คิดว่าเพราะ ผมได้มีโอกาสคลุกคลีกับคนกลุ่มนี้มากเป็นพิเศษ ก็เหล่านิสิตต่างชาติด้วยกันเนี่ยแหละ จึงเป็นการตอกย้ำถึงความเท่ของคนที่พูดได้ 3 ภาษาสลับกันไปมาแก่ผมครับ

ว่าเท่จริงๆนะครับ

การที่เราอยู่ในสังคมของต่างแดน ที่มีคนจากหลายประเทศมาเจอกัน การพูดได้หลายภาษาเป็นอะไรที่ดีจริง

3 ภาษาที่ว่านี้ ถ้าเป็นในกรณีของผม ก็จะหมายถึง 3 ภาษาดังต่อไปนี้ครับ

1.) ภาษาฝรั่งเศส

2.) ภาษาอังกฤษ

3.) ภาษาแห่งบ้านเกิด อันนี้ก็แล้วแต่ที่มาของแต่ละคนครับ เช่น ภาษาสเปน, ภาษาอิตาลี, ภาษาโปแลนด์, ภาษาญี่ปุ่น, และภาษาเชค

ที่ผมมักจะชอบ จะเป็นนิสิตชาวสเปน, ชาวเบลเยียม, และชาวเชค เพราะว่ามักจะพูดทั้ง 3 ภาษาสลับไปมาได้อย่างไม่เคอะเขินครับ

ยกตัวอย่างสถานการณ์ก็เช่นว่า

เราจะคุยกันเป็นภาษาฝรั่งเศส ทั้งที่ไม่ได้มีใครเป็นเจ้าของภาษานี่ล่ะ แต่เหมือนภาษานี้ทำให้เรารู้สึกว่าเราใกล้ชิดกันน่ะครับ ซึ่งภาษาฝรั่งเศสของเขาดีมาก แต่ถ้าผมไม่เข้าใจเขา เขาก็จะพูดใหม่เป็นภาษาอังกฤษทันที ซึ่งภาษาอังกฤษของเขาก็อย่างเก่งเช่นกัน ระหว่างนั้นถ้ามีเพื่อนร่วมประเทศของเขาผ่านมา เขาก็จะหันไปทักทายเพื่อนของเขาเป็นภาษาแห่งบ้านเกิด ซึ่งก็แหงอยู่แล้วว่าภาษาบ้านเกิดของเขาต้องเป็นระดับเทพ

กล่าวได้ว่าเป็นการพูดได้ 3 ภาษาสลับกันไปมาอย่างแท้จริง เท่มากๆ สถานการณ์แบบนี้ผมชินเสียแล้ว แต่ผมไม่เคยที่จะหยุดชื่นชมอยู่ในใจ แล้วแต่ละคนอายุน้อยๆกันทั้งนั้นครับ ส่วนใหญ่อายุจะอยู่ที่ 20 ปีต้นๆ ส่วนอายุ 20 ปีกลางๆกับอายุ 20 ปีปลายๆก็มีเยอะอยู่ แต่ทั้งหมดไม่มีใครที่อายุเกิน 30 ปี ผมชื่นชมมากครับที่อายุกันเพียงแค่นี้แต่พูดกันได้หลายภาษา

ส่วนผมจะรออะไรล่ะครับ แรงบันดาลใจมีให้เห็นกันอยู่ทุกวี่วัน ผมจึงไม่หยุดที่จะศึกษาภาษาฝรั่งเศสและภาษาอังกฤษ หรือแม้กระทั่งภาษาไทย เพราะว่าผมอยากจะเท่แบบนั้นบ้างก็เท่านั้น

อดีตผมเคยคิดว่าถ้าคนเรารู้หลายภาษา มันจะตีกันไหม แต่พอทั้ง 3 ภาษาของผมอยู่ในระดับที่ใช้การได้ทั้ง 3 ภาษา แต่ผมไม่ได้เก่งนะครับ ผมสามารถตอบตัวเองได้เลยโดยที่ไม่ต้องไปถามใคร ว่าการพูดได้หลายภาษานั้น จะไม่ทำให้สับสนแน่นอน เพราะว่าแต่ละภาษามีลักษณะที่แตกต่างกัน สมองของเราจะจัดสรรให้เอง ผมล่ะถึงบางอ้อเลยครับ ว่ามันเป็นอย่างนี้นี่เอง