The Peak Tower

6 มีนาคม 2559  รายการชมเมืองของเราวันนี้คือการข้ามไปเกาะฮ่องกง เพื่อเดินทางขึ้นไปยังที่แห่งหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของฮ่องกง นั่นคือ วิคตอเรียพีค Victoria Peak หรือ The Peak ยอดเขาสูงที่สุดของเกาะฮ่องกง

       การเดินทางขึ้นสู่ยอดเขา Victoria Peak นั้นมี 2 วิธีคือการนั่งรถรางที่มีประวัติยาวนานกว่า 125 ปี

เพราะสร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1888 The Peak Tram จึงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากจากคำบอกต่อกัน

จนบางครั้งต้องรอคิวกันยาว เสียเวลานับชั่วโมง ถึงจะได้นั่งรถรางขึ้นไปบนยอดเขา

รถรางที่เห็นนี่เป็นรถรางสำหรับนั่งชมเมือง เป็นรถสองชั้น น่านั่งไหมครับ เสียดายที่เราพลาดโอกาสนี้ไป

แต่หยุดก่อน คณะเรา เลือกใช้อีกวิธีคือ นั่งรถบัสสาย 15 ขึ้นไป (โดยการบังเอิญ)  การเดินทางมานั่งรถรางนั้นต้องขึ้น

รถเมล์สาย 15c ที่ป้ายจอดรถเมล์ ให้นั่ง 15c ไปจนสุดสาย ใช้เวลาประมาณ 15 - 20 นาที ก็จะมาถึงบริเวณ Peak Tram Lower Terminus ให้ลงที่นี่เพื่อซื้อตั๋วรถราง ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนมากนิยมนั่งรถรางวิ่งไต่ระดับ 25 องศาขึ้นไป

เพื่อจะได้ชื่นชมตึกระฟ้าของเกาะฮ่องกงที่มองดูเคลื่อนผ่านหน้าต่างของรถรางไปในมุมแปลกตาและคาดไม่ถึง ขึ้นไปจนถึงจุดชมวิวเกาะฮ่องกงบนยอดเขา นับเป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด
คณะของเรา หลังจากนั่งเรือสตาร์เฟอรรี่ข้ามเกาะเกาลูนมาฮ่องกง

  
มาถึงท่าเซ็นทรัล      

เรือจอดให้ลงเรือที่ท่าเรือ เซ็นทรัลเพียร์  เดินออกมาข้างหน้าท่าเรือ จะไปทางไหนดี ถ้าเราหันหน้าเข้าเกาะทางซ้ายจะเป็นชิงช้าสวรรค์


ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คอีกจุดหนึ่งบนเกาะฮ่องกง ถ้าอยู่ฝั่งเกาลูนจะเห็นวงกลมไกลๆนั่นคือนี่เลย ชิงช้าสวรรค์ฮ่องกง

พี่ไทยก็แอบเลียนแบบเอาไปสร้างที่เมืองไทยก็มี  ไม่บอกว่าอยู่ที่ไหน

ระหว่างที่เรามาถึงลานชิงช้าสวรรค์สถานที่โดยรอบกำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุง


ส่วนเส้นทางที่เห็นข้างหน้าจะเป็นสะพานลอยสร้างจากท่าเรือยาวออกไปจนถึงตัวตึกสามารถเดินเข้าห้างได้เลยทีเดียว


เดินขึ้นสะพานมาลานแคบๆจะมีตลาดพืชผักที่เขานำมาวางขายพอดี

ผักสวยๆทั้งนั้น ตามสายตาพ่อครัว โอ้โหคึ่นไฉ่ใบโตจัง


แต่โน่นทำไมผู้คนแถวใต้สะพานเยอะจัง

นั่งๆนอนๆกันเป็นกลุ่มๆก็ไม่ต้องตกใจ


เขาบอกว่าเป็นผู้อพยพเข้าเมืองมา เตรียมตัวเดินทางกันต่อ ไม่รู้จะไปไหนก็รวมกันเป็นกลุ่มๆ กินๆนอนๆกันที่ใต้สะพานบ้างใต้ตึกบ้าง  

    ส่วนที่เห็นทางขวามือจะเป็นถนนที่ทอดเข้ามายังท่าเรือ คณะของเราเดินเลี้ยวไปทางขวา เห็นป้ายรถเมล์อยู่ข้างหน้า Bus Terminal  ที่ Exchange Square  MTR สถานี Central  ป้ายรถเมล์ที่ City Hall, หรือ ที่ Connaught Road Centra นั่นเอง


   ตามโพยการเดินทางที่เล่าเรียนมาโดยตรงจากการแนะนำของอาจารย์กู

ให้เดินไปที่ป้ายรถเมล์สาย 15 C ค่ารถ 4.2 เหรียญ เด็กก็ 2 เหรียญกว่าๆ บริเวณนั้นจะมีที่จอดรถเมล์ใกล้ๆกันสองจุด ถ้าขึ้นรถเมล์ 15 C ค่ารถ 9.8 เหรียญ จะวิ่งไปสุดสายถึงที่สถานีรถราง

เพื่อให้ผู้โดยสารเดินทางต่อขึ้นไปบนเดอะพีค โดยรถรางได้เลย

แต่ถ้าขึ้นรถเมล์สาย 15 เฉยๆไม่มี C จะเป็นการเดินทางขึ้นไปบนเดอะพีค โดยเส้นทางถนนขึ้นดอยที่เล็กๆลัดเลาะเลียบดอยไป ด้วยเวลาประมาณ 20 นาที จะได้บรรยากาศการผจญภัยกับรถวิ่งสวนกันขึ้นลง ดูการหลบหลีกรถตื่นเต้นไปอีกแบบ แต่เขาก็มีที่พักรถข้างทางเป็นระยะนะ

ระหว่างรอรถเมล์ คณะเราก็งง งง กับรถ จะเป็นโชคดีหรือโชคร้ายไม่บอก แต่ก็พอดีมีรถเมล์สาย 15 มาจอด

ด้วยความกลัวเกรงว่าจะไม่ได้ไปถึงยอดเขา เราต่างควักบัตรปลาหมึกเดินขึ้นรถ แตะเครื่องแสกนบัตรข้างคนขับดูดเอาค่ารถไป ตอนนี้พี่โชว์เฟอร์จะจ้องดูการแตะบัตรของผู้โดยสารตลอดเวลาแบบไม่พูดไม่จาทำหน้าบูดบูด เราแตะผ่านต่างพากันขึ้นไปนั่งชั้นบนของรถ ที่มีความสะดวกพอประมาณ เพื่อจะได้เห็นวิวตัวเมืองชัดๆแนะนำให้นั่งชิดทางขวามองออกไปจะเห็นวิวดีกว่าทางซ้ายที่มองออกไปก็จะเจอวิวดอยหรือไม่ก็ต้นไม้แทน


  รถวิ่งผ่านตึกสูงที่สร้างแทรกไว้ข้างถนนในตัวเมือง


ตึกเหล่านี้คือตึกสูงที่เรามองเห็นไกลๆนั่นเอง การก่อสร้างขอชื่นชมสถาปนิกและวิศวกรที่ได้ออกแบบการก่อสร้างสอดแทรกลงบนพื้นที่ว่างบนเกาะได้อย่างลงตัว


ผ่านเส้นทางขบวนรถรางไฟฟ้าสองชั้นที่มีคนนั่งบนดาดฟ้าอยู่เต็มจนอดมองไม่ได้

รถวิ่งมุดอุโมงค์ที่เจาะลอดดอยออกไป

การอนุรักษ์ต้นไม้ตกแต่งพื้นที่ได้อย่างลงตัว

ผ่านเส้นทางที่คดเคี้ยววกไปวนมาตึกแต่ละหลังช่างน่าดูสวยงาม


ขอชื่นชมในความสามารถของคนขับและขอรับรองความปลอดภัยไม่น่ากลัวอย่างที่อ่านเจอในบางโพส


รถเมล์วิ่งไปในบางช่วงจะมองเห็นกลุ่มยอดตึก สวยไปอีกแบบ น่าดูเหมือนกับนั่งในรถราง แต่วิวผ่านกระจกรถเมล์จะสวยกว่ามองผ่านกระจกรถราง



สุดทางจนถึงที่จอดรถใต้ตึกของห้างสรรพสินค้าเดอะพีคพอดี

       The Peak Tower คือ ตึกที่ตั้งอยู่บนความสูงระดับ 360 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล

เป็นตึกที่ดูโดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งของฮ่องกง ข้างในประกอบไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกมากมาย

คณะเราลงรถเมล์สาย 15 เดินขึ้นไปอีกนิด เข้าห้างหาสถานที่มีรูปคู่ชายหญิง ก่อนเป็นอันดับแรก อยู่ชั้นสองขึ้นสะพานเลื่อนไปอีกนิด


      ช่วงนี้มีการจัดร้านจัดบูทโชว์เป็นจุดๆเอาละสิเด็กของเราเห็นตุ๊กตาคุณย่านั่งที่เก้าอี้แกก็กระโดดขึ้นไปนั่งตักทันที  จนยามที่เฝ้าสะดุ้งโหยงรีบวิ่งเข้ามาเตือน ห้ามนั่ง โน  โน  โน  


อิรุงอิรัง อีกแล้วเด็กลาว ก็โพสถ่ายรูปกันไป จนได้เวลาหาอะไรกินมื้อเที่ยงพอดี

ลานเดอะพิคมีร้านอาหารให้เลือกซื้อเลือกทานมากมาย ซื้อของมาจากในร้านแล้วก็ออกมานั่งกินกันที่โต๊ะนอกร้านตรงนั้นได้เลย หรือจะเดินไปนั่งริมขอบน้ำพุข้างนอกก็ได้ เห็นรถรางเก่าๆที่จอดอยู่ เขาจัดไว้ให้เป็นที่ถ่ายรูป กินอะไรรองท้องกันไปคนละหนุบละหนับดื่มน้ำขวดตามไป    
ได้เวลาเดินสำรวจรอบๆยอดดอยกันแล้วละ


บ้านบนดอยบ้านเรา ถ้ามองภาพก็คงเป็นบ้านไม้ไผ่หลังคามุงจาก มุงใบตองตึง ส่วนมากเป็นของชาวเขา ที่ส่วนใหญ่ยากจนหากินกันไปวันวัน  แต่บ้านบนดอยที่นี่คือบ้านของอัครมหาเศรษฐี ยุคอาณานิคม เศรษฐีจะสร้างบ้านบนฮวงจุ้ยที่ดีรับลมเย็นสบายตลอดปีอยู่บนดอยนี่เอง


มุมมองวิวทิวทัศน์มีหลายแห่งเดินกันไปรอบๆก็แล้วกัน โดยเฉพาะที่ศาลาไลด์อ้อน



สวยไหมครับเมืองฮ่องกง

เล่าต่อในคอมเม้นท์ นะครับ..เกือบถึง 10000 ตัวอักษรแล้ว...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่