก็คงไม่ต้องบอกว่าคำตอบคืออะไร อ้อมกอดแนบแน่นของผู้ชายคนหนึ่งในชุดทหารกับสายตาลึกซึ้งคู่นั้นคงตอบได้เป็นอย่างดี
แล้วเราก็กลับมา together อยู่ด้วยกัน .... อีกครั้ง
Descendants of the Sun (กึ่งรีวิวตอนที่ 12) : Together TO-GET-HER
ประโยคง่าย ๆ สั้น ๆ แต่กินความยาว คราวที่แล้วไม่นานมานี้หลังเหตุการณ์ระทึกขวัญไม่เท่าไหร่ เขาและเธอก็มี "เดทแรก" ที่เรียกได้ว่า "สำเร็จผล" เป็นที่สวยงาม กัปตันยูมีโอกาสพาคังซอนแซงขับรถเที่ยวชมทัศนียภาพของอุรุคอย่างเพลิดเพลินในชั่วระยะเวลาหนึ่ง เป็นเวลาผ่อนคลายและทำให้อารมณ์หลากหลายใด ๆ ที่เคยมีเริ่มกลับคืนมาจนกระทั่งดอกผลของความสัมพันธ์เริ่มผลิดอกออกผลให้ชื่นชม หากวันนี้ยูชีจินมีเดทอีกครั้ง เดทที่เริ่มต้นตั้งแต่วินาทีนี้และจะต้องเสร็จสิ้นภายในสามชั่วโมง เดทที่จะต้องเริ่มและจบด้วยตัวเขาเพียงผู้เดียว เดทที่ไม่มีเวลาให้พลาดแม้แต่เสี้ยววินาที สามชั่วโมงนับจากนี้ ไม่มีร้อยเอกแห่งกองทัพสันติภาพ UN ไม่มีหัวหน้าหน่วยอัลฟ่า ไม่มีกฎเกณฑ์แห่งกองทัพ ความสัมพันธ์ทางการฑูตใด ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง หรือ หยุดยั้งเขาได้ เดทของผู้ชายคนหนึ่งที่ต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ ความศรัทธา ความเชื่อ และ ความรัก ซึ่งมีศูนย์รวมอยู่ที่ผู้หญิงคนหนึ่ง "คังโมยอน"
เพราะรู้ว่าเป็นการขัดระเบียบปฏิบัติและกฏเกณฑ์รวมถีงมีความเสี่ยงมากมายว่าจะเป็นตั๋วเที่ยวเดียวไม่มีขากลับ ยูชีจินเลือกดำเนินการภารกิจกู้ชีพแต่เพียงผู้เดียวโดยไม่ต้องการให้ใครเข้ามายุ่งเกี่ยวเดือดร้อน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำทุกวิถีทางให้เธอกลับมา หน้าเผือดขาวไร้สีเลือดและหยาดน้ำตาของเธอผู้นั้นยังคงติดอยู่ในคลองจักษุ เขาแน่ใจแล้วว่าหัวใจของเธอคือบ้านของเขา และ ชีวิตของเธอคือโลกของเขา ในฐานะของ "ทหาร" พลเมืองคือฐานของประเทศการช่วยเหลือย่อมเป็น "หน้าที่" หากในฐานะของ "คนรัก" หากลมหายใจของเธอจะต้องสิ้นสุดลงไปเพราะการนี้ คงไม่มีสิ่งใดจะเยียวยาได้แม้แต่กาลเวลา
การเตรียมพร้อมรวมถึงแผนการทุกอย่างจึงถูกกำหนดและตัดสินใจในเวลาอันรวดเร็ว เครื่องแบบ เครื่องหมายยศ ป้ายชื่อ อาวุธ ที่เต็มไปด้วยฝุ่นผงและคราบเลือด ถูกพับอย่างประจงไว้บนเตียงสนาม เกียรติและศักดิ์ศรีของ "ทหาร" จะยังดำรง และ ดำเนินไปพร้อมกับบทบาทหน้าที่ของหัวใจที่ "ต้องทำ" ไม่มีช่องว่างให้คำว่าผิดพลาด จะไม่มีการยอมรับคำว่าล้มเหลว และ ความคาดหวังจะไม่น้อยไปกว่าการที่เธอ "รอดชีวิต" มีแต่คำว่า "สำเร็จ" เท่านั้นที่ยูชีจินต้องการไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไร
เขาสัญญากับเพื่อนนักรบสายแพทย์แล้วนี่ว่าจะเดินด้วยกัน together และ สิ่งที่เขาทำวันนี้ก็เพื่อ To Get Her เพื่อกลับมาอยู่ด้วยกันอีกคราว พันธะสัญญาของเพื่อนทหารว่าจะไม่ทอดทิ้งใครเอาไว้เบื้องหลัง คำมั่นนั้นคงไม่ใช่เฉพาะยูชีจินกับคังโมยอน แต่หน่วยอัลฟ่าทั้งหน่วยก็ปวารณาตัวอยู่ภายใต้คำสัจนี้เช่นกัน พวกเขาเป็นทหาร และ ทหารจะไม่ทิ้งเพื่อนร่วมรบไว้ด้านหลัง และ "เธอ" ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นหนึ่งในผู้ร่วมรบต่างแนว เมื่อบิ๊กบอสไม่ทิ้งเธอ อัลฟ่าทั้งหน่วยก็จะไม่ทอดทิ้งเธอเช่นเดียวกัน
ยูชีจิน และ หน่วยอัลฟ่า ลงมือต้อนศัตรูได้อย่างหมดจด แต่เมื่อยามที่บิ๊กบอสเห็นใบหน้าของโมยอนชัดเจน มือที่จับปืนกระตุกขึ้นอย่างอัตโนมัติ นี่มันทำกับเธอขนาดนี้เชียวหรือ รอยช้ำแดงที่โหนกแก้ม มุมปากบวมเลือดซิบ ผู้หญิงของฉัน .... ผู้หญิงของยูชีจิน ดวงตาของชายหนุ่มกร้าวกร้านขึ้นมาเพียงแค่เห็นร่องรอยเล็ก ๆ เหล่านั้น ของขึ้นถึงกับสั่งให้เพื่อนที่ดักซุ่ม shoot him up ! แต่แล้วระเบิดที่อยู่บนตัว ทำให้หัวหน้าหน่วยประสบการณ์มากเลือกใช้ปฏิบัติการช่วยตัวประกันชนิดเสี่ยงมากและเสียวมาก
เขาตัดสินใจเล็งตัวประกัน และ บู๊แหลก และ ปลดชนวน ก็เหมือน protocol ของ operation ช่วยตัวประกันตามปกติ แต่ส่งผลที่ไม่ปกติตามมา เพราะ เขามากน้อยก็ฆ่า "เพื่อน" ที่ร่วมรบกันมา เพราะ เธอนอกจากถูกจ่อปืนใส่และมีระเบิดติกอยู่กับตัว ยังได้มา "รู้" จริง ๆ เสียที ว่าแท้ที่จริงแล้ว "งาน" ของบิ๊กบอสคือ "อะไร" นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้สัมผัสงานของเขาจริง ๆ และ มันไม่ง่ายเลยที่จะทำใจยอมรับ ทั้ง ๆ ที่ก็เตรียมใจรับมาแล้วระดับหนึ่ง
แต่เรื่องที่ยากที่สุดไม่ใช่เรื่องที่เธอจะมากลัวอันตรายใด ๆ ที่จะเกิดขึ้นกับตัว ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องตายแล้วเธอจะอยู่เป็นม่าย แต่มันคือเรื่อง "ความลึกลับ" ที่เขาปิดบังซ่อนเร้นมันไว้ด้วยมุกตลกราวกับมันไม่สลักสำคัญ แต่มันคือ "คำโกหก" ในเรื่องใหญ่ในความเป็นความตายของชีวิตราวกับเป็นเรื่องขี้ผง เธอเข้าใจว่ามีบางเรื่องที่เธอ "รู้ไม่ได้" เธอเข้าใจว่าเขาทำทั้งหมดเพื่อให้เธอสบายใจ หากสิ่งเหล่านี้นี่เองที่ทำให้กำแพงระหว่างกันก่อตัวหนาขึ้น เพราะเธอไม่อาจปิดหูปิดตา ไม่อาจจะทำเป็นโง่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่อาจจะ ignore ไม่สนใจ หัวเราะในมุกตลกของเขาไป เชื่อสนิทใจในเรื่องขี้ผงที่เขาพยายามให้เธอเชื่อ
พอใจรับความสำราญจากเขาไปวัน ๆ แบบนั้นก็ได้หรือ
เธอไม่ได้ต้องการจะรู้ในสิ่งที่รู้ไม่ได้ เธอไม่ได้ต้องการจะเข้าไปแทรกแซงหรือให้เขาเลิกในสิ่งที่กำลังทำอยู่ เธอไม่ใช่ผู้หญิงงี่เง่าเอาแต่ใจขนาดนั้น แต่คนที่รักกันและพร้อมจะก้าวไปด้วยกัน มันต้องไม่ใช่แบบนี้ เธอเข้าใจว่า issues นี้มันจบไปแล้วในคราวที่เขาพูดตามตรงถึงสิ่งที่อยู่ในใจหากแท้ที่จริงแล้วมันไม่จบอย่างที่เข้าใจ การหลีกเลี่ยงยังคงมี คำโกหกยังคงมา ถึงจะเป็น white lie ก็ตามที ถ้าการคบกันกับเขาคือการที่เธอต้องเสแสร้งแกล้งโง่ไปตลอดชีวิต ความกังวลต้องเก็บเอาไว้ในใจไม่ปริปาก พูดคุยได้แต่เรื่องสัพเพเหระ ดินฟ้าอากาศ .... ทั้งที่มีอะไรใหญ่หลวงซุกซ่อนภายใจ นับวันเรื่องที่จะเปิดใจให้กันได้ก็คงมีแต่น้อยลง และ ท้ายที่สุดแล้วถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปก็อาจจะไม่เหลือเรื่องอะไรให้แชร์กันได้อีกต่อไป
ไม่สิ ... ไม่ใช่เธอคนเดียว ... ทั้งเขาและเธอนั่นแหละ จะรับความสัมพันธ์แบบนี้ได้หรือไม่ ?
ถ้าเขาจะต้องเฉไฉปกปิดตลอดเวลา และ เธอจะต้องเสแสร้งแกล้งทำเป็นไม่รู้ตามน้ำไป
ทั้งที่เขาก็รู้ทั้งรู้ว่าเธอไม่เชื่อ และ ทั้งที่เธอก็รู้ทั้งรู้ว่าเขาปิดบัง
แต่จะ together หรือเปล่า ก็ยังยากที่จะคาดเดา
ด้วยประสบการณ์สด ๆ ร้อน ๆ ที่เพิ่งเจอมา เธอยังคิดไม่ตก ยังคิดไม่ออก ถ้อยคำของอาร์กุสยังก้องอยู่ในหัว คำถามตรง ๆ ทื่อ ๆ ที่หลุดปากออกมาว่า "จะบอกเลิกกันใช่ไหม ?" เธอไม่รู้ว่าจะตอบเขาอย่างไรได้ แต่แล้วในคืนนั้นเธอก็ได้รู้ว่าในความลับมีความจริง และ ในความจริงมีความรัก เขารักเธอเขาจึงเลือกที่จะเก็บออมความจริงเป็นความลับเพื่อเจ็บปวดคนเดียว หากจะมีใครเจ็บปวดคน ๆ นั้นต้องไม่ใช่เธอ ในมุมของเธอถ้าหากเขายังรักยังต้องการเขาควรจะเอ่ยปากและแชร์กับเธอบ้าง แต่ในมุมของเขา มุมของผู้ชายเขาคงไม่อยากจะให้ใครเห็นถึงความอ่อนแอ ไม่อยากให้ใครเป็นห่วง ไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตา
ในหัวของเธอมีมโนภาพว่า หาก "ฉัน" ก้าวเข้าไป ปิดตาเขาเสีย เช็ดน้ำตาให้ ความเจ็บปวดนั้น ภาระนั้น ให้มันเลื่อนมาบนบ่าของเธอบ้างก็คงดี อาจจะเป็นเพราะความคิดนี้ และ ภาพของเขาเมื่อวันวานที่ทำให้เธอตัดสินใจ เธอมีค่าสำหรับเขา เขาก็มีค่าสำหรับเธอเช่นกัน ถึงเวลาที่เธอจะต้องขยับมากกว่านี้ที่จะรักษาความสัมพันธ์นั้น เพราะมันคุ้มที่จะทำสำหรับคนที่มีค่าต่อหัวใจ เขาอาจจะยังมีความลับ แต่ไม่เป็นไร เรามาพบกันคนละครึ่งทาง คุณไม่ต้องหามุกตลกมาปกปิด ไม่ต้องโกหกเหมือนไม่มีอะไร เพราะสิ่งที่ฉันอยากรู้ไม่ใช่ว่าคุณไปอยู่ที่ไหน พบเจอกับใคร สิ่งที่ต้องการก็เพียงแค่คุณจะแชร์ทุกอย่างกับฉันอย่างเปิดเผย อันตรายก็ให้รู้ว่าอันตราย ให้ฉันได้เป็นห่วง ให้ฉันได้กังวล ให้ฉันได้เป็นกำลังกับคุณบ้างก็เท่านั้น
ที่เรามีกันและกันอย่างนี้ .... มันข้ามผ่านคำว่า "คนรัก" ไปเป็น "คู่ชีวิต" แบบนั้นไม่ใช่หรือ
แล้วเราก็กลับมา together อยู่ด้วยกัน .... อีกครั้ง