ครั้งแรก
กลางเดือนมิถุนายน 2558 ค่ะ ตอนนั้นอายุ 25 ปี ปวดท้องผ่าตัดไส้ติ่ง ซึ่งก็ผ่านไปด้วยดีค่ะ แต่ฟื้นตัวช้าเพราะคุณหมอใช้วิธีวางยาสลบค่ะ ปรากฏว่าไส้ติ่งแตกตอนหมอผ่านพอดี โชคดีที่เชื้อยังไม่กระจาย จึงไม่ต้องเปิดแผลล้างท้องค่ะ คุณหมอบอกว่าของเรามันหลบอยู่หลังลำไส้ค่ะ ทำให้ปวดช้า กว่าจะรู้สึกปวดก็เลยอักเสบไปมากแล้ว การผ่าตัดผ่านไปด้วยดีค่ะ ผ่าท้องครั้งแรกเจ็บจริงๆ เป็นลูกแหง่อยู่บ้านไป 2 อาทิตย์
ผ่าครั้งที่สอง
หลังผ่าไส้ติ่ง เราก็เจ็บแผลบ้างเป็นพักๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าเป็นอาการปกติหลังผ่าตัด แต่ผ่านไปสี่เดือน ยังปวดไม่หาย จึงตัดสินใจกลับไปหาหมอท่านเดิม คุณหมอว่าอาจเป็นลำไส้อักเสบได้ จึงให้ยามาทาน หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปก็ยังไม่หาย กลับมาตรวจใหม่ ครั้งนี้คุณหมอเลยส่งตรวจอัลตราซาวด์ ส่วนของแผลไม่เป็นอะไร น่าจะมีพังพืดขึ้นทำให้ปวดได้ แต่กลับไปเจอก้อนขนาด 7 เซนติเมตร ที่ปลีกมดลูกด้านซ้ายแทน คือมาตรวจแผลไส้ติ่งด้านขวาค่ะ แต่หมอตาดีไปเจอของดีด้านซ้ายแทน จึงโดนส่งไปหาหมอสติตามยถากรรม
คุณหมอสูตินารีเวช ตรวจดูแจ้งว่าขนาดใหญ่ และเป็นก้อนเนื้อตัน แนะนำให้ผ่า แม้จะไม่มีอาการปวด แต่ต้องมาตรวจว่าเจ้านี่คืออะไรกันแน่ค่ะ กลางเดือนตุลาเข้าผ่าตัดอีกครั้ง การฟื้นตัวผ่านไปด้วยดี ฟื้นตัวเร็วกว่าครั้งแรกแม้แผลจะใหญ่กว่า เพราะบล๊อกหลังค่ะ หนึ่งอาทิตย์ต่อมา ผลปรากฏว่าเป็นช็อกโกแลตซี๊ด คุณหมอแนะนำให้ทานฮอร์โมน มีผลคล้ายๆกับยาคุม เพื่อกดฮอร์โมนเพศหญิงไว้ ไม่ให้โรคกำเริบอีก หมอบอกว่าผลข้างเคียงก็จะมีบ้างแต่น้อยกว่าการกินยาคุมหรือฉีดยาคุม เช่น น้ำหนักขึ้น สิวขึ้น ขนขึ้น แต่เมื่อหยุดทาน ก็ไม่มีผลข้างเคียงอะไร แต่ไม่รับประกันว่าตัวช็อคโกแลตซี๊ดจะกลับมาอีกหรือไม่ เราจึงตัดสินใจรับยานี้มาทานเป็นประจำค่ะ
เวลาผ่านไป เราก็คุยกับเพื่อนที่อยู่กรุงเทพเรื่องนี้ เพื่อนก็แนะนำว่ามีเพื่อนๆของเขาเป็นกันหลายคนนะ แต่ไม่เห็นต้องทานยาฮอร์โมนเลย ทานแต่น้ำมันปลา เพื่อนเราจึงไปถามเพื่อนเค้าว่าหาหมอที่ไหน และมาบอกเรา เราจึงเข้ากรุงเทพเดือนมกราคมไปตามคำแนะนำ คุณหมอคนใหม่เห็นยาแล้วบอกว่าฮอร์โมนตัวนี้ ถ้าทานติดต่อกันนานๆ จะมีโอกาสเป็นวัยทองเร็วขึ้น แนะนำให้หยุดและทานน้ำมันปลาแทน คุณหมอบอกว่าสาเหตุของช็อกโกแลตซี๊ดมาจากการที่ร่างกายขับประจำเดือนไม่หมด แต่น้ำมันปลา 1000 มิลลิกรัม ทานทุกวันเพื่อช่วยการหมุนเวียนของเลือด และออกกำลังกายเป็นประจำแทน จะช่วยได้ เราจึงทำตามหมอท่านนี้ และมีนัดกลับมาตรวจอีกครั้งในเดือนเมษา เพื่อดูว่ามันกลับมาสร้างก้อนเนื้ออีกหรือไม่
(เหตุที่เราไม่เคยรู้ว่าเป็นช็อกโกแลตซี๊ด และไม่เคยตรวจเลย เพราะประจำเดือนเรามาปกติ ตรงวันเกือบทุกเดือน คลาดเคลื่อนบ้างเล็กน้อย อาการปวดประจำเดือนก็มีเฉพาะวันแรกที่ประจำเดือนมา ซึ่งปวดไม่มาก ไม่เคยต้องพึ่งยาเลย)
ผ่าตัดครั้งที่สาม
ต้นเดือนมีนาคม เราคลำพบก้อนเนื้อที่หน้าอกขวาระหว่างอาบน้ำ จึงเข้ากรุงเทพไปตรวจอีกครั้ง พบก้อนเนื้อตัน เจาะออกไม่ได้ หลายก้อนที่หน้าอกทั้งสองข้าง แต่ก้อนใหญ่อยู่ด้านขวา ขนาด 3 เซนติเมตร เราก็บอกหมอเรื่องที่เป็นช็อกโกแลตซี๊ด และยาฮอร์โมนที่เคยทาน กับน้ำมันปลาที่ทานประจำ เราตัดสินใจผ่าเลย คราวนี้เข้าห้องผ่าแบบหน้าชื่นตาบานมากค่ะ ยิ้มให้พยาบาลทุกคน ผลปรากฏออกมาก็เป็นก้อนเนื้อธรรมดาค่ะ แต่หมอถามว่าเคยทานยาคุมหรือเปล่า เราตอบว่าไม่ค่ะ หมอจึงบอกว่าฮอร์โมนที่เคยทานน่าจะเป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายสร้างก้อนเนื้อตัวนี้ขึ้นมา
ตอนนี้ก็พักรักษาตัวค่ะ ออกกำลังกายเป็นประจำ และรอการตรวจเดือนเมษานี้ค่ะ ว่าที่มดลูกเป็นอย่างไรบ้าง (ขอให้ผ่านไปด้วยดี สาธุ)
เรื่องของเราสรุปสั้นๆได้ดังนี้ค่ะ
1. ประจำเดือนมาปกติก็เป็นช็อคโกแลตซี๊ดได้ค่ะ
2. ยาฮอร์โมนก็เหมือนยาคุมค่ะ แต่ผลข้างเคียงน้อยกว่า และมีผลกระทบกับแต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ
เราไม่เคยทานยาคุมเพราะยังไม่มีแฟน (หวงความโสดค่ะ อิอิ) แต่สำหรับท่านที่มียาคุมเป็นที่พึ่ง ขอแนะนำให้หยุดค่ะ เพราะมันทำร้ายร่างกายผู้หญิงอย่างเราในระยะยาว ซึ่งเมื่อหยุดทาน เราไม่รู้เลยว่าผลกระทบคืออะไร ให้ผู้ชายเป็นฝ่ายคุมด้วยถุงยางจะปลอดภัยกว่าค่ะ
3. รู้จักสังเกตตัวเองค่ะ อย่าปล่อยทิ้งไว้ คนที่ห่วงเรามากกว่าตัวเราคือพ่อแม่ค่ะ
ชีวิตเราเปลี่ยนไปมากค่ะ เสียน้ำตาไปเยอะเพราะรู้สึกผิดที่พ่อแม่ยังต้องมาดูแลเราทั้งที่โตขนาดนี้แล้ว
ไม่อยากดราม่ามาก ตอนนี้ก็ต้องก้าวต่อไป สู้ต่อไปค่ะ อย่างน้อยก็ยังโชคดีที่วันนี้มีชีวิตอยู่ค่ะ ออกกำลังกายมากขึ้น ระวังเรื่องการทานอาหารมากขึ้น (ระวังพวก ไข่ ไก่ ที่ถูกเลี้ยงด้วยการฉีดฮอร์โมนน่ะค่ะ) ลดความเครียด เพิ่มความสุข เราเชื่อว่าโรคภัย เป็นผลมาจากการดำเนินชีวิตที่ไม่ใส่ใจของเราเอง เมื่อเราปรับวิถีชีวิตได้ ทุกอย่างก็ดีขึ้น ไม่ใช่กรรมจากชาติที่แล้วแต่อย่างใด ทุกอย่างมันมีเหตุและผล (ศาสนาพุธสุดโต่งค่ะ ไม่เคยเชื่อเกจิอาจารย์ที่ไหน)
ระหว่างทางก่อนที่จะมาถึงวันนี้ พันทิปก็เป็นแหล่งข้อมูลและที่ที่ให้กำลังใจเรามาตลอดค่ะ คือแอบส่องบ่อยมาก แต่เพิ่งเคยโพสเองก็คราวนี้แหละค่ะ ขอบคุณโพสเก่าๆ ที่เคยให้ข้อมูลไว้ และอยากฝากเรื่องของเราไว้เป็นข้อมูลและข้อเตือนใจต่อไปนะคะ ขอบคุณค่ะ
แชร์ ประสปการณ์ ผ่าตัด 3 ครั้งในเวลาไม่ถึงปี เป็นข้อเตือนใจสำหรับผู้หญิงหลายๆ ท่านค่ะ
กลางเดือนมิถุนายน 2558 ค่ะ ตอนนั้นอายุ 25 ปี ปวดท้องผ่าตัดไส้ติ่ง ซึ่งก็ผ่านไปด้วยดีค่ะ แต่ฟื้นตัวช้าเพราะคุณหมอใช้วิธีวางยาสลบค่ะ ปรากฏว่าไส้ติ่งแตกตอนหมอผ่านพอดี โชคดีที่เชื้อยังไม่กระจาย จึงไม่ต้องเปิดแผลล้างท้องค่ะ คุณหมอบอกว่าของเรามันหลบอยู่หลังลำไส้ค่ะ ทำให้ปวดช้า กว่าจะรู้สึกปวดก็เลยอักเสบไปมากแล้ว การผ่าตัดผ่านไปด้วยดีค่ะ ผ่าท้องครั้งแรกเจ็บจริงๆ เป็นลูกแหง่อยู่บ้านไป 2 อาทิตย์
ผ่าครั้งที่สอง
หลังผ่าไส้ติ่ง เราก็เจ็บแผลบ้างเป็นพักๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าเป็นอาการปกติหลังผ่าตัด แต่ผ่านไปสี่เดือน ยังปวดไม่หาย จึงตัดสินใจกลับไปหาหมอท่านเดิม คุณหมอว่าอาจเป็นลำไส้อักเสบได้ จึงให้ยามาทาน หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปก็ยังไม่หาย กลับมาตรวจใหม่ ครั้งนี้คุณหมอเลยส่งตรวจอัลตราซาวด์ ส่วนของแผลไม่เป็นอะไร น่าจะมีพังพืดขึ้นทำให้ปวดได้ แต่กลับไปเจอก้อนขนาด 7 เซนติเมตร ที่ปลีกมดลูกด้านซ้ายแทน คือมาตรวจแผลไส้ติ่งด้านขวาค่ะ แต่หมอตาดีไปเจอของดีด้านซ้ายแทน จึงโดนส่งไปหาหมอสติตามยถากรรม
คุณหมอสูตินารีเวช ตรวจดูแจ้งว่าขนาดใหญ่ และเป็นก้อนเนื้อตัน แนะนำให้ผ่า แม้จะไม่มีอาการปวด แต่ต้องมาตรวจว่าเจ้านี่คืออะไรกันแน่ค่ะ กลางเดือนตุลาเข้าผ่าตัดอีกครั้ง การฟื้นตัวผ่านไปด้วยดี ฟื้นตัวเร็วกว่าครั้งแรกแม้แผลจะใหญ่กว่า เพราะบล๊อกหลังค่ะ หนึ่งอาทิตย์ต่อมา ผลปรากฏว่าเป็นช็อกโกแลตซี๊ด คุณหมอแนะนำให้ทานฮอร์โมน มีผลคล้ายๆกับยาคุม เพื่อกดฮอร์โมนเพศหญิงไว้ ไม่ให้โรคกำเริบอีก หมอบอกว่าผลข้างเคียงก็จะมีบ้างแต่น้อยกว่าการกินยาคุมหรือฉีดยาคุม เช่น น้ำหนักขึ้น สิวขึ้น ขนขึ้น แต่เมื่อหยุดทาน ก็ไม่มีผลข้างเคียงอะไร แต่ไม่รับประกันว่าตัวช็อคโกแลตซี๊ดจะกลับมาอีกหรือไม่ เราจึงตัดสินใจรับยานี้มาทานเป็นประจำค่ะ
เวลาผ่านไป เราก็คุยกับเพื่อนที่อยู่กรุงเทพเรื่องนี้ เพื่อนก็แนะนำว่ามีเพื่อนๆของเขาเป็นกันหลายคนนะ แต่ไม่เห็นต้องทานยาฮอร์โมนเลย ทานแต่น้ำมันปลา เพื่อนเราจึงไปถามเพื่อนเค้าว่าหาหมอที่ไหน และมาบอกเรา เราจึงเข้ากรุงเทพเดือนมกราคมไปตามคำแนะนำ คุณหมอคนใหม่เห็นยาแล้วบอกว่าฮอร์โมนตัวนี้ ถ้าทานติดต่อกันนานๆ จะมีโอกาสเป็นวัยทองเร็วขึ้น แนะนำให้หยุดและทานน้ำมันปลาแทน คุณหมอบอกว่าสาเหตุของช็อกโกแลตซี๊ดมาจากการที่ร่างกายขับประจำเดือนไม่หมด แต่น้ำมันปลา 1000 มิลลิกรัม ทานทุกวันเพื่อช่วยการหมุนเวียนของเลือด และออกกำลังกายเป็นประจำแทน จะช่วยได้ เราจึงทำตามหมอท่านนี้ และมีนัดกลับมาตรวจอีกครั้งในเดือนเมษา เพื่อดูว่ามันกลับมาสร้างก้อนเนื้ออีกหรือไม่
(เหตุที่เราไม่เคยรู้ว่าเป็นช็อกโกแลตซี๊ด และไม่เคยตรวจเลย เพราะประจำเดือนเรามาปกติ ตรงวันเกือบทุกเดือน คลาดเคลื่อนบ้างเล็กน้อย อาการปวดประจำเดือนก็มีเฉพาะวันแรกที่ประจำเดือนมา ซึ่งปวดไม่มาก ไม่เคยต้องพึ่งยาเลย)
ผ่าตัดครั้งที่สาม
ต้นเดือนมีนาคม เราคลำพบก้อนเนื้อที่หน้าอกขวาระหว่างอาบน้ำ จึงเข้ากรุงเทพไปตรวจอีกครั้ง พบก้อนเนื้อตัน เจาะออกไม่ได้ หลายก้อนที่หน้าอกทั้งสองข้าง แต่ก้อนใหญ่อยู่ด้านขวา ขนาด 3 เซนติเมตร เราก็บอกหมอเรื่องที่เป็นช็อกโกแลตซี๊ด และยาฮอร์โมนที่เคยทาน กับน้ำมันปลาที่ทานประจำ เราตัดสินใจผ่าเลย คราวนี้เข้าห้องผ่าแบบหน้าชื่นตาบานมากค่ะ ยิ้มให้พยาบาลทุกคน ผลปรากฏออกมาก็เป็นก้อนเนื้อธรรมดาค่ะ แต่หมอถามว่าเคยทานยาคุมหรือเปล่า เราตอบว่าไม่ค่ะ หมอจึงบอกว่าฮอร์โมนที่เคยทานน่าจะเป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายสร้างก้อนเนื้อตัวนี้ขึ้นมา
ตอนนี้ก็พักรักษาตัวค่ะ ออกกำลังกายเป็นประจำ และรอการตรวจเดือนเมษานี้ค่ะ ว่าที่มดลูกเป็นอย่างไรบ้าง (ขอให้ผ่านไปด้วยดี สาธุ)
เรื่องของเราสรุปสั้นๆได้ดังนี้ค่ะ
1. ประจำเดือนมาปกติก็เป็นช็อคโกแลตซี๊ดได้ค่ะ
2. ยาฮอร์โมนก็เหมือนยาคุมค่ะ แต่ผลข้างเคียงน้อยกว่า และมีผลกระทบกับแต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ
เราไม่เคยทานยาคุมเพราะยังไม่มีแฟน (หวงความโสดค่ะ อิอิ) แต่สำหรับท่านที่มียาคุมเป็นที่พึ่ง ขอแนะนำให้หยุดค่ะ เพราะมันทำร้ายร่างกายผู้หญิงอย่างเราในระยะยาว ซึ่งเมื่อหยุดทาน เราไม่รู้เลยว่าผลกระทบคืออะไร ให้ผู้ชายเป็นฝ่ายคุมด้วยถุงยางจะปลอดภัยกว่าค่ะ
3. รู้จักสังเกตตัวเองค่ะ อย่าปล่อยทิ้งไว้ คนที่ห่วงเรามากกว่าตัวเราคือพ่อแม่ค่ะ
ชีวิตเราเปลี่ยนไปมากค่ะ เสียน้ำตาไปเยอะเพราะรู้สึกผิดที่พ่อแม่ยังต้องมาดูแลเราทั้งที่โตขนาดนี้แล้ว
ไม่อยากดราม่ามาก ตอนนี้ก็ต้องก้าวต่อไป สู้ต่อไปค่ะ อย่างน้อยก็ยังโชคดีที่วันนี้มีชีวิตอยู่ค่ะ ออกกำลังกายมากขึ้น ระวังเรื่องการทานอาหารมากขึ้น (ระวังพวก ไข่ ไก่ ที่ถูกเลี้ยงด้วยการฉีดฮอร์โมนน่ะค่ะ) ลดความเครียด เพิ่มความสุข เราเชื่อว่าโรคภัย เป็นผลมาจากการดำเนินชีวิตที่ไม่ใส่ใจของเราเอง เมื่อเราปรับวิถีชีวิตได้ ทุกอย่างก็ดีขึ้น ไม่ใช่กรรมจากชาติที่แล้วแต่อย่างใด ทุกอย่างมันมีเหตุและผล (ศาสนาพุธสุดโต่งค่ะ ไม่เคยเชื่อเกจิอาจารย์ที่ไหน)
ระหว่างทางก่อนที่จะมาถึงวันนี้ พันทิปก็เป็นแหล่งข้อมูลและที่ที่ให้กำลังใจเรามาตลอดค่ะ คือแอบส่องบ่อยมาก แต่เพิ่งเคยโพสเองก็คราวนี้แหละค่ะ ขอบคุณโพสเก่าๆ ที่เคยให้ข้อมูลไว้ และอยากฝากเรื่องของเราไว้เป็นข้อมูลและข้อเตือนใจต่อไปนะคะ ขอบคุณค่ะ