มาต่อกันกับรีวิว(?) ทริปนรก กับการตามล่าหาพ็อดกด กันต่อนะคะ
ที่ว่าทำไมเป็นทริปนรก ก็คงเป็นเพราะตัวเองแล้วล่ะค่ะ
"ทำพาสปอร์ตหาย"
นรกมาเยือนจริงๆค่ะ ความจริงรู้ตัวตั้งแต่ถึงที่พักแล้ว แต่ทำอะไรไม่ได้
ติดต่อกลับไทยก็ไม่ได้ สถานทูตไทยในเกาหลีก็ปิดแล้ว
มีพี่ให้เบอร์มา พอเช้าอีกวันก็โทรไม่ติด จนถึงวันทำการแล้วก็ยังไม่ติด
ไม่มีใครช่วยได้เลยซักคน เลยตัดสินใจ ไปตายเอาดาบหน้าค่ะ
*เปลี่ยนวันที่บนกระทู้นะคะ*
Day-4
เช้านี้ ก่อนเช็คเอาท์ สตาฟที่อลเล่ เอาต้นไม้มาเปลี่ยนใหม่
สัญญาค่ะ ว่าถ้ามีโอกาสมาเชจูอีก จะไปทำใบขับขี่แล้วเช่ารถขับเอา แล้วมาพักที่นี่อีก
นั่งบัสเหนื่อยจริงๆค่ะเที่ยวเชจู แถมเที่ยวไม่ทั่วอีก เม้มไว้ เดี๋ยวกลับมาเก็บ
หลังจากฟาดอาหารเช้าเป็นขนมปัง ไข่ทอด กับนมแล้ว ก็ได้เวลาลากของออกมา เข้าเมืองเชจู
คราวนี้ เราพักที่ Art airport guesthouse ขึ้นบัสสาย 730 ลงป้าย 탐라장애인 종합복지관 แล้วเดินย้อนกลับไปทางเดิมที่เคยลงตอนวันแรก ไปขึ้นสาย 200,36,90 อะไรมาก่อน ขึ้นอันนั้นค่ะ ลง 용문마을 ลงปุ๊บ เดินไปทางขวามือจะเจอซอยเดินไปในซอยเลยค่ะ
แต่แอบไม่ประทับใจที่นี่เพราะไม่มีสตาฟคอยรอรับ ปิดเวลา 10.30-16.00 ให้เช็คอินสี่โมงเย็น จะฝากกระเป๋าไว้ก็ไม่มีคนอยู่รับ
จนตัดสินใจ โทรไปหา ถึงมีคนมารับ (ค่าโทรศัพท์ฉัน ㅠ)
หงุดหงิดค่ะ ติดต่อสถานทูตไทยก็ไม่ได้ พรุ่งนี้ก็ต้องบินแต่เช้า ถามหาทางไปโรงพักก็ไม่มีใครรู้
เลยตัดสินใจจะไปสนามบิน เพราะไม่ไกลจากที่พักเท่าไหร่
เดินไปค่ะ เผื่ออากาศเย็นๆจะทำให้ใจเย็นลง ตอนแรกกะไม่ไปไหนแล้วค่ะ ไม่มีอารมณ์
พอไปถึงสนามบิน ก็เข้าไปถามที่เคาน์เตอร์ของเจ๊ส้ม นางก็ปัดไปถาม Information
ไปหา Information นางก็ปัดไปหา lose&found แล้วก็โดนปัดให้ไปหาตำรวจที่ชั้นสามอีก ก็หาไม่เจอ เดอนทั่วสนามบินเลยค่ะ
ไปเจอตำรวจอะไรซักอย่างอยู่ข้างล่าง ก็โดนปัดอีก ให้นั่งแท็กซี่ไปโรงพักนี้ บลาๆ เขียนที่อยู่ให้เรียบร้อย
ค่ะ ไปก็ไป พอไปถึงโรงพัก เหมือนฟ้ามาโปรด เจอคยองชัลอ้ปป้าค่ะ (คยองชัล=경찰=ตำรวจ)
คือ มีลุงๆอยู่ข้างหน้า ลุงปัดไป เข้าไปข้างในๆ รู้สึกรันทดตัวเอง
เข้าไปถึง มีตำรวจนั่งอยู่สองคน เป็นผู้หญิงกับผู้ชาย ผู้ชายเดินมาถาม นี่ก็เลยถามไปว่าพูดภาษาอังกฤษได้ไหม พอบอกว่าได้ เรา ก็บอกเค้าไปว่าทำพาสปอร์ตหาย รัวเลยค่ะทีนั้น ปกติ อังกฤษก็ไม่ค่อยได้ เกาหลีก็เรียนไปเสียดายตัง แต่วันนี้งัดมาใช้หมดอ่ะ
เค้าก็หันไปคุยกันเป็นภาษาเกาหลีว่าคนที่ไหน จีนเหรอ หรืออะไร ผู้ชายก็บอกว่า แทกุก(คนไทย) คือรู้ได้ไง ยังไม่ได้บอก
เราก็เลยเผือกไป บอกว่าถูกค่ะเป็นภาษาเกาหลีไป ผู้หญิงก็บอก เห้ย รู้ภาษาเกาหลีได้ไง ๕๕๕
หลังจากนั้น เค้าก็ให้เขียนชื่อ วันเกิด เบอร์โทร ที่ทำหาย กลับไทยเมื่อไหร่
เราก็พอลางๆว่าครั้งสุดท้ายที่เห็นคือบนเครื่องตอนมา เค้าก็บอกให้นั่งรอ
เท่านั้นแหละค่ะ ได้เรื่อง
ได้เรื่องเรานี่แหละค่ะ ยืนแอบกรี๊ดเขา ความบ้าผู้ชายบังเกิด อะไรจะหน้าใสปานนั้น
ซักพัก พอเค้าบอกว่าเจอแล้ว ผมนี่อยากจะเนียนเข้าไปกระโดดกอดด้วยความดีใจเลยฮะ *ผิด*
แล้วเค้าก็บอกให้ตำรวจเอารถมาส่งเรา ความรู้สึกเหมือนผู้ต้องหาเลย รู้สึกโดนจับ ๕๕๕๕
พอได้พาสปอร์ต ปรับอารมณ์ ตั้งสติใหม่ ก็เห็นว่า เพิ่งจะบ่ายสองอยู่เลย กว่าจะเช็คอินได้ก็สี่โมง เลยตัดสินใจไปตามเป้าหมายเดิม
คือ เจ้าพ็อดกด
เราเลยตามรีวิวนี้เค้าไป
http://seoulcafe2013.blogspot.kr/2015/03/jeju-cherry-blossom-festival.html?m=1
เราเลือกน่ง สาย 100 จากสนามบินไป ลง บัสเทอมินอล พอถึงแล้ว ไม่ต้องข้ามถนนนะคะเพราะเราดูแผนที่แล้วงง เดินข้ามถนนเฉย ๕๕๕๕
ลงปุ๊บ ไปทางซ้าย จะมีซอยค่ะ เดินเลี้ยวเข้าซอยไป จะเห็นเหมือนสนามกีฬาอยู่ ไปทางนั้นแหละค่ะ
เราค่อยๆเดิน ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ
เราคิดว่า คงได้แค่นี้ ที่บานจริงๆ เพราะมองไปรอบๆก็ไม่ค่อยบานเท่าไหร่
จะไม่บรรยายอะไรมาก ดูวนไปค่ะ ฮือออ ของจริงสวยกว่าในรูปเยอะเลย อยากให้มาเห็นกัน
ระหว่างนั้น ก็มีน้องนักกีฬาว่ายน้ำ ออกมาวิ่ง คือน้องวิ่งไปสามรอบแล้ว นังผู้หญิงคนนี้ก็ยังไม่ไปไหน ๕๕๕๕๕
บางคนก็พาน้องหมามาวิ่ง
บางคนก็แกล้งลูก วิ่งหนีลูก
จิ๋วร้องไห้ใหญ่เลย
หลังจากนั่งพัก ไถทวิต อ่านฟิคไปประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง ดูเวลาก็ห้าโมงกว่าละ กลับก็ได้
สาวๆซ้อมเทนนิสกัน วอร์มร่างกายท่ามกลางอะไรสวยๆแบบนี้ คงผ่อนคลายอ่ะ
เธอเป็นแค่ป้ายรถเมล์ จำเป็นต้องสวยขนาดนี้ไหม???
ตัดสินใจ เดิน กลับ ๕๕๕๕ เดินหนักมาก!
แต่ไม่เสียใจเลย ดูระหว่างสิ เราเจออะไร ฮืออ
รูปนี้ พีคมาก พีคที่สุด ประทับใจมาก มีโอกาส ปีหน้าจะมาอีกค่ะ พูดเลย
ปิดท้ายด้วย ขนม ๕๕๕๕๕ บังเอิญเจอฮันนี่บัตเตอร์ชิพ เลยซื้อมาลองกิน
คิดว่า เราคงไม่ชอบอะไรแนวนี้ เลยไม่ค่อยเท่าไหร่
ก็อร่อยอ่ะ แต่ให้เราพยายามหาซื้อคงไม่ทำ ㅠㅠ
เอามารวมกับขนมที่กินเหลือจากวันก่อนๆ ซื้อใหม่เรื่อยๆ อันเก่าก็กินไม่หมด ๕๕๕๕
วันนี้ เราขอจบเรื่องราวไว้เพียงเท่านี้ มาลุ้นกันว่าพรุ่งนี้ไปปูซาน เราจะได้เจอเจ้าพ็อดกดกันไหม?
แต่ก่อนอื่น มาลุ้นให้เราตื่นไปขึ้นเครื่องพรุ่งนี้ทันด้วยค่ะ ^^
ปล. เนื่องจากเป็นการเขียนรีวิวเองไม่ได้ตัง มีแต่เสียเงินโดยเราเองถึงจะถ่ายรูปสวยบ้างไม่สวยบ้างก็ " ห้ามไม่ให้เอารูปไปใช้ในเชิงพาณิยช์นะคะ"
[CR] ทริป "๑๐ วัน ในเกาหลี ตามล่าหาพ็อดกด (벗꽃)" เชจู,ปูซาน,จินเฮ,โซล,อินชอน (part 2)
ที่ว่าทำไมเป็นทริปนรก ก็คงเป็นเพราะตัวเองแล้วล่ะค่ะ
"ทำพาสปอร์ตหาย"
นรกมาเยือนจริงๆค่ะ ความจริงรู้ตัวตั้งแต่ถึงที่พักแล้ว แต่ทำอะไรไม่ได้
ติดต่อกลับไทยก็ไม่ได้ สถานทูตไทยในเกาหลีก็ปิดแล้ว
มีพี่ให้เบอร์มา พอเช้าอีกวันก็โทรไม่ติด จนถึงวันทำการแล้วก็ยังไม่ติด
ไม่มีใครช่วยได้เลยซักคน เลยตัดสินใจ ไปตายเอาดาบหน้าค่ะ
*เปลี่ยนวันที่บนกระทู้นะคะ*
Day-4
เช้านี้ ก่อนเช็คเอาท์ สตาฟที่อลเล่ เอาต้นไม้มาเปลี่ยนใหม่
สัญญาค่ะ ว่าถ้ามีโอกาสมาเชจูอีก จะไปทำใบขับขี่แล้วเช่ารถขับเอา แล้วมาพักที่นี่อีก
นั่งบัสเหนื่อยจริงๆค่ะเที่ยวเชจู แถมเที่ยวไม่ทั่วอีก เม้มไว้ เดี๋ยวกลับมาเก็บ
หลังจากฟาดอาหารเช้าเป็นขนมปัง ไข่ทอด กับนมแล้ว ก็ได้เวลาลากของออกมา เข้าเมืองเชจู
คราวนี้ เราพักที่ Art airport guesthouse ขึ้นบัสสาย 730 ลงป้าย 탐라장애인 종합복지관 แล้วเดินย้อนกลับไปทางเดิมที่เคยลงตอนวันแรก ไปขึ้นสาย 200,36,90 อะไรมาก่อน ขึ้นอันนั้นค่ะ ลง 용문마을 ลงปุ๊บ เดินไปทางขวามือจะเจอซอยเดินไปในซอยเลยค่ะ
แต่แอบไม่ประทับใจที่นี่เพราะไม่มีสตาฟคอยรอรับ ปิดเวลา 10.30-16.00 ให้เช็คอินสี่โมงเย็น จะฝากกระเป๋าไว้ก็ไม่มีคนอยู่รับ
จนตัดสินใจ โทรไปหา ถึงมีคนมารับ (ค่าโทรศัพท์ฉัน ㅠ)
หงุดหงิดค่ะ ติดต่อสถานทูตไทยก็ไม่ได้ พรุ่งนี้ก็ต้องบินแต่เช้า ถามหาทางไปโรงพักก็ไม่มีใครรู้
เลยตัดสินใจจะไปสนามบิน เพราะไม่ไกลจากที่พักเท่าไหร่
เดินไปค่ะ เผื่ออากาศเย็นๆจะทำให้ใจเย็นลง ตอนแรกกะไม่ไปไหนแล้วค่ะ ไม่มีอารมณ์
พอไปถึงสนามบิน ก็เข้าไปถามที่เคาน์เตอร์ของเจ๊ส้ม นางก็ปัดไปถาม Information
ไปหา Information นางก็ปัดไปหา lose&found แล้วก็โดนปัดให้ไปหาตำรวจที่ชั้นสามอีก ก็หาไม่เจอ เดอนทั่วสนามบินเลยค่ะ
ไปเจอตำรวจอะไรซักอย่างอยู่ข้างล่าง ก็โดนปัดอีก ให้นั่งแท็กซี่ไปโรงพักนี้ บลาๆ เขียนที่อยู่ให้เรียบร้อย
ค่ะ ไปก็ไป พอไปถึงโรงพัก เหมือนฟ้ามาโปรด เจอคยองชัลอ้ปป้าค่ะ (คยองชัล=경찰=ตำรวจ)
คือ มีลุงๆอยู่ข้างหน้า ลุงปัดไป เข้าไปข้างในๆ รู้สึกรันทดตัวเอง
เข้าไปถึง มีตำรวจนั่งอยู่สองคน เป็นผู้หญิงกับผู้ชาย ผู้ชายเดินมาถาม นี่ก็เลยถามไปว่าพูดภาษาอังกฤษได้ไหม พอบอกว่าได้ เรา ก็บอกเค้าไปว่าทำพาสปอร์ตหาย รัวเลยค่ะทีนั้น ปกติ อังกฤษก็ไม่ค่อยได้ เกาหลีก็เรียนไปเสียดายตัง แต่วันนี้งัดมาใช้หมดอ่ะ
เค้าก็หันไปคุยกันเป็นภาษาเกาหลีว่าคนที่ไหน จีนเหรอ หรืออะไร ผู้ชายก็บอกว่า แทกุก(คนไทย) คือรู้ได้ไง ยังไม่ได้บอก
เราก็เลยเผือกไป บอกว่าถูกค่ะเป็นภาษาเกาหลีไป ผู้หญิงก็บอก เห้ย รู้ภาษาเกาหลีได้ไง ๕๕๕
หลังจากนั้น เค้าก็ให้เขียนชื่อ วันเกิด เบอร์โทร ที่ทำหาย กลับไทยเมื่อไหร่
เราก็พอลางๆว่าครั้งสุดท้ายที่เห็นคือบนเครื่องตอนมา เค้าก็บอกให้นั่งรอ
เท่านั้นแหละค่ะ ได้เรื่อง
ได้เรื่องเรานี่แหละค่ะ ยืนแอบกรี๊ดเขา ความบ้าผู้ชายบังเกิด อะไรจะหน้าใสปานนั้น
ซักพัก พอเค้าบอกว่าเจอแล้ว ผมนี่อยากจะเนียนเข้าไปกระโดดกอดด้วยความดีใจเลยฮะ *ผิด*
แล้วเค้าก็บอกให้ตำรวจเอารถมาส่งเรา ความรู้สึกเหมือนผู้ต้องหาเลย รู้สึกโดนจับ ๕๕๕๕
พอได้พาสปอร์ต ปรับอารมณ์ ตั้งสติใหม่ ก็เห็นว่า เพิ่งจะบ่ายสองอยู่เลย กว่าจะเช็คอินได้ก็สี่โมง เลยตัดสินใจไปตามเป้าหมายเดิม
คือ เจ้าพ็อดกด
เราเลยตามรีวิวนี้เค้าไป http://seoulcafe2013.blogspot.kr/2015/03/jeju-cherry-blossom-festival.html?m=1
เราเลือกน่ง สาย 100 จากสนามบินไป ลง บัสเทอมินอล พอถึงแล้ว ไม่ต้องข้ามถนนนะคะเพราะเราดูแผนที่แล้วงง เดินข้ามถนนเฉย ๕๕๕๕
ลงปุ๊บ ไปทางซ้าย จะมีซอยค่ะ เดินเลี้ยวเข้าซอยไป จะเห็นเหมือนสนามกีฬาอยู่ ไปทางนั้นแหละค่ะ
เราค่อยๆเดิน ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ
เราคิดว่า คงได้แค่นี้ ที่บานจริงๆ เพราะมองไปรอบๆก็ไม่ค่อยบานเท่าไหร่
จะไม่บรรยายอะไรมาก ดูวนไปค่ะ ฮือออ ของจริงสวยกว่าในรูปเยอะเลย อยากให้มาเห็นกัน
ระหว่างนั้น ก็มีน้องนักกีฬาว่ายน้ำ ออกมาวิ่ง คือน้องวิ่งไปสามรอบแล้ว นังผู้หญิงคนนี้ก็ยังไม่ไปไหน ๕๕๕๕๕
บางคนก็พาน้องหมามาวิ่ง
บางคนก็แกล้งลูก วิ่งหนีลูก
จิ๋วร้องไห้ใหญ่เลย
หลังจากนั่งพัก ไถทวิต อ่านฟิคไปประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง ดูเวลาก็ห้าโมงกว่าละ กลับก็ได้
สาวๆซ้อมเทนนิสกัน วอร์มร่างกายท่ามกลางอะไรสวยๆแบบนี้ คงผ่อนคลายอ่ะ
เธอเป็นแค่ป้ายรถเมล์ จำเป็นต้องสวยขนาดนี้ไหม???
ตัดสินใจ เดิน กลับ ๕๕๕๕ เดินหนักมาก!
แต่ไม่เสียใจเลย ดูระหว่างสิ เราเจออะไร ฮืออ
รูปนี้ พีคมาก พีคที่สุด ประทับใจมาก มีโอกาส ปีหน้าจะมาอีกค่ะ พูดเลย
ปิดท้ายด้วย ขนม ๕๕๕๕๕ บังเอิญเจอฮันนี่บัตเตอร์ชิพ เลยซื้อมาลองกิน
คิดว่า เราคงไม่ชอบอะไรแนวนี้ เลยไม่ค่อยเท่าไหร่
ก็อร่อยอ่ะ แต่ให้เราพยายามหาซื้อคงไม่ทำ ㅠㅠ
เอามารวมกับขนมที่กินเหลือจากวันก่อนๆ ซื้อใหม่เรื่อยๆ อันเก่าก็กินไม่หมด ๕๕๕๕
วันนี้ เราขอจบเรื่องราวไว้เพียงเท่านี้ มาลุ้นกันว่าพรุ่งนี้ไปปูซาน เราจะได้เจอเจ้าพ็อดกดกันไหม?
แต่ก่อนอื่น มาลุ้นให้เราตื่นไปขึ้นเครื่องพรุ่งนี้ทันด้วยค่ะ ^^
ปล. เนื่องจากเป็นการเขียนรีวิวเองไม่ได้ตัง มีแต่เสียเงินโดยเราเองถึงจะถ่ายรูปสวยบ้างไม่สวยบ้างก็ " ห้ามไม่ให้เอารูปไปใช้ในเชิงพาณิยช์นะคะ"
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น