หลังจากความสำเร็จในบอลโลก 2002 ทีมเกาหลีใต้ภายใต้โค้ช ฮอลแลนด์ อย่าง กุสฮิดดิ้ง แต่เมื่อลูกหม้ออย่างฮองเมียงโบ ไม่สามารถพาทีมไปได้ไกล สามคมฟุตบอลเกาหลีใต้จึงความนหาโค้ชนอกอีกครั้ง จนกระทั่ง มาถึงชายเยอรมันที่ชื่อ อูลี่ สตีลลิเก้ คนที่ประสบความสำเร็จในฐานะนักเตะ worldclass
จากอดีต ทีมที่พุ่งทะลุไปถึงอันดับ3 ของโลกฟุตบอล ถึงแม้ว่าจะโดนค่อนแคะว่าโกง แต่ต้องยอมรับความเป็นจริงว่า ศักยภาพของทีมเกาหลีเองก็มีดีพอ จนวันนี้พิสูจน์ให้เห็นกันแล้วว่านอกเหนือจากวัฒนธรรม k pop นักเตะโสมกลายเป็นสินค้าส่งออกชั้นดีในยุโรป เก่ง ไม่แพง แข็งแกร่ง
การเข้ามาของ อูลี่ อาจจะเป็น จิ๊กซอร์สำคัญที่ สมาคมฟุตบอลเกาหลีมองหามานาน เพราะในวันนี้ ถ้าเปรียบเทียบตัวนักเตะแล้ว โอกาสที่ทีมจะประสบความสำเร็จบนเวทีโลก มีสูงมาก นักเตะหลายคนเป็นคีย์หลัก อย่าง คีซุนยอง ซอนเฮืองมิน ที่เล่น ในสโมสรยุโรป และอีกไม่ช้าเราจะได้เห็นเมสซี่เกาหลีที่รอวันแจ้งเกิดกับบาร์เซโลน่าในเร็ววัน
สติลิเก้ มีบางสิ่งบางอย่างที่สอดคล้องกับจุดแข็งและเกมอย่างเกาหลีใต้ อดีตนักเตะเยอรมันหุ่นกระเป๋า (สูงแค่176 ซม) เพราะเขาเคยเล่นในตำแหน่ง มิดฟีลด์ตัวรับ คอยปัดกวาดก่อนถึงประตู ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเกมรับเกาหลีถึงแข็งปึ้ก เล่นมาแล้ว 7 นัดไม่เสียประตูเลย (ทีมชาติไทยควรเรียนรุ้การทำงานเกมรับจากทีมงานของสตีลลิเก้)
จากนั้น สตีลิเก้ในวัยนักเตะ ย้ายจากเยอรมันไปประสบความสำเร็จในระดับสโมสร กับรีลมาดริด และเขาสามารถที่จะทำประตูได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งๆที่ในตำแหน่งที่โอกาสทำประตูไม่ได้มีมากเท่ากองหน้าด้วยซ้ำไป
ครบเครื่องทั้ง รับและรุก และเขาคือต้นแบบความสำเร็จของ ฟร้านซ แบคเคนเบาวเว่อร์
สุดยอดนักเตะที่มีอิทธิพลต่อนักเตะเยอรมันตลอดกาลทั้งความความสามารถและความสำเร็จ
จุดเด่นของสติลีเก้ อีกอย่างนึงก้คือความอึด ทนทาน เนื่องจากเขาถือว่าเป็นสีดา(ฝรั่ง)ตัวเล็ก ดังนั้น เขาจึงต้องหาจุดชดเชยให้กับตัวเองเพื่อจะได้ต่อสู้กับนักเตะรูปร่างสูงใหญ่ได้
เสียดายที่ในยุคนั้น ทีมชาติเยอรมันเน้นนโยบายใช้ตัวผู้เล่นในประเทศ ทำให้โอกาสติดทีมชาติเยอรมันของเขาอาจน้อยไปนิด และความสำเร็จสูงสัดในทีมชาติ ก้เป็นเพียงรองแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 1982 โดยแพ้ อิตาลี 1-3 และสติลิเก้ ยังเป็นนักเตะเยอรมันเพียงคนเดียวที่ยิงจุดโทษพลาด ดังนั้น ความเจ็บปวดอันนี้ ยังอยู่ในใจเขาแน่นอน และถือเป็นบทเรียนราคาสูงที่สุดในชีวิตของเขาที่คงจะจำไปจนวันตาย
จากอดีตจนมาถึงวันที่เจารับงานโค้ชของเกาหลีใต้ มีสถิติที่น่าสนใจ อีกอย่างนึงก้คือ ทีมชนะถึง 72% ซึ่งถือเป็นสถิติที่สูงมาก และแน่นอน เขาน่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดของทีมพลังโสมในขณะนี้
มาดูกันในวันนี้ ว่า อูลี่ สติลีเก้จะวางแผนในการเล่นกับทีมไทยอย่างไร เขาจะรักษาสถิติ ชนะ แบบไม่เสียประตูติดต่อกันเป็นนัดที่ 8 ได้หรือไม่ น่าติดตามชม
อูลี่ ใช้ คีซุน ยอง นักเตะกองกลางเกมรับจากสวอนซี เป็นคีย์หลักในการเล่น ซึ่งทำให้การเล่นเกมรับจึงโดดเด่นเป็นพิเศษ เนื่องจากนักเตะผ่านการเคี่ยวกรำในพรีเมียร์ลีคอังกฤษในตำแหน่งเดียวกัน อีกทั้งนักเตะเองก็มี ศักยภาพครบเครื่อง ทั้งการจ่าบบอล พาบอลไปข้างหน้าได้ รวมถึงการยิงประตู(แฟนผีแดงน่าจะจำแม่นเพราะคี ชอบยิงแมนยูบ่อยๆ :-p)
เหตุผลอย่างนึงในการที่สมคมฟุตบอลเกาหลีใต้เลือก สติลีเก้ เพราะเขามีประสบการณ์ในการคุมทีมชาติเยอรมันชุดเยาวชน โดยเฉพาะในช่วงที่เยอรมันกำลังเปลี่ยนผ่านจาก ฟุตบอลสมัยใหม่เข้าสู่รุ่นใหม่ เขาคือคนที่สร้างระบบนั้น ดังนั้น ในสัญญาการคุมทีมโสม สติลิเก้ จึงมีหน้าที่ทำคลีนิคฟุตบอลและอบรมโค้ชของเกาหลีใต้ทั่วประเทศและทุกระดับเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระยะยาว
นี่คือ Vision ของสมาคมฟุตบอลเกาหลีใต้ ที่เราต้องดูเป็นตัวอย่าง
สิ่งที่เราจะได้เรียนรู้จากทีมเกาหลีใต้ นอกจากทักษะการเล่นที่เป็นระดับโลกแล้ว ความเคี่ยวในเกมรับที่เป็นจุดแข็งที่สำคัญซึ่งเราต้องดูเป็นพิเศษอีกด้วย
ติดตามเรื่องราวอื่นๆของฟุตบอลที่ผมเขียนได้ที่ www.brandchatz.com ครับ
เรียบเรียงข้อมูลบางส่วนจาก
https://en.wikipedia.org/wiki/Uli_Stielike
http://iamkoream.com/5-things-you-should-know-about-uli-stielike-skoreas-new-soccer-coach/
ผิดพลาดอย่างไรขออภัย
มารู้จักกับ อูลี่ สตีลลิเก้ โค้ชทีมชาติเกาหลีใต้
จากอดีต ทีมที่พุ่งทะลุไปถึงอันดับ3 ของโลกฟุตบอล ถึงแม้ว่าจะโดนค่อนแคะว่าโกง แต่ต้องยอมรับความเป็นจริงว่า ศักยภาพของทีมเกาหลีเองก็มีดีพอ จนวันนี้พิสูจน์ให้เห็นกันแล้วว่านอกเหนือจากวัฒนธรรม k pop นักเตะโสมกลายเป็นสินค้าส่งออกชั้นดีในยุโรป เก่ง ไม่แพง แข็งแกร่ง
การเข้ามาของ อูลี่ อาจจะเป็น จิ๊กซอร์สำคัญที่ สมาคมฟุตบอลเกาหลีมองหามานาน เพราะในวันนี้ ถ้าเปรียบเทียบตัวนักเตะแล้ว โอกาสที่ทีมจะประสบความสำเร็จบนเวทีโลก มีสูงมาก นักเตะหลายคนเป็นคีย์หลัก อย่าง คีซุนยอง ซอนเฮืองมิน ที่เล่น ในสโมสรยุโรป และอีกไม่ช้าเราจะได้เห็นเมสซี่เกาหลีที่รอวันแจ้งเกิดกับบาร์เซโลน่าในเร็ววัน
สติลิเก้ มีบางสิ่งบางอย่างที่สอดคล้องกับจุดแข็งและเกมอย่างเกาหลีใต้ อดีตนักเตะเยอรมันหุ่นกระเป๋า (สูงแค่176 ซม) เพราะเขาเคยเล่นในตำแหน่ง มิดฟีลด์ตัวรับ คอยปัดกวาดก่อนถึงประตู ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเกมรับเกาหลีถึงแข็งปึ้ก เล่นมาแล้ว 7 นัดไม่เสียประตูเลย (ทีมชาติไทยควรเรียนรุ้การทำงานเกมรับจากทีมงานของสตีลลิเก้)
จากนั้น สตีลิเก้ในวัยนักเตะ ย้ายจากเยอรมันไปประสบความสำเร็จในระดับสโมสร กับรีลมาดริด และเขาสามารถที่จะทำประตูได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งๆที่ในตำแหน่งที่โอกาสทำประตูไม่ได้มีมากเท่ากองหน้าด้วยซ้ำไป
ครบเครื่องทั้ง รับและรุก และเขาคือต้นแบบความสำเร็จของ ฟร้านซ แบคเคนเบาวเว่อร์
สุดยอดนักเตะที่มีอิทธิพลต่อนักเตะเยอรมันตลอดกาลทั้งความความสามารถและความสำเร็จ
จุดเด่นของสติลีเก้ อีกอย่างนึงก้คือความอึด ทนทาน เนื่องจากเขาถือว่าเป็นสีดา(ฝรั่ง)ตัวเล็ก ดังนั้น เขาจึงต้องหาจุดชดเชยให้กับตัวเองเพื่อจะได้ต่อสู้กับนักเตะรูปร่างสูงใหญ่ได้
เสียดายที่ในยุคนั้น ทีมชาติเยอรมันเน้นนโยบายใช้ตัวผู้เล่นในประเทศ ทำให้โอกาสติดทีมชาติเยอรมันของเขาอาจน้อยไปนิด และความสำเร็จสูงสัดในทีมชาติ ก้เป็นเพียงรองแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 1982 โดยแพ้ อิตาลี 1-3 และสติลิเก้ ยังเป็นนักเตะเยอรมันเพียงคนเดียวที่ยิงจุดโทษพลาด ดังนั้น ความเจ็บปวดอันนี้ ยังอยู่ในใจเขาแน่นอน และถือเป็นบทเรียนราคาสูงที่สุดในชีวิตของเขาที่คงจะจำไปจนวันตาย
จากอดีตจนมาถึงวันที่เจารับงานโค้ชของเกาหลีใต้ มีสถิติที่น่าสนใจ อีกอย่างนึงก้คือ ทีมชนะถึง 72% ซึ่งถือเป็นสถิติที่สูงมาก และแน่นอน เขาน่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดของทีมพลังโสมในขณะนี้
มาดูกันในวันนี้ ว่า อูลี่ สติลีเก้จะวางแผนในการเล่นกับทีมไทยอย่างไร เขาจะรักษาสถิติ ชนะ แบบไม่เสียประตูติดต่อกันเป็นนัดที่ 8 ได้หรือไม่ น่าติดตามชม
อูลี่ ใช้ คีซุน ยอง นักเตะกองกลางเกมรับจากสวอนซี เป็นคีย์หลักในการเล่น ซึ่งทำให้การเล่นเกมรับจึงโดดเด่นเป็นพิเศษ เนื่องจากนักเตะผ่านการเคี่ยวกรำในพรีเมียร์ลีคอังกฤษในตำแหน่งเดียวกัน อีกทั้งนักเตะเองก็มี ศักยภาพครบเครื่อง ทั้งการจ่าบบอล พาบอลไปข้างหน้าได้ รวมถึงการยิงประตู(แฟนผีแดงน่าจะจำแม่นเพราะคี ชอบยิงแมนยูบ่อยๆ :-p)
เหตุผลอย่างนึงในการที่สมคมฟุตบอลเกาหลีใต้เลือก สติลีเก้ เพราะเขามีประสบการณ์ในการคุมทีมชาติเยอรมันชุดเยาวชน โดยเฉพาะในช่วงที่เยอรมันกำลังเปลี่ยนผ่านจาก ฟุตบอลสมัยใหม่เข้าสู่รุ่นใหม่ เขาคือคนที่สร้างระบบนั้น ดังนั้น ในสัญญาการคุมทีมโสม สติลิเก้ จึงมีหน้าที่ทำคลีนิคฟุตบอลและอบรมโค้ชของเกาหลีใต้ทั่วประเทศและทุกระดับเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระยะยาว
นี่คือ Vision ของสมาคมฟุตบอลเกาหลีใต้ ที่เราต้องดูเป็นตัวอย่าง
สิ่งที่เราจะได้เรียนรู้จากทีมเกาหลีใต้ นอกจากทักษะการเล่นที่เป็นระดับโลกแล้ว ความเคี่ยวในเกมรับที่เป็นจุดแข็งที่สำคัญซึ่งเราต้องดูเป็นพิเศษอีกด้วย
ติดตามเรื่องราวอื่นๆของฟุตบอลที่ผมเขียนได้ที่ www.brandchatz.com ครับ
เรียบเรียงข้อมูลบางส่วนจาก
https://en.wikipedia.org/wiki/Uli_Stielike
http://iamkoream.com/5-things-you-should-know-about-uli-stielike-skoreas-new-soccer-coach/
ผิดพลาดอย่างไรขออภัย