ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม ครูที่สอนภาษาญี่ปุ่นเขาจะชอบพูดเรื่องเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นให้ฟัง เขาก็จะอารมณ์เหมือนเพ้อฝัน พูดแต่ด้านดี ๆ ของคนญี่ปุ่นให้ฟัง คือมีแต่ข้อดีหมดเลย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องที่เรารู้ ๆ กัน อย่างความตรงเวลา ความมีระเบียบวินัย ฯลฯ ทำให้ในหัวของผมและเพื่อน ๆ อีกหลายคน คนญี่ปุ่นเป็นชนชาติที่ดีมาก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แม้แต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย อาจารย์ชาวญี่ปุ่นหลายคนก็เป็นตามที่ผมเคยได้เรียนรู้มา แล้วอาจารย์ทุกคนก็ใจดีมากด้วย ถ้าจะมีโหดก็แค่โหดในเรื่องของเกณฑ์การให้คะแนน หรือความเข้มข้นของเนื้อหา วิชาที่สอน แต่นิสัยก็ไม่ได้โหดร้ายอะไร ใจดีกันหมด
แต่พอได้ทำงานกับคนญี่ปุ่น ผมก็ได้รู้ว่า ภาพลักษณ์ที่ผมเคยเรียนรู้มา มันพังทลายไปหมดเลย คือมันก็จริงอยู่ ตรงที่คนญี่ปุ่นมีระเบียบ ตรงเวลา แต่ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า คนญี่ปุ่นขี้โมโห และยังมีอีกหลาย ๆ อย่างที่ทำให้ผมรู้ว่า คนญี่ปุ่นมันก็ไม่ได้ดีไปซะทั้งหมด อย่างกระทู้
http://ppantip.com/topic/34687437 ที่ผมเคยตั้งไว้
คืออาจารย์ตอนมัธยมเขาจะพยายามสอนผมกับเพื่อน ๆ ว่า คนญี่ปุนเป็นคนดี คือส่วนใหญ่เป็นคนดี อาจเป็นส่วนน้อยที่เป็นคนไม่ดี หรือผมอาจจะโชคร้ายเจอแต่คนไม่ดีก็ได้ คือผมเคยทำงานที่โรงงานแห่งหนึ่ง เป็นโรงงานคนไทยนะ แต่จ้างคนญี่ปุ่นมาทำงานด้วย ผมก็ไม่รู้หรอกว่าคนญี่ปุ่นโรงงานอื่นเขาเป็นยังไง แต่ผมรู้สึกไม่ชอบคนญี่ปุ่นที่โรงงานนี้ โดยเฉพาะนายคนแรกที่ผมต้องประกบเขา เขาจะขี้โมโห ตอนผมเข้าไปใหม่ ๆ แปลให้เขาไม่ได้ เขาโวยวาย แบบอารมณ์เสียมากเลย หรือตอนนั้นเคยมีพนักงานคนอื่นทำอะไรบางอย่างที่มันผิด เขาโวยเสียงดังลั่นเลย ปากระดาษลงบนโต๊ะเสียงดังด้วย คนทั้งออฟฟิศอึ้งกันหมด คือพวกพี่ ๆ เขาชินแล้วแหละกับนายคนนี้ มีผมกับเพื่อนล่ามอีกสองคนที่เพิ่งเข้าไปใหม่ที่ตกใจนิด ๆ ซึ่งนั่นแหละ ทำให้ผมรู้ว่าคนญี่ปุ่นขี้โมโห
พอได้ย้ายมาอยู่กับนายอีกคน คนนี้ตอนแรกดูดีกว่านายคนเดิม มีอารมณ์เฮฮา ตลก อารมณ์ดี้ ขี้เล่น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ต่างกัน แถมยังหนักกว่าในเรื่องที่ชอบลงไม้ลงมือ แต่ก็มีล่ามรุ่นพี่เตือน ๆ เขา ตอนหลังเขาก็เลยเลิกการลงไม้ลงมือไป และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นคนญี่ปุ่นที่ขี้เกียจ คือไม่เอาอะไรเลย ๆ จริง ๆ ใช้คนอื่นอย่างเดียว ตัวเองนั่งดูข่าวในมือถือ งานไม่ทำ นั่งหลับอีกต่างหาก คนญี่ปุ่นที่เป็นหัวหน้าเองก็ไม่ปลื้มสักเท่าไรด้วย เพราะคนที่เป็นหัวหน้าเขาบ้างาน เคร่งเครียด จริงจังกับการทำงานมาก ๆๆๆๆๆๆ ถึงขนาดบางทีตัวเองเจ็บขาจนต้องใช้ไม้เท้า หรือเจ็บขาจนหน้าบูดหน้าเบี้ยวก็ยังฝืนมาทำงาน คืองานสำคัญกว่าชีวิต ว่างั้นเหอะ
ตอนนี้ผมออกมาแล้ว อยู่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่มีคนไข้ญี่ปุ่นเข้ามารักษาไม่เว้นแต่ละวัน ทำให้ผมได้เห็นคนญี่ปุ่นที่หลากหลายรูปแบบมากขึ้นไปอีก คนดี ๆ แบบที่อาจารย์ผมสอนก็มี แต่ร้ายไปเลยก็มีเหมือนกัน บางคนก็ร้ายขนาดล่ามที่เป็นคนญี่ปุ่นด้วยกันยังไม่ค่อยชอบ
ตั้งแต่ทำงานกับคนญี่ปุ่นมา มันทำให้ทราบว่า สิ่งที่ผมเคยรู้มาเกี่ยวกับคนญี่ปุ่น มันเป็นแค่ภาพลวงตา
แต่พอได้ทำงานกับคนญี่ปุ่น ผมก็ได้รู้ว่า ภาพลักษณ์ที่ผมเคยเรียนรู้มา มันพังทลายไปหมดเลย คือมันก็จริงอยู่ ตรงที่คนญี่ปุ่นมีระเบียบ ตรงเวลา แต่ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า คนญี่ปุ่นขี้โมโห และยังมีอีกหลาย ๆ อย่างที่ทำให้ผมรู้ว่า คนญี่ปุ่นมันก็ไม่ได้ดีไปซะทั้งหมด อย่างกระทู้ http://ppantip.com/topic/34687437 ที่ผมเคยตั้งไว้
คืออาจารย์ตอนมัธยมเขาจะพยายามสอนผมกับเพื่อน ๆ ว่า คนญี่ปุนเป็นคนดี คือส่วนใหญ่เป็นคนดี อาจเป็นส่วนน้อยที่เป็นคนไม่ดี หรือผมอาจจะโชคร้ายเจอแต่คนไม่ดีก็ได้ คือผมเคยทำงานที่โรงงานแห่งหนึ่ง เป็นโรงงานคนไทยนะ แต่จ้างคนญี่ปุ่นมาทำงานด้วย ผมก็ไม่รู้หรอกว่าคนญี่ปุ่นโรงงานอื่นเขาเป็นยังไง แต่ผมรู้สึกไม่ชอบคนญี่ปุ่นที่โรงงานนี้ โดยเฉพาะนายคนแรกที่ผมต้องประกบเขา เขาจะขี้โมโห ตอนผมเข้าไปใหม่ ๆ แปลให้เขาไม่ได้ เขาโวยวาย แบบอารมณ์เสียมากเลย หรือตอนนั้นเคยมีพนักงานคนอื่นทำอะไรบางอย่างที่มันผิด เขาโวยเสียงดังลั่นเลย ปากระดาษลงบนโต๊ะเสียงดังด้วย คนทั้งออฟฟิศอึ้งกันหมด คือพวกพี่ ๆ เขาชินแล้วแหละกับนายคนนี้ มีผมกับเพื่อนล่ามอีกสองคนที่เพิ่งเข้าไปใหม่ที่ตกใจนิด ๆ ซึ่งนั่นแหละ ทำให้ผมรู้ว่าคนญี่ปุ่นขี้โมโห
พอได้ย้ายมาอยู่กับนายอีกคน คนนี้ตอนแรกดูดีกว่านายคนเดิม มีอารมณ์เฮฮา ตลก อารมณ์ดี้ ขี้เล่น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ต่างกัน แถมยังหนักกว่าในเรื่องที่ชอบลงไม้ลงมือ แต่ก็มีล่ามรุ่นพี่เตือน ๆ เขา ตอนหลังเขาก็เลยเลิกการลงไม้ลงมือไป และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นคนญี่ปุ่นที่ขี้เกียจ คือไม่เอาอะไรเลย ๆ จริง ๆ ใช้คนอื่นอย่างเดียว ตัวเองนั่งดูข่าวในมือถือ งานไม่ทำ นั่งหลับอีกต่างหาก คนญี่ปุ่นที่เป็นหัวหน้าเองก็ไม่ปลื้มสักเท่าไรด้วย เพราะคนที่เป็นหัวหน้าเขาบ้างาน เคร่งเครียด จริงจังกับการทำงานมาก ๆๆๆๆๆๆ ถึงขนาดบางทีตัวเองเจ็บขาจนต้องใช้ไม้เท้า หรือเจ็บขาจนหน้าบูดหน้าเบี้ยวก็ยังฝืนมาทำงาน คืองานสำคัญกว่าชีวิต ว่างั้นเหอะ
ตอนนี้ผมออกมาแล้ว อยู่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่มีคนไข้ญี่ปุ่นเข้ามารักษาไม่เว้นแต่ละวัน ทำให้ผมได้เห็นคนญี่ปุ่นที่หลากหลายรูปแบบมากขึ้นไปอีก คนดี ๆ แบบที่อาจารย์ผมสอนก็มี แต่ร้ายไปเลยก็มีเหมือนกัน บางคนก็ร้ายขนาดล่ามที่เป็นคนญี่ปุ่นด้วยกันยังไม่ค่อยชอบ