สรุปเสี่ยเบนซ์ซิ่ง 257 กม./ชม.

ฝากขังผัด 2 อีก 12 วัน ‘เสี่ยเบนซ์’ ซิ่งชนนศ.ปริญญาโท 2 ศพ ‘พงศพัศ’ รุดประชุมร่วมพงส.ชมเปาะ ทำงานเยี่ยมใช้เป็นบรรทัดฐานได้ ชี้ไม่เกินสิ้นเม.ย.นี้ ส่งสำนวนให้อัยการสั่งฟ้องได้ เผยผู้ต้องหาซิ่งพายุ ความเร็วสูงสุดถึง 257 กม./ชม.

จากเหตุการณ์ที่นายเจนภพ วีรพร อายุ 37 ปี เสี่ยนำเข้ารถหรูซิ่งรถเบนซ์สีดำรุ่น CLK ทะเบียน ษง 3333 กรุงเทพมหานคร พุ่งชนท้ายรถเก๋งฟอร์ดรุ่นเฟียสต้า ทะเบียน ฆย 6911 กรุงเทพมหานคร ที่ติดแก๊สแอลพีจีอย่างแรงจนรถคู่กรณีเกิดระเบิดไฟลุกท่วมย่างสดนายกฤษณะ ถาวร อายุ 32 ปี คนขับและเป็นนิสิตปริญญาโท คณะพุทธศาสน์ สาขาสันติภาพของ มจร.กับ น.ส.ธันฐภัทร์ หรือเบนซ์ ฮ้อแสงชัย อายุ 34 ปี นิสิตปริญญาโทที่เดียวกันเสียชีวิตสยอง 2 ศพ เหตุเกิดที่ถนนพหลโยธิน กม.53 หมู่ 8 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 29 มี.ค. ที่ห้องประชุมนันทโชติ บก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท. ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ. พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.สุรินทร์ ทับพันบุบผา รอง ผบก.ภ. พระนครศรีอยุธยา ฐานะหัวหน้าทีมสอบสวน พร้อมพนักงานสอบสวน เข้าประชุมติดตามความคืบหน้าในคดี


คณะทำงาน ยัน สามารถส่งสำนวนให้อัยการฟ้องได้ไม่เกินสิ้น เม.ย.นี้
พล.ต.อ.พงศพัศ ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมว่า วันนี้มาติดตามคดีเพื่อสรุปความชัดเจนได้สอบปากคำไปแล้ว 40 ปาก คดีคืบหน้าไปแล้ว 80% พนักงานสอบสวนสอบพยานวัตถุ พยานบุคคล พยานเอกสาร ผลพิสูจน์หลักฐานในที่เกิดเหตุ ทุกทิศทุกทาง วันนี้ครบวันฝากขังนายเจนภพ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ฝากขังครั้งที่ 2 ตามเงื่อนไขเดิม ห้ามออกนอกประเทศ ห้ามขับรถ ต้องมารายงานตัวต่อศาลตามที่ศาลสั่ง และยึดใบอนุญาตขับขี่ ส่วนกล่องความเร็วของรถ ต้องรอผู้เชี่ยวชาญเบนซ์จากฮ่องกงมาตรวจสอบสิ้นเดือนนี้

ต่อมาหลังการประชุมนานกว่า 30 นาที พล.ต.อ.พงศพัศ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนและญาติผู้ตาย ว่า การทำงานของพนักงานสอบสวนในคดีนี้ ได้สอบสวนอย่างรอบคอบ ใช้ความพยายามหาข้อเท็จจริง มีกฎหมายรองรับ เป็นตัวอย่างบรรทัดฐาน ให้กับพนักงานสอบสวนทั่วประเทศในการแจ้งข้อหา ส่งสำนวนต่ออัยการให้ศาลลงโทษผู้กระทำผิด ส่วนเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้ตรวจสอบจุดเริ่มต้น ปลายทางที่เกิดเหตุ และจุดชน พิสูจน์ถนนทางวิทยาศาสตร์ ดูจากความเร็ว การยุบตัวของรถ ภาพของตัวต้นฉบับ สรุปความเร็วที่ 215-257 กม./ชม. มีการตั้งข้อหาเพิ่มอีก 2 ข้อหา ขับเร็วโดยประมาททำให้เสียทรัพย์ และขับรถหย่อนความสามารถเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต


พล.ต.อ.พงษ์พัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร.
"พนักงานสอบสวน ได้ตั้งเป้าสอบพยานบุคคลก่อนเกิดเหตุ หลังเกิดเหตุ และแวดล้อมใกล้เคียงจำนวน 43 ปาก สอบไปแล้วจำนวน 31 ปาก รวมถึงผู้เชี่ยวชาญ (โรงพยาบาล) ผลเป็นความลับในสำนวน สรุปสำนวนสั่งฟ้องเพิ่ม 2 ข้อหา มีพยานหลักฐานแน่นหนาเอาผิดผู้ต้องหาได้ วันนี้ศาลได้อนุมัติฝากขังต่ออีก 12 วันสิ้นสุดวันที่ 10 เมษายน และยืนยันว่าสำนวนทั้งหมดจะส่งให้อัยการฟ้องได้ในสิ้นเดือนเมษายนนี้แน่นอน"

พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวต่อว่า คณะกรรมการตรวจสอบความบกพร่องของ พ.ต.อ.พงษ์พัฒน์ สุขสวัสดิ์ ผกก.สภ.พระอินทร์ราชา และพ.ต.ท.สมศักดิ์ พลพันขาง พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ดูว่าเบื้องต้นเป็นไปตามระเบียบ หรือบกพร่องอย่างไร ผลสรุปว่า ตำรวจทั้งสองนายบกพร่อง ไม่ได้ถือระเบียบตามสำนวนที่จะเป็น จึงให้ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา ลงโทษตามวินัย และทางปกครอง ซึ่งทางผบ.ตร.ฝากขอโทษ ขออภัยที่พนักงานสอบสวนทำงานล่าช้าในจุดเริ่มต้น รู้สึกอับอายแต่จะทำให้ดีที่สุด ขอให้พี่น้องมั่นใจ ส่วนญาติทั้งสองฝ่ายได้กระตุ้นทางคดีประมาทและมึนเมาที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ให้สังคมกลับมาสนใจ เรื่องนี้ได้ปรึกษามูลนิธิเมาแล้วขับเพื่อยื่นญัตติต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และจะผลักดันเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด


สรุปผลเสี่ยเบนซ์ซิ่งชนฟอร์ด ใช้ความเร็วถึง 257 กม./ชม.
ทางด้านนายทิวากร ฮ้อแสงชัย บิดา น.ส.ธันฐภัทร์ หรือเบนซ์ ได้กล่าวในที่แถลงข่าวว่าขอชี้แนะพนักงานสอบสวนเรื่องการเจาะหาสารเสพติด ผู้ต้องหาไม่น่าจะปฏิเสธได้ และยังหาจากเส้นผม เล็บ และอื่นๆ ได้อีก ส่วนการตรวจรถเบนซ์ขอให้รีบตรวจ ในสังคมบ้านเรา ตำรวจมีกำลังน้อยต้องใช้กฎหมายที่เข้มข้น ตัวอย่างรถเบนซ์วิ่งชนไม้กั้นที่ด่าน มีแต่รปภ.เดินเข้ามาคุย ความจริงต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ด่านเพราะคนขับมีเจตนา มีทรัพย์สินเสียหาย เรื่องนี้หากมีการตรวจสอบตั้งแต่จุดแรก จุดที่จะเกิดเหตุชนกันก็จะไม่มี จึงขอฝากถึงผู้มีอำนาจ และผู้ใหญ่ช่วยแก้กฎหมายด้วย.
จากไทยรัฐ http://www.thairath.co.th/content/597993

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่