(เจ้าบ้านเจ้าเรือน) ไรวินท์รักสีนวลไม่ได้ หรือ ไม่ได้คิดจะรัก….

อยากเขียนถึงละครเรื่องนี้มาหลายสัปดาห์แล้ว แต่ข้อมูลยังไม่พอและอยากให้ละครดำเนินเรื่องต่อไปอีกสักหน่อย มิฉะนั้นอาจจะสปอยล์เนื้อเรื่องเกินไป  มีหลายๆคนตั้งคำถามกับคู่ไรวินท์ – สีนวลมากมาย ว่าผู้หญิงดีๆ เพียบพร้อมด้วยความเป็นกุลสตรีไทยอย่างสีนวล หรืออาจเทียบกับละครเรื่องก่อน ปดิวรัดาได้ด้วยซ้ำไปว่า เธอก็เป็นปดิวรัดาคนหนึ่ง ทำไม ทำไมสามีอย่างไรวินท์ถึงรักเธอไม่ได้ หรือแม้แต่ให้ความเมตตาเพียงเศษเสี้ยว...

ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง หรือเคยเกิดขึ้นในทำนองนี้จริงๆ ต้องบอกว่า คู่สามีภรรยาคู่นี้ถูกจับคู่มาแบบผิดฝาผิดตัวตั้งแต่แรกเริ่ม อันเนื่องมาจากบุคคลแวดล้อมที่เป็นผู้มีอิทธิพลตัดสินชะตาชีวิตของทั้งคู่ไม่ได้ไตร่ตรองให้รอบคอบถึงบุคลิก นิสัยใจคอ พื้นฐานความชอบ  หากแต่ยึดอยู่กับขนบประเพณีและค่านิยมเดิมๆ  ดังเช่นคุณนายวารี แม่ของไรวินท์  ทั้งๆที่เธอก็มีปมถูกสามีทอดทิ้งมาก่อน แต่ความเชื่อมั่นฝังหัวว่า ผู้หญิงดีที่คู่ควรกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอต้องเป็นผู้หญิงแบบเธอ  คุณนายวารีกลับไม่เฉลียวใจสักนิดเลยว่า แม้ลูกชายจะเกลียดแสนเกลียดคุณแรมผู้เป็นพ่อ แต่กลับรับเอาคติ ค่านิยมเกี่ยวกับการเลือกคู่เข้ามาเต็มร้อยแบบแทบจะถอดกันมาทุกกระเบียดนิ้ว ซ้ำร้าย ด้วยความที่เกิดมาท่ามกลางความพรั่งพร้อมกว่าคุณแรมผู้ซึ่งเดิมมีฐานะยากจน ต้องรับงานสอนหนังสือเป็นรายได้  ในขณะที่ไรวินท์ เกิดมาบนกองเงินกองทองของญาติฝั่งแม่ แถมคุณนายวารีเกิดทำมาค้าขึ้น ยิ่งรวยเป็นเศรษฐีนี ทำให้ไรวินท์เติบโตเป็นหนุ่มเนื้อหอมที่มีพร้อมทั้งรูปและทรัพย์  ความหลงลำพองยิ่งเพิ่มพูนมากกว่าคุณแรม ที่ไฝ่ฝัน ถวิลหาแต่คุณน้อย  ไรวินท์ในวัยหนุ่มจึงเหมือนม้าหนุ่มที่ปราดเปรียวและคึกคะนอง  คิดว่าจะมีผู้หญิงมาอยู่ในอาณัติสักกี่คนก็ได้ และขอให้สังเกตว่า ผู้หญิงที่ไรวินท์เลือกในช่วงแรกๆ ไม่ได้เกิดจากความรักจริงจัง แค่ต้องการบำบัดอารมณ์หนุ่ม ทดสอบเสน่ห์ และต้องเป็นผู้หญิงที่ไรวินท์สามารถกดไว้ใต้ตัวเองได้ทั้งนั้น

กลับมาที่เรื่องคู่ นอกจากคุณนายวารีจะพิจารณาคู่ชีวิตให้ไรวินท์โดยเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานเพียงอย่างเดียวนั้น ยังปลูกฝังความเชื่อ ค่านิยมนั้นแก่ลูกสะใภ้ซ้ำเข้าไปอีก หลายครั้งที่สีนวลเคยพยายามจะร้องฟ้องในสิ่งต่างๆที่ไม่ชอบมาพากล ที่คุณนายก็ไม่นำพา กลับยังฝังหัวสีนวลให้ยึดมั่นการเป็นภรรยาที่ดี ที่พร้อมจะรอคอย ให้อภัย และไม่ทอดทิ้งไรวินท์  นั่นก็เพราะตัวเธอเองแอบหวังลึกๆว่า ไรวินท์จะต้องไม่เป็นเหมือนคุณแรม สามีของตน สิ่งเหล่านี้จึงยิ่งตอกย้ำให้สีนวลยึดติดอยู่กับการรอคอย แม้ว่าจะเปลี่ยนจากการรอคอยด้วยความรักเป็นความแค้นก็ตาม

ในขณะเดียวกัน มารดาของสีนวล ซึ่งเมื่อป่วยหนักใกล้ตาย เห็นขอนไม้ไหนลอยมาใกล้ๆแลดูดีหน่อย ก็อยากคว้าไว้ให้ลูกสาวยึดเกาะ ไม่สามารถจะออกไปสืบสาวว่า ในโลกข้างนอกนั้น ในแท้จริงแล้วไรวินท์เป็นคนอย่างไร ตรงนี้แหละที่บทประพันธ์ชี้ให้เห็นอีกด้านของการเลือกคู่แบบคลุมถุงชน  ซึ่งเป็นด้านที่ตรงข้ามกับในเรื่องปดิวรัดา ที่เจ้าคุณบำรุงฯออกไปเที่ยวไต่ถามความเป็นตัวตนของปลัดศรันย์ ก่อนจะตัดสินใจว่า ควรส่งรินไปดีหรือไม่ และรินจะเหมาะสมกับปลัดฯหรือไม่ แม่ของสีนวลนั้น เพียงเห็นเปลือกนอกของไรวินท์ว่าดี ก็เห็นดีเห็นงามที่จะยกลูกสาวให้ เพื่อให้ตนเองหมดห่วง และตายตาหลับ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ชีวิตคู่ไม่ได้มีเพียงแค่นั้น ปัจจัยของการเป็นคู่ชีวิต มีมากกว่าแค่ความเหมาะสมภายนอก จุดนี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของความผิดพลาด ซ้ำมาเจอผู้ชายที่มักมากในกาม ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ไม่ตระหนักว่าตนเองได้เข้าพิธีสมรสอย่างถูกต้องกับผู้หญิงที่ดีแล้ว ก็ควรจะถอดเขี้ยวเล็บและกลับมาเป็นสามี เป็นพ่อที่ดี  

ที่ยิ่งไปกว่านั้น สีนวล ผู้มีชีวิตอาภัพเหลือแสน ถูกเลี้ยงดูในกรอบแคบๆ จำกัดอยู่แต่ในบ้าน ไม่เคยได้รับโอกาสให้รู้จักสังคม รู้จักโลกภายนอก  บิดามารดาแค่ตั้งใจเอาไว้รับใช้ปรนนิบัติ เมื่อมารดาของตัวเองใกล้ตายก็คิดเพียงว่า ฝากฝังให้อยู่กับคนที่ดูดี มีฐานะมั่นคง ก็หมดห่วง หารู้ไม่ว่า ส่งสีนวลไปตกนรกที่ทุกข์ทรมานขนาดไหน บวกกับนิสัยของสีนวลเองที่ถูกปลูกฝังอบรมมาให้เป็นคนไม่มีปากมีเสียง เป็นผู้ตามเพียงอย่างเดียว เมื่อตบแต่งเป็นภรรยาไรวินท์ จึงไม่ต่างอะไรกับภรรยาทาส ที่เป็นเสมือนเพียงหัวหน้าบ่าวรับใช้ในบ้านที่ไม่เคยเรียกร้องที่จะติดตามสามีออกไปสมาคมนอกบ้าน   ไม่ต้องพูดถึงรสนิยมการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันสุดขั้ว ไรวินท์เป็นหนุ่มสังคมจัด ชอบการพบปะสังสรรค์สมาคม ชอบเต้นรำ ไรวินท์จึงไม่มีทางที่จะรักผู้หญิงแบบสีนวลได้เลย เพียงแต่ไรวินท์ยังไม่เจอผู้หญิงที่ถูกตา ต้องใจมากพอ และความที่หยิ่งผยอง ลำพองใจในเสน่ห์ของตน จึงไม่คิดจะหาผู้หญิงแบบนั้น  แต่อาศัยการเลี้ยงดูสาวๆเป็นบริวาร  การแต่งงานกับสีนวล จึงเป็นเพียงการแสดงความกตัญญูในความคิดของไรวินท์ เมื่อแต่งแล้วก็นำภรรยามาวางทิ้งไว้ในบ้าน คอยปรนนิบัติรับใช้ แต่ไม่ได้นำพา ไม่ได้ให้แม้แต่เกียรติ หรือความเป็นเพื่อนที่ดี  ไรวินท์จึงเป็นผู้ที่คิดแต่จะได้ คิดแต่จะตักตวงความสุขจากผู้หญิงทุกคนที่มาเกี่ยวข้อง  ไม่คิดว่าตนกำลังก่อบาปกรรมกับผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นสีนวล รำไพ บัวน้อย สุดสวาท อาจด้วยค่านิยมในยุคสมัยนั้น การที่ผู้ชายมีภรรยาหลายคนไม่ใช่เรื่องแปลก เพียงแต่ ณ ขณะนั้น กำลังเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่าน สภาพเศรษฐกิจ สังคมเข้าสู่รูปแบบตะวันตกมากขึ้น ครอบครัวแบบสามีหนึ่ง ภรรยามากมายอยู่ร่วมกันเป็นเรือนใหญ่เริ่มทำได้ยากขึ้น และอาจสร้างปัญหาตามมามากมาย ไรวินท์จึงเลือกที่จะทำเป็นบ้านเล็กแยกออกไป สิ่งที่ไรวินท์ขาดมากๆในกรณีนี้ คือ การถนอมความรู้สึกของสีนวล แม้ว่าไรวินท์จะรักสีนวลไม่ได้จนแม้แต่เมื่อกลายเป็นวิญญาณที่ถูกจองจำ ไรวินท์ก็ยังไม่สามารถทำใจรักสีนวลได้  แต่ไรวินท์สามารถเลือกถนอมความรู้สึกของสีนวลในฐานะศรีภรรยาได้ อย่างที่หลายๆคู่ในสมัยนั้นทำ  ความเกรงใจ ให้เกียรติ ไม่ทำร้ายกันด้วยคำพูดร้ายๆ การกระทำแย่ๆ เท่านี้ก็น่าจะทำให้สีนวลมีความสุขอยู่ได้ระดับหนึ่ง เราเชื่อว่า ในยุคสมัยนั้น หลายๆคู่ไม่พูดถึงความรู้สึกรัก อาจพยายามหลีกเลี่ยงที่จะเข้าไปแตะต้องอารมณ์และความรู้สึกรักของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ  เพราะบางคนได้ให้ความรักกับผู้อื่นไปแล้ว  หากเมื่อต้องมาแต่งงานอยู่กินกับคนที่ไม่ใช่ การอยู่ด้วยกันอย่างทะนุถนอมความรู้สึกซึ่งกันและกัน จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

สีนวลในความคิดของไรวินท์ จึงเป็นคนที่ไรวินท์รักไม่ได้ ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว ไรวินท์เองนั่นแหละที่ปักใจไปเช่นนั้น เพราะไม่ได้รัก และไม่คิดจะรัก ไม่คิดจะเกรงใจหรือให้เกียรติใดๆ แค่วางไว้เป็นหัวหน้าบ่าวไพร่ในบ้าน ก็คิดว่าได้ให้เกียรติอย่างสูงสุด ซึ่งก็อาจเป็นการกระทำที่ซ้ำรอยบิดาของตนเอง ทั้งๆที่เกลียดการกระทำนั้นหนักหนา แต่กลับหนีไม่พ้น  เรื่องนี้อยากจะยืนยันว่า มีอยู่จริงๆ และมักเป็นเช่นนี้ในกรณีของพ่อกับลูกชาย  ลูกชายที่แสนจะเกลียดการกระทำแย่ๆของพ่อ หลายคนเหลือเกินที่เมื่อเติบโตขึ้น กับใช้ชีวิตและกระทำในแบบเดียวกับที่พ่อทำ จึงมีคำกล่าวที่สอนคนเป็นพ่อแม่ที่ว่า เด็กจะไม่เชื่อที่พ่อแม่พูด แต่เด็กจะเชื่อและทำตามในสิ่งที่พ่อแม่ทำ จุดนี้แหละที่เป็นปมที่สำคัญ ทำอยากจะให้คนดูได้สะกิดใจ และระมัดระวังการกระทำของตนเองในขณะที่ลูกๆเฝ้ามองอยู่

ขอวกกลับไปที่สีนวลใหม่  สีนวลเองก็เป็นผู้หญิงที่ยึดมั่นถือมั่นไม่เข้าเรื่อง อาจเพราะเธอไม่ได้ถูกสั่งสอนอบรมให้เห็นคุณค่าของตนเอง (Self Esteem) เธอจึงต้องยึดผู้อื่นเป็นสรณะอยู่ตลอด แม้ว่าเมื่อคุณนายวารีจากไปแล้ว เธอก็ยังยึดมั่นว่าจะรอไรวินท์ ตามคำสั่งเสียของคุณนายวารี โดยไม่ฉุกใจคิดว่า เมื่อเขาไม่รัก ไม่ต้องการ ทำไมต้องไปใยดี  สู้ทำมาหากินเป็นแม่ม่ายทรงเครื่อง อยู่อย่างสวยๆรวยๆไปไม่ดีกว่าหรือ ตรงนี้เป็นจุดแตกต่างระหว่างสีนวลกับคุณนายวารีอย่างมาก  เราเชื่อว่า ถ้าคุณนายวารีมาเป็นสีนวล แล้วพบจดหมายขอเงินจากไรวินท์ คุณนายคงไม่ยอมส่งเงินให้ง่ายๆ แต่คงสั่งให้เด็กไปตามไรวินท์มาพบและถึงจะมอบเงินให้ด้วยตัวเอง หรืออาจจะไม่ให้เลยด้วยซ้ำ  เพราะฟังจากวันที่ไปเยี่ยมคุณแรม จะเห็นว่า คุณนายวารี ใจแข็งไม่ใช่น้อย และระดับคุณนายวารีที่ทำการค้ามาจนร่ำรวย ย่อมไม่เสียเหลี่ยมให้ใครง่ายๆอย่างสีนวล  หากเพียงสีนวลจะรักตัวเองมากกว่านี้ ไม่เอาทั้งชีวิต ทั้งจิตวิญญาณไปผูกติดกับคนอื่น จนแม้เมื่อตัวตายไป ยังยึดติดวนเวียนอยู่กับไรวินท์ด้วยความแค้น  สีนวลน่าจะมีทางออกชีวิตที่สวยงามกว่านี้มาก  ผู้ประพันธ์จึงส่งแพรขาว มาเป็นตัวเปรียบเทียบให้เห็นว่า ผู้หญิงที่เห็นคุณค่าของตัวเอง แม้เมื่อล้มเหลวในชีวิตคู่ แม้ว่าจะต้องเผชิญปัญหาร้อยแปดพันประการ แต่แพรขาวก็สามารถยีนหยัด ต่อสู้ ทำทุกอย่างเพื่อลูกมาได้ ฉะนั้น การที่จะคิดว่า ผู้หญิงที่เป็นปดิวรัดา ไม่ได้มีชีวิตสวยงามเสมอไป ก็อาจจะคิดได้ เพราะคำว่า ปดิวรัดา เป็นเพียงคุณสมบัติรวมๆของภรรยาในแง่ของการดูแลเอาใจใส่ จงรักภักดีต่อสามี แต่ไม่ได้พูดถึงในแง่ของความเป็นมนุษย์ ที่ควรจะเห็นคุณค่าของตัวเอง รักและให้เกียรติตัวเองเป็นปฐม ก่อนที่จะไปรักและให้เกียรติผู้อื่น เมื่อผิดพลาด ก็สามารถดึงตัวเอง ดึงคุณค่าของตัวเองกลับมาได้ นี่ต่างหาก คือ แกนหลักของเรื่องนี้ที่อยากให้คนดูได้ฉุกคิดและสอนใจ หากต้องเพลี่ยงพล้ำไปในชีวิตคู่ หรือเมื่อมีอุปสรรคใดๆในชีวิต ขอให้รัก และให้เกียรติตนเองเป็นอย่างแรก แล้วค่อยๆคิด ค่อยๆต่อสู้กับความทุกข์ไป โดยไม่ทำร้ายตัวเองอย่างที่สีนวลทำจนแม้เมื่อตายกลายเป็นวิญญาณ ความยึดมั่นถือมั่นก็ยังตามติดวนเวียน ทำให้สีนวลเหมือนตกนรกอยู่ที่เสาเรือนนั้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่