เรื่องราวต่อจากการเดินทางขึ้นเดอะพีคแล้ว คณะของเราลงเขามาด้วยรถราง ถือเป็นการเดินทางที่ถูกต้องไม่ต้องขึ้นลงในทางเดียวกัน ทำให้ได้บรรยากาศแปลกๆมาเยอะ ส่วนภาพจากรถรางนั้น ดูแล้วสู้ภาพจากรถเมล์ไม่ได้ จุดหมายต่อไปของคณะเราก็คือไปแอ่ว รีพลัส เบ หาดทรายสีน้ำตาลที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยฝีมือมนุษย์ และไหว้สักการะเทพศักดิ์สิทธิ หากท่านไม่เชื่อโปรดอย่าลบหลู่ เพราะมีผู้ประสบผลกรรมมาแล้ว
ลงรถรางแล้วคณะเราก็เดินออกมาตามทางเดิน หาป้ายจอดรถเมล์สาย 6 , 6 X จนเจอนี่ไง ไม่ต้องไปไกล ต้นทางด้วย เตรียมบัตรปลาหมึกออกมาขึ้นรถแสกนบัตรวันนี้โชว์เฟอร์ยิ้มให้ รีบขึ้นไปนั่งชั้นบน เอาเก้าอี้หน้าสุด จะได้ชมวิวสวยๆ เพราะเราเชื่อมั่นในความปลอดภัยในการขับรถของที่นี่
รถวิ่งผ่านอาคารสูงของชนชั้นสูง ที่มองดูแล้วก็ทึ่งในความสามารถของฝีมือมนุษย์เรา ดูสวยงามแปลกตาไปอีกแบบ
รถวิ่งผ่านมาทางสวนสาธารณะด้านหลังชิงช้าสวรรค์ เห็นผู้คนอพยพมากมายที่นี่ ในอดีตที่นี่ก็คือที่พักการเดินทางของผู้ที่อพยพมาถึงเกาะ
ถนนแทรกตัวผ่านซอกตึกไปอีก ไม่รู้ว่าถนนมีก่อนตึก หรือตึกมีก่อนถนน
นั่นไงรถรางรอบเมือง อิทธิพลความเจริญของอังกฤษโชยแผ่มาถึงที่นี่ มีแล้วยังอนุรักษ์ไว้ได้ เสียดายของเมืองไทยจัง ล่องจุ้นไปเสียแระ
มองความสวยงามของตึกระหว่างทางไปก่อนนะครับ ดูข้างนอกแบบนี้อยากรู้จริงๆว่าในตึกจะเป็นอย่างไร คงต้องมีเวลาไปอีกหลายรอบ
ตึกกลม ตึกเหลี่ยม ตึกโค้งมีทุกรูปแบบ
นอกจากขอชื่นชมเรื่องของการสร้างอาคารสูงแล้ว การจราจรของที่นี่ก็มีระบบระเบียบดีมาก เช่นกัน รถราไม่ได้ออกมาวิ่งกันจนแน่นถนน หรือวิ่งแข่งแซงซ้ายปาดขวากันเหมือนบ้านเรา ดูเขาเคารพกฎกันมาก น่าชื่นชม รวมถึงการใช้บริการขนส่งมวลชนของเขาด้วย ไม่ต้องซื้อรถมาใช้ถ้าไม่มีที่จอด คันละเป็นล้านไม่ต้องเสียเงินซื้อ ไปถึงที่หมายตามเวลาเป๊ะ..เป๊ะ
มาถึงเส้นทางลัดไปอีกฟากหนึ่งของเกาะ แทนที่จะต้องขึ้นเขาลงเขา แต่เขาใช้วิธีเจาะภูเขา ในช่วงสั้นๆ เทคโนโลยี ความสามารถในการเจาะภูเขา เก่งไม่น้อย ทางเข้าออก แค่สองเลน แต่รับรองไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น เพราะความเคร่งครัดในกฎระเบียบ ทางใครทางมัน ไม่ดันทุรังแซงไปก่อน
ภายในอุโมงค์ติดแสงสว่าง ทำให้ขับรถได้สบายขึ้น ความเร็วของรถอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด ไม่ช้า ไม่เร็ว
ใช้เวลาไม่นานก็ออกมาจากอุโมงค์ลอดเขามาอีกฟากหนึ่งของเกาะแล้วเร็วจัง ทางเรียบ ต้นไม้ริมถนนก็สวยนะครับอนุรักษ์หรือนำมาปลูกทดแทนได้ดี
ถนนทางซีกนี้จะเลียบริมทะเลไปดูทิวทัศน์ซ้ายมือภูเขาตึกสูง ขวามือน้ำกับท้องฟ้า น่าชื่นชม รื่นรมย์จริง จริง
บางช่วงก็ลัดเลาะแมกไม้เข้าไป ถนนในช่วงออกมาเป็นทางลงเขา ต้องระมัดระวังกันเป็นพิเศษ แต่ก็ไว้ใจคนขับได้ ขับได้นิ่ม จนถ่ายภาพออกมาชัดเจนได้ตามที่เห็น
เส้นทางพักรถ จอดให้รถแซงขึ้นไป หรือจอดให้รถผ่านมา ทำไว้เป็นช่วงๆ ไม่มี ขวยซ้อน แบบบ้านเราให้เห็น
ก็ช่วยทำให้รถที่วิ่งสวนกันไปมา ได้ตามเลน ถนนที่อยู่ ไม่มีเสียงแตรเป่า ปู้น ปู้น ปิ้น ปิ้น ขอทางกัน ขับตามกันไปมีระเบียบ ตามระบบ นี่ไงความปลอดภัยเบื้องต้น ถ้าเป็นบ้านเรา มีหวัง รถเบ้นซ์แซงไปก่อนแล้ว 210 กม/ชั่วโมง
มองเห็นตึกแถบขาวโน่นแล้วแสดงว่าใกล้จะถึงที่หมาย หาดทรายสีน้ำตาล ชายหาดมนุษย์สร้าง แต่ตึกนี้ก็มีเรื่องเล่าต่อกันมานะ
เขาเล่ามา เราเล่าต่อ ใส่นม ผสมไข่ ลงไปบ้าง เนยอีกนิดๆจะได้หอมๆ อ้าวเรื่องตึกนะ เออใช่ ใช่ ตึกที่ตกอยู่ในอาถรรภ์ทำเสร็จตกอับมาหลายปี ไม่มีคนมาอยู่ หรือคนที่อยู่ก็มีอันเป็นไป เรื่องเล่ามีว่า ตึกหลังนี้ สร้างขึ้นเป็นแผงบังเส้นทางเดินของพญามังกรที่จะต้องออกจากถ้ำบนเขามาลงน้ำด้านล่างตรงหน้าตึกที่นี่ ในบริเวณใกล้ๆจะมีศาลเทพเจ้าสิ่งศักดิ์สิทธ์มากมาย ในตอนแรก ตึกนี้สร้างขึ้นมาหลายชั้นเป็นแผงใหญ่ ขัดหลักฮวงจุ้ย ที่บดบังลมทะเลที่พัดขึ้นเขา และลมภูเขา ที่จะพัดลงทะเล นี่คือผลทำให้ผู้อยู่อาศัยไม่เจริญ ต้องมีอันเป็นไป อาคารจึรกร้างไร้คนอยู่มานานหลังการก่อสร้างเสร็จ....
อ้าวรถเมล์มาจอดในที่สำหรับจอดพอดี เห็นป้ายไหมครับ เห็นทางเบี่ยงให้จอดไหมครับ รถผ่านมา หรือผ่านไป วิ่งกันตามกฏ เราก็ลงรถกันที่นี่เพื่อลงหาดทราย ไม่มีจอดซ้อนคัน หรือจอดเลยป้าย เผื่อไปอีกสองสามกิโล
อยู่ตรงนี้มองเห็นตึกมังกรได้อย่างชัดเจน เอ้าเล่าต่อ ซินแส ได้ทักเจ้าของตึก ตามหลักฮวงจุ้ยของการสร้างอาคาร ให้เจาะช่องตึกออก เป็นช่องสี่เหลี่ยม สักเจ็ดแปดชั้น เพื่อให้เป็นทางเดินของพญามังกร จะได้ลงน้ำทะเลได้เมื่อออกจากถ้ำลงมา หรือกลับขึ้นไปจำศิลในถ้ำข้างบนเขาได้ ลมทะเลก็จะพัดถึงเขาที่ตึกบัง ลมภูเขา ก็จะพัดลงทะเลให้สรรพสัตว์มีอากาศที่บริสุทธิ เจ้าของตึก จึงได้เจาะตึกให้เป็นช่อง ตามที่ซินแส แนะนำ เพื่อให้พญามังกรบินลอดลงมา วันดีคืนดี ผู้คนที่มีบุญบารมีจริงๆก็จะเห็นมังกร บินลอดออกมาจากช่องนั้น
หลังจากเจาะช่องได้ไม่นาน อาคารหลังนี้ก็มีความเจริญรุ่งเรืองตามมา รวมทั้งแหล่งที่อยู่โดยรอบบริเวณนั้น คนที่มาอาศัยได้รับลมทะเลเย็นสบายสดชื่น ส่วนผู้คนด้านล่างต่างได้รับลมภูเขาพัดเอาเรือออกท้องทะเลไปทำมาหากินได้อย่างสะดวก ความเจริญจึงเกิดขึ้นกับที่นี่ ผู้คนที่อาศัยอยู่ในตึกหลังนี้ต่างมีความเจริญรุ่งเรืองตามๆกัน เพราะการเจาะช่องมังกรนี้แท้ๆ
ดูแล้วเห็นจะจริงตามหลักฮวงจุ้ยที่ซินแส บอก และน่าอัศจรรย์ในความสามารถในการเจาะช่องตึกออกเจ็ดแปดชั้น ดูกันชัดๆอีกที และ อาคารหลังนี้ก็กลายเป็นจุด แลนด์มาร์คอีกด้านหนึ่งของเกาะ ถ้ามองเห็นตึกนี้ ด้านล่าง ตรงข้ามถนนของตึก คือที่อยบู่อาศัยของทวยเทพ รวมถึงที่ประดิษฐ์ถานองค์เจ้าแม่กวนอิม ตลอดจนเทพต่างๆให้กับผู้คนได้มาสักการะบูชา
คณะของเราเดินลงบันไดลงมา ผ่านสวนสาธารณะเล็กๆที่จัดไว้ได้อย่างลงตัว เป็นที่นั่งพักผ่อน อ่านหนังสือ (เขารณรงค์การอ่านกันนะครับ)ดูหนังสือที่วางกองเป็นตั่งสิครับ
เดินลัดเลาะเลียบไปตามทางเดิน มีทางลงไปหาดทรายสีน้ำตาล ที่เขาสร้างขึ้นมา โดยการนำทรายมาถมริมหาดเป็นลานกว้าง เป็นที่สำหรับพักผ่อน ได้เป็นอย่างดี
โอ้ว...เจอดารา ซุปเปอร์สตาร์ เด็ก เมืองไทย ก็มาเที่ยวที่นี่ด้วย ขอสักภาพเป็นที่ระลึก เอ้าเอคชั่น แชะ
ไม่ยอม ไม่ยอม ขอพี่จ๋าบ้าง ไม่เอามุมโน้น เอาภาพมุมนี้ให้เห็นตึกสูงๆ เอ้า เอคชั่น แชะ ดาราคิดตี้นี่เอง
ขอมั่งดิ เดี๋ยวเขาว่าไม่มีรูปเรา ชาวลาวไง Noohom Ja แอบบอกนิสนุง เซเว่นที่นี่ ไม่มีขายเฉพาะ 11 โมงถึงบ่ายสอง หรือ ต้อง 5 โมง ที่นี่มีบริการตลอด 24 ชั่วโมง อะไรหรอก็ที่ยกให้ดูในมือนี่ไง
หาดทรายที่นี่ เม็ดทรายเป็นทรายที่ซื้อมาถม เม็ดทรายก็ขนาดใหญ่เล็กน้อยก็คงไม่บ่นให้เขาฟังว่าอยากได้ทรายแป้งขาวแบบบ้านเรา แต่ก็ต้องชื่นชมในการจัดการ สร้างในสิ่งที่ควรสร้าง สร้างมาแล้วก่อเกิดประโยชน์ ต่อผู้คน สังคม เมือง จนกลายเป็นแหล่งสำคัญแห่งหนึ่งของที่นี่
การบริหารจัดการหาด ไม่มีร่ม ไม่มีเตียงผ้าใบ ไม่มีแม่ค้าส้มตำ ไม่มีหาบเร่กุ้ง หอย ปลาหมึก ไว้บริการ ผู้ที่จะมานั่งพักผ่อนที่นี่ต้องเตรียมมากันเอง รักษาความสะอาดคือหัวใจหลัก มีถังขยะให้ทิ้งเป็นที่เป็นทาง อย่าเผลอทิ้งตามใจชอบล่ะค่าปรับแพงนะ
ที่ดูแปลกตาไปอีกแบบก็คือ ต้นไม้ใหญ่ที่งอกออกมาตามหาดทราย ก็เป็นการก่อสร้างอะนะ มันถึงงอกมาจากทรายได้งัย อย่าบ่นไป บางต้นก็เริ่มจะเอียงๆไปตามกระแสลมแระ
เด็กๆดูจะชื่นชอบที่นี่เพราะได้ออกกำลังวิ่งบนหาดกันอย่างเต็มที่ อากาศที่บริสุทธิ ทำให้ที่นี่เป็นที่พักผ่อนของเมือง มีผู้คนเดืนทางมามากมาย นำเอาลูกเด็กเล็กแดง มาเลี้ยง มาดูแล กันที่นี่ รวมถึงเจ้าตูบพันธ์ต่างๆที่เจ้าของนำมาออกกำลังเดินจูงอวดโชว์กัน อยากเห้นพันธ์อะไรมาดูที่นี่มีเกือบจะทุกสายพันธ์ รวมถึงเผ่าพันธ์ของเด็กด้วย คนจีน ฝรั่ง ชาวเขา รวมถึงชาวลาวอย่างเรา
อ้าวหมดหน้า สัมปทาน แระ คงต้องต่อตอนต่อไป ในเรื่องลานเลี้ยงเด็กเลี้ยงสุนัข รวมถึงลานบุญ องค์ทวยเทพที่สามารถดลบันดาลให้เราได้พบในสิ่งที่ดีและพึงปรารถนา ตามอ่านตอนต่อไปนะ...Noohom Ja
Repluse Bay ไหว้เจ้าแม่กวนอิม
เรื่องราวต่อจากการเดินทางขึ้นเดอะพีคแล้ว คณะของเราลงเขามาด้วยรถราง ถือเป็นการเดินทางที่ถูกต้องไม่ต้องขึ้นลงในทางเดียวกัน ทำให้ได้บรรยากาศแปลกๆมาเยอะ ส่วนภาพจากรถรางนั้น ดูแล้วสู้ภาพจากรถเมล์ไม่ได้ จุดหมายต่อไปของคณะเราก็คือไปแอ่ว รีพลัส เบ หาดทรายสีน้ำตาลที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยฝีมือมนุษย์ และไหว้สักการะเทพศักดิ์สิทธิ หากท่านไม่เชื่อโปรดอย่าลบหลู่ เพราะมีผู้ประสบผลกรรมมาแล้ว
ลงรถรางแล้วคณะเราก็เดินออกมาตามทางเดิน หาป้ายจอดรถเมล์สาย 6 , 6 X จนเจอนี่ไง ไม่ต้องไปไกล ต้นทางด้วย เตรียมบัตรปลาหมึกออกมาขึ้นรถแสกนบัตรวันนี้โชว์เฟอร์ยิ้มให้ รีบขึ้นไปนั่งชั้นบน เอาเก้าอี้หน้าสุด จะได้ชมวิวสวยๆ เพราะเราเชื่อมั่นในความปลอดภัยในการขับรถของที่นี่
รถวิ่งผ่านอาคารสูงของชนชั้นสูง ที่มองดูแล้วก็ทึ่งในความสามารถของฝีมือมนุษย์เรา ดูสวยงามแปลกตาไปอีกแบบ
รถวิ่งผ่านมาทางสวนสาธารณะด้านหลังชิงช้าสวรรค์ เห็นผู้คนอพยพมากมายที่นี่ ในอดีตที่นี่ก็คือที่พักการเดินทางของผู้ที่อพยพมาถึงเกาะ
ถนนแทรกตัวผ่านซอกตึกไปอีก ไม่รู้ว่าถนนมีก่อนตึก หรือตึกมีก่อนถนน
นั่นไงรถรางรอบเมือง อิทธิพลความเจริญของอังกฤษโชยแผ่มาถึงที่นี่ มีแล้วยังอนุรักษ์ไว้ได้ เสียดายของเมืองไทยจัง ล่องจุ้นไปเสียแระ
มองความสวยงามของตึกระหว่างทางไปก่อนนะครับ ดูข้างนอกแบบนี้อยากรู้จริงๆว่าในตึกจะเป็นอย่างไร คงต้องมีเวลาไปอีกหลายรอบ
ตึกกลม ตึกเหลี่ยม ตึกโค้งมีทุกรูปแบบ
นอกจากขอชื่นชมเรื่องของการสร้างอาคารสูงแล้ว การจราจรของที่นี่ก็มีระบบระเบียบดีมาก เช่นกัน รถราไม่ได้ออกมาวิ่งกันจนแน่นถนน หรือวิ่งแข่งแซงซ้ายปาดขวากันเหมือนบ้านเรา ดูเขาเคารพกฎกันมาก น่าชื่นชม รวมถึงการใช้บริการขนส่งมวลชนของเขาด้วย ไม่ต้องซื้อรถมาใช้ถ้าไม่มีที่จอด คันละเป็นล้านไม่ต้องเสียเงินซื้อ ไปถึงที่หมายตามเวลาเป๊ะ..เป๊ะ
มาถึงเส้นทางลัดไปอีกฟากหนึ่งของเกาะ แทนที่จะต้องขึ้นเขาลงเขา แต่เขาใช้วิธีเจาะภูเขา ในช่วงสั้นๆ เทคโนโลยี ความสามารถในการเจาะภูเขา เก่งไม่น้อย ทางเข้าออก แค่สองเลน แต่รับรองไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น เพราะความเคร่งครัดในกฎระเบียบ ทางใครทางมัน ไม่ดันทุรังแซงไปก่อน
ภายในอุโมงค์ติดแสงสว่าง ทำให้ขับรถได้สบายขึ้น ความเร็วของรถอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด ไม่ช้า ไม่เร็ว
ใช้เวลาไม่นานก็ออกมาจากอุโมงค์ลอดเขามาอีกฟากหนึ่งของเกาะแล้วเร็วจัง ทางเรียบ ต้นไม้ริมถนนก็สวยนะครับอนุรักษ์หรือนำมาปลูกทดแทนได้ดี
ถนนทางซีกนี้จะเลียบริมทะเลไปดูทิวทัศน์ซ้ายมือภูเขาตึกสูง ขวามือน้ำกับท้องฟ้า น่าชื่นชม รื่นรมย์จริง จริง
บางช่วงก็ลัดเลาะแมกไม้เข้าไป ถนนในช่วงออกมาเป็นทางลงเขา ต้องระมัดระวังกันเป็นพิเศษ แต่ก็ไว้ใจคนขับได้ ขับได้นิ่ม จนถ่ายภาพออกมาชัดเจนได้ตามที่เห็น
เส้นทางพักรถ จอดให้รถแซงขึ้นไป หรือจอดให้รถผ่านมา ทำไว้เป็นช่วงๆ ไม่มี ขวยซ้อน แบบบ้านเราให้เห็น
ก็ช่วยทำให้รถที่วิ่งสวนกันไปมา ได้ตามเลน ถนนที่อยู่ ไม่มีเสียงแตรเป่า ปู้น ปู้น ปิ้น ปิ้น ขอทางกัน ขับตามกันไปมีระเบียบ ตามระบบ นี่ไงความปลอดภัยเบื้องต้น ถ้าเป็นบ้านเรา มีหวัง รถเบ้นซ์แซงไปก่อนแล้ว 210 กม/ชั่วโมง
มองเห็นตึกแถบขาวโน่นแล้วแสดงว่าใกล้จะถึงที่หมาย หาดทรายสีน้ำตาล ชายหาดมนุษย์สร้าง แต่ตึกนี้ก็มีเรื่องเล่าต่อกันมานะ
เขาเล่ามา เราเล่าต่อ ใส่นม ผสมไข่ ลงไปบ้าง เนยอีกนิดๆจะได้หอมๆ อ้าวเรื่องตึกนะ เออใช่ ใช่ ตึกที่ตกอยู่ในอาถรรภ์ทำเสร็จตกอับมาหลายปี ไม่มีคนมาอยู่ หรือคนที่อยู่ก็มีอันเป็นไป เรื่องเล่ามีว่า ตึกหลังนี้ สร้างขึ้นเป็นแผงบังเส้นทางเดินของพญามังกรที่จะต้องออกจากถ้ำบนเขามาลงน้ำด้านล่างตรงหน้าตึกที่นี่ ในบริเวณใกล้ๆจะมีศาลเทพเจ้าสิ่งศักดิ์สิทธ์มากมาย ในตอนแรก ตึกนี้สร้างขึ้นมาหลายชั้นเป็นแผงใหญ่ ขัดหลักฮวงจุ้ย ที่บดบังลมทะเลที่พัดขึ้นเขา และลมภูเขา ที่จะพัดลงทะเล นี่คือผลทำให้ผู้อยู่อาศัยไม่เจริญ ต้องมีอันเป็นไป อาคารจึรกร้างไร้คนอยู่มานานหลังการก่อสร้างเสร็จ....
อ้าวรถเมล์มาจอดในที่สำหรับจอดพอดี เห็นป้ายไหมครับ เห็นทางเบี่ยงให้จอดไหมครับ รถผ่านมา หรือผ่านไป วิ่งกันตามกฏ เราก็ลงรถกันที่นี่เพื่อลงหาดทราย ไม่มีจอดซ้อนคัน หรือจอดเลยป้าย เผื่อไปอีกสองสามกิโล
อยู่ตรงนี้มองเห็นตึกมังกรได้อย่างชัดเจน เอ้าเล่าต่อ ซินแส ได้ทักเจ้าของตึก ตามหลักฮวงจุ้ยของการสร้างอาคาร ให้เจาะช่องตึกออก เป็นช่องสี่เหลี่ยม สักเจ็ดแปดชั้น เพื่อให้เป็นทางเดินของพญามังกร จะได้ลงน้ำทะเลได้เมื่อออกจากถ้ำลงมา หรือกลับขึ้นไปจำศิลในถ้ำข้างบนเขาได้ ลมทะเลก็จะพัดถึงเขาที่ตึกบัง ลมภูเขา ก็จะพัดลงทะเลให้สรรพสัตว์มีอากาศที่บริสุทธิ เจ้าของตึก จึงได้เจาะตึกให้เป็นช่อง ตามที่ซินแส แนะนำ เพื่อให้พญามังกรบินลอดลงมา วันดีคืนดี ผู้คนที่มีบุญบารมีจริงๆก็จะเห็นมังกร บินลอดออกมาจากช่องนั้น
หลังจากเจาะช่องได้ไม่นาน อาคารหลังนี้ก็มีความเจริญรุ่งเรืองตามมา รวมทั้งแหล่งที่อยู่โดยรอบบริเวณนั้น คนที่มาอาศัยได้รับลมทะเลเย็นสบายสดชื่น ส่วนผู้คนด้านล่างต่างได้รับลมภูเขาพัดเอาเรือออกท้องทะเลไปทำมาหากินได้อย่างสะดวก ความเจริญจึงเกิดขึ้นกับที่นี่ ผู้คนที่อาศัยอยู่ในตึกหลังนี้ต่างมีความเจริญรุ่งเรืองตามๆกัน เพราะการเจาะช่องมังกรนี้แท้ๆ
ดูแล้วเห็นจะจริงตามหลักฮวงจุ้ยที่ซินแส บอก และน่าอัศจรรย์ในความสามารถในการเจาะช่องตึกออกเจ็ดแปดชั้น ดูกันชัดๆอีกที และ อาคารหลังนี้ก็กลายเป็นจุด แลนด์มาร์คอีกด้านหนึ่งของเกาะ ถ้ามองเห็นตึกนี้ ด้านล่าง ตรงข้ามถนนของตึก คือที่อยบู่อาศัยของทวยเทพ รวมถึงที่ประดิษฐ์ถานองค์เจ้าแม่กวนอิม ตลอดจนเทพต่างๆให้กับผู้คนได้มาสักการะบูชา
คณะของเราเดินลงบันไดลงมา ผ่านสวนสาธารณะเล็กๆที่จัดไว้ได้อย่างลงตัว เป็นที่นั่งพักผ่อน อ่านหนังสือ (เขารณรงค์การอ่านกันนะครับ)ดูหนังสือที่วางกองเป็นตั่งสิครับ
เดินลัดเลาะเลียบไปตามทางเดิน มีทางลงไปหาดทรายสีน้ำตาล ที่เขาสร้างขึ้นมา โดยการนำทรายมาถมริมหาดเป็นลานกว้าง เป็นที่สำหรับพักผ่อน ได้เป็นอย่างดี
โอ้ว...เจอดารา ซุปเปอร์สตาร์ เด็ก เมืองไทย ก็มาเที่ยวที่นี่ด้วย ขอสักภาพเป็นที่ระลึก เอ้าเอคชั่น แชะ
ไม่ยอม ไม่ยอม ขอพี่จ๋าบ้าง ไม่เอามุมโน้น เอาภาพมุมนี้ให้เห็นตึกสูงๆ เอ้า เอคชั่น แชะ ดาราคิดตี้นี่เอง
ขอมั่งดิ เดี๋ยวเขาว่าไม่มีรูปเรา ชาวลาวไง Noohom Ja แอบบอกนิสนุง เซเว่นที่นี่ ไม่มีขายเฉพาะ 11 โมงถึงบ่ายสอง หรือ ต้อง 5 โมง ที่นี่มีบริการตลอด 24 ชั่วโมง อะไรหรอก็ที่ยกให้ดูในมือนี่ไง
หาดทรายที่นี่ เม็ดทรายเป็นทรายที่ซื้อมาถม เม็ดทรายก็ขนาดใหญ่เล็กน้อยก็คงไม่บ่นให้เขาฟังว่าอยากได้ทรายแป้งขาวแบบบ้านเรา แต่ก็ต้องชื่นชมในการจัดการ สร้างในสิ่งที่ควรสร้าง สร้างมาแล้วก่อเกิดประโยชน์ ต่อผู้คน สังคม เมือง จนกลายเป็นแหล่งสำคัญแห่งหนึ่งของที่นี่
การบริหารจัดการหาด ไม่มีร่ม ไม่มีเตียงผ้าใบ ไม่มีแม่ค้าส้มตำ ไม่มีหาบเร่กุ้ง หอย ปลาหมึก ไว้บริการ ผู้ที่จะมานั่งพักผ่อนที่นี่ต้องเตรียมมากันเอง รักษาความสะอาดคือหัวใจหลัก มีถังขยะให้ทิ้งเป็นที่เป็นทาง อย่าเผลอทิ้งตามใจชอบล่ะค่าปรับแพงนะ
ที่ดูแปลกตาไปอีกแบบก็คือ ต้นไม้ใหญ่ที่งอกออกมาตามหาดทราย ก็เป็นการก่อสร้างอะนะ มันถึงงอกมาจากทรายได้งัย อย่าบ่นไป บางต้นก็เริ่มจะเอียงๆไปตามกระแสลมแระ
เด็กๆดูจะชื่นชอบที่นี่เพราะได้ออกกำลังวิ่งบนหาดกันอย่างเต็มที่ อากาศที่บริสุทธิ ทำให้ที่นี่เป็นที่พักผ่อนของเมือง มีผู้คนเดืนทางมามากมาย นำเอาลูกเด็กเล็กแดง มาเลี้ยง มาดูแล กันที่นี่ รวมถึงเจ้าตูบพันธ์ต่างๆที่เจ้าของนำมาออกกำลังเดินจูงอวดโชว์กัน อยากเห้นพันธ์อะไรมาดูที่นี่มีเกือบจะทุกสายพันธ์ รวมถึงเผ่าพันธ์ของเด็กด้วย คนจีน ฝรั่ง ชาวเขา รวมถึงชาวลาวอย่างเรา
อ้าวหมดหน้า สัมปทาน แระ คงต้องต่อตอนต่อไป ในเรื่องลานเลี้ยงเด็กเลี้ยงสุนัข รวมถึงลานบุญ องค์ทวยเทพที่สามารถดลบันดาลให้เราได้พบในสิ่งที่ดีและพึงปรารถนา ตามอ่านตอนต่อไปนะ...Noohom Ja